‘เวียดนาม-ญี่ปุ่น’ ลงนาม MOU ขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้าและอุตสาหกรรม

นาย เหงวียน ฮ่ง เญียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ นายโยชิโนบุ นิซากะ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านการค้าและอุตสาหกรรม (MOU) เมื่อวันที่ 24 พ.ย. รัฐมนตรีเวียดนามมองว่ามีโอกาสอีกมากจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมธุรกิจเวียดนามและญี่ปุ่น โดยได้ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ ด้วยการสนับสนุนธุรกิจญี่ปุ่นให้เข้ามาทำการลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยธุรกิจของจังหวัดวากายานมะในการเข้าถึงตลาดที่มีประชากร 100 ล้านคนเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าถึงประชากรในประเทศสมาชิกอาเซียนราว 600 ล้านคน หรือตลาดที่ใหญ่กว่า อาทิ RCEP และ CPTPP นอกจากนี้ การลงทุนของธุรกิจของจังหวัดวากายามะ จะทำให้เวียดนามสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการผลิตและการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรและทักษะความเชี่ยวชาญ ตลอดจนทรัพยากรมนุษย์ยุคใหม่

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-industry-trade-ministry-japanese-prefecture-seal-cooperation-deal-907375.vov

“สิงคโปร์” รั้งอันดับ 2 ผู้นำสินค้ารายใหญ่จากเมียนมา

จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผย ปีงบประมาณ 2563-2564 สิงคโปร์เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับสองของเมียนมา มีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปีงบประมาณที่แล้ว มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯแบ่งเป็นการส่งออกมีมูลค่าถึง 207.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้ามีมูลค่ากว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมียนมาขาดดุลการค้าประมาณ 2.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสิงคโปร์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของเมียนมาในภูมิภาค รองจากไทย โดยเมียนมาส่งออกสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร รองเท้า สิ่งทอและเสื้อผ้า แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ขณะที่นำเข้าพลาสติก น้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง สินค้าอุปโภคบริโภค โลหะ และเคมีภัณฑ์

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/singapore-ranked-myanmars-second-largest-importer-in-fy2020-2021/

EXIM BANK ร่วมการประชุมระดับสูงด้านเศรษฐกิจการทูตในโครงการรถไฟจีน-ลาว

นายเชิดชัย ใจไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วย นางวรังคณา วงษ์คาหลวง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ของ EXIM BANK ได้เข้าร่วมการประชุม Economic Diplomacy High-Level Meeting on the China-Laos Railroad Projects โดยมีนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ในการประชุมที่จัดโดยกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศของ MFA ผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลและหุ้นส่วนเอกชนรายสำคัญได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจมหภาคและการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้อง แนวโน้มเศรษฐกิจไทยและการเตรียมความพร้อมของประเทศตลอดจนโอกาสและความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นของภาคเอกชน ผ่านการทูตทางเศรษฐกิจ เส้นทางใหม่นี้เป็นโอกาศที่สำคัญของสปป.ลาวในการเชื่อมต่อด้านเศรษฐกิจการค้า กับนานาประเทศรอบข้างโดยเฉพาะด้านที่ใหญ่อย่างจีนที่เป็นจุดหมายปลายทางของประเทศส่งออกทั่วโลกและประเทศไทยผู้ส่งออกรายสำคัญของสปป.ลาว เมื่อเริ่มปิดใช้บริการเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางการขนส่งที่สำคัญระดับภูมิภาค

ที่มา : https://www.ryt9.com/en/prg/254377

รัฐบาลกัมพูชารายงานถึงผลการจัดเก็บภาษี ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี

ทางการรัฐบาลกัมพูชารายงานถึงรายรับของภาครัฐบาลที่สูงถึง 11,921 พันล้านเรียล (ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ โดยกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังรายงานว่ารายรับของรัฐบาลที่รวบรวมได้คิดเป็นกว่าร้อยละ 75 ของเป้าหมายในปีงบประมาณ 2021 ที่ได้กำหนดไว้ที่ประมาณ 15,895 พันล้านเรียล (ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์) สำหรับรายจ่ายของภาครัฐบาลได้ใช้จ่ายไป 15,552 พันล้านเรียล (ประมาณ 3.8 พันล้านดอลลาร์) คิดเป็นร้อยละ 57 ของเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ที่ 27,285 พันล้านเรียล (6.8 พันล้านดอลลาร์) ที่ระบุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง กล่าวว่า รายรับและรายจ่ายของประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ภายใต้การควบคุมแม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของโครงการปฏิรูปการจัดการการเงินสาธารณะ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในความเพียงพอต่องบประมาณในการแก้ปัญหางานเร่งด่วนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50977133/government-revenue-reaches-75-percent-of-budget-bill-in-first-three-quarters/

ความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อกัมพูชา

ประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชา กล่าวถึง โอกาสหลังความร่วมมือระหว่างจีนและชาติอาเซียน ได้ขยายความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงศักยภาพข้าวของกัมพูชาที่มีอยู่ในตลาดจีน โดยถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกัมพูชาในการขยายปริมาณการส่งออกข้าวไปยังจีน หรือขอให้จีนขยายโควตาการนำเข้าข้าวจากกัมพูชาเพิ่มขึ้น ซึ่งผลผลิตข้าวของกัมพูชามีความได้เปรียบทั้งในด้านคุณภาพและราคา โดยความร่วมมือทวิภาคีที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นทำให้การค้าข้ามพรมแดนมีความสะดวกยิ่งขึ้น หลังจากที่ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะมีผลบังคับใช้ในไม่ช้า รวมถึงนับตั้งแต่การดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) ในปี 2010 การค้าและบริการระหว่างจีนและอาเซียนได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านการบูรณาการอย่างลึกซึ้งของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่คุณค่า ด้วยการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับผลิตภัณฑ์ 7,000 รายการ ระหว่างชาติอาเซียนและจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50976990/upgraded-china-asean-partnership-amplifies-rcep-co-op/

‘อุตสาหกรรมสิ่งทอ-เครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม’ มีโอกาสสดใสในปี 65

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คาดว่าจะเติบโตและสร้างรายได้จากการส่งออกราว 40 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีหน้า เมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายลงในเวียดนามและทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญและกิจการจำนวนมาก มองว่ามีสัญญาเขิงบวกต่อตลาดและแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอในปีหน้า ทั้งนี้ นายฝ่ามซานห่ง (Pham Xuan Hong) ประธานสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเมืองโฮจิมินห์ กล่าวว่ากิจการต่างๆ มีปริมาณสั่งซื้อค่อนข้างมากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ แสดงให้เห็นถึงสัญญาเขิงบวกสำหรับการฟื้นตัวของธุรกิจสิ่งทอในเมืองโฮจิมินห์ เช่นเดียวกับกิจการสิ่งทอในภาคใต้ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตและส่งออกสิ่งทอและเสื้อผ้าแห่งชาติของเวียดนาม (Vinatex) กล่าวว่าถึงแม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่ว่าประเทศต่างๆ เริ่มกลับมาฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ และความต้องการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของประเทศที่มีขนาดใหญ่ อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และจีน เริ่มกลับมาดำเนินการเป็นปกติช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดในปี 2562

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-us-trade-likely-to-reach-100-billion-usd-this-year/215948.vnp

‘เวียดนาม’ มีศักยภาพมหาศาลในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล

นาย Kitack Lim เลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) เข้าพบหารือกับนาย Nguyen Hoang Long เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหราชอาณาจักร กล่าวแสดงความชื่นชมเวียดนามว่ามีการพัฒนาอุตสาหกรรมทางทะเลอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยเวียดนามมีประชากรจำนวนมากและแรงงานที่มีศักยภาพ รวมถึงเวียดนามมีข้อได้เปรียบทางด้านการจัดหาอุปกรณ์เรือและการต่อเรือ เนื่องจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ในอินโดแปซิฟิก และเวียดนามมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเดินเรือทางทะลกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย สาธารณรัฐเกาหลีและจีน อีกทั้ง เอกอัครราชทูตฯ ได้ขอให้เลขาธิการฯ ช่วยเวียดนามในการปรับปรุงขีดความสามารถในการเดินเรือทางทะเล ด้วยเหตุนี้ จึงเปลี่ยนศักยภาพการเดินเรือทางทะเลให้เป็นข้อได้เปรียบของชาติ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-boasts-huge-potential-for-maritime-development-imo-secretary-general-907082.vov

เมียนมาพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต้นปีหน้า

เมื่อวันพุธ (24 พ.ย.64) กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวของเมียนมา เปิดเผยว่ามีแผนเริ่มกลับมารับท่องเที่ยวต่างประเทศในต้นปีหน้า ระยะแรกคาดจะรับนักท่องเที่ยวจากประเทศในภูมิภาคและร่วมหารือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบเมื่อสนามบินและชายแดนกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ข้อมูลล่าสุดชายแดนเมียนมา-ไทยจะเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนหน้า จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข มีประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 10.4 ล้านคน ซึ่งการระบาดชองโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของเมียนมาหยุดชะงัก ส่งผลให้โรงแรมและเกสต์เฮาส์บางแห่งต้องปิดกิจการลง เมื่อเดือนก.ย.64 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ ราว 100,000 คน ลดลง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีนักท่องเที่ยว 900,000 คน เนื่องมาจากการจำกัดการเดินทางในประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา : http://www.news.cn/english/asiapacific/2021-11/24/c_1310330100.htm

สปป.ลาว-โปแลนด์ ตกลงสำรวจการค้าและส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างกัน

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (LNCCI) และหอการค้าโปแลนด์-อาหรับแห่งชาติ (NPACC) ได้ตกลงที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า และความเป็นไปได้สำหรับความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างลาวและโปแลนด์ ด้วยความปรารถนาร่วมกันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป และสำรวจความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างลาวและโปแลนด์และประเทศอาหรับในบริบทของโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายจะเริ่มจากความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงแรกเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก นักลงทุนและการค้าให้มีควาสะดวกมากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพรวมทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

 

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_poland_231.php

ภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา เริ่มเห็นสัญญาการฟื้นตัว

ด้วยการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของกัมพูชา ที่ใกล้จะครอบคลุมจำนวนประชากรภายในประเทศ ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลน้ำราว 910,150 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 10,281 คน ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า การเติบโตด้านการท่องเที่ยว เป็นผลมาจากการที่นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางสาธารณะสุข รวมถึงการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำการฉีดวัคซีนครบตามจำนวนแล้วเข้ามาภายในประเทศโดยไม่ต้องกักตัว โดยสัญญาณบ่งชี้อีกอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวคือผู้คนภายในประเทศเริ่มใช้จ่ายเงินไปกับการเข้าพักในโรงแรมและร้านอาหารมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50976289/domestic-tourism-revival-bodes-well-for-return-of-international-visitors/