ปีงบฯ 63-64 การค้าทางทะเลเมียนมามา ลดฮวบ 2.28 พันล้านดอลลาร์ฯ

มูลค่าการค้าทางทะเลของเมียนมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 63 ถึง 12 กุมภาพันธ์ 64 ในปีงบประมาณ 2563-2564 มีมูลค่า 7.997 พันล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 2.28 พันล้านดอลลาร์  ในขณะที่การส่งออกมีมูลค่า 3.28 พันล้านดอลลาร์ การนำเข้าอยู่ 4.7 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีงบประมาณ 62-63 การนำเข้าลดลง 1.53 พันล้านดอลลาร์ในขณะที่การส่งออกลดลง 751 ล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันมูลค่าการค้าผ่านชายแดนปีงบประมาณนี้อยู่ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์ลดลง 56 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุหลักๆ คือ ผลกระทบจาก COVID-19 โดยเฉพาะมาตรการในการเข้มงวดของประเทศเพื่อบ้านและการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ส่งผลให้อัตราค่าขนส่งในเมียนมาร์เพิ่มขึ้นเป็นเกือบสามเท่าทำเกิดความล่าช้า การค้าระหว่างประเทศโดยรวมมีมูลค่าถึง 11.987 พันล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งลดลงจาก 14.3 พันล้านดอลลาร์ฯ จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สถิติของกระทรวงพาณิชย์ระบุ การค้าทางทะเลของเมียนมาสร้างรายได้ 26,000 ล้านดอลลาร์จากมูลค่าการค้าโดยรวมที่ 36,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงปีงบประมาณ 62-63 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ประมง แร่ธาตุ ปศุสัตว์ สินค้าจากป่า สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็นำเข้าสินค้าทุน สินค้าอุปโภคบริโภค และวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีท่าเรือ 9 แห่ง มีท่าเรือย่างกุ้งเป็นประตูหลักสำหรับการค้าทางทะเลของเมียนมา รวมถึงอาคารผู้โดยสารชั้นในของย่างกุ้งและท่าเรือติลาวาชั้นนอก

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/maritime-trade-decreases-by-2-28-bln-in-2020-2021fy/#article-title

อาเซียนเตรียมจัดประชุมพรุ่งนี้ หารือวิกฤตการเมืองเมียนมา

สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เตรียมจัดการประชุมพิเศษในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตการเมืองในเมียนมา การประชุมดังกล่าวถือเป็นการประชุมครั้งแรกของอาเซียน นับตั้งแต่ที่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.สมาชิกส่วนใหญ่ของอาเซียนต่างแสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุม ขณะที่มีการเชิญนายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศของเมียนมา เข้าร่วมการประชุมเช่นกัน รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกอาเซียนบางส่วนอาจเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ขณะที่บางส่วนอาจเข้าร่วมการประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ การประชุมดังกล่าวมีขึ้น หลังมีการจัดการเจรจา 3 ฝ่ายที่กรุงเทพฯ ระหว่างนายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศของเมียนมา, นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย และนายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางด้านนายฮิชแชมมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า อาเซียนควรมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา นอกจากนี้ นายฮิชแชมมุดดินยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงจากการใช้ความรุนแรง หลังจากมีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงการก่อรัฐประหารในเมียนมาถึง 18 รายเมื่อวานนี้ “เรามีความกังวลต่อการบาดเจ็บและการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ในเมียนมา” นายฮิชแชมมุดดินกล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนบูรไน ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้

ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2021/68604

เวียดนามเผยเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ดิ่งลง 15.6%

Foreign Investment Agency (FIA) ของเวียดนาม เผยว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ หดตัว 15.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นมูลค่า 5.46 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต มูลค่ากว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยภาคพลังงาน ประมาณ 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐ และภาคอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 485 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ นักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด มูลค่า 1.64 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาสิงคโปร์และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ปี 2563 เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ดิ่งลง 25% เมื่อเทียบเป็นรายปี มูลค่าอยู่ที่ 28.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางทางอากาศได้และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/fdi-down-15-6-pct-4240708.html

เวียดนาม-อังกฤษ เผยมูลค่าการค้าพุ่ง หลังบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรี UKVFTA

สำนักงานส่งเสริมตลาดยุโรปและอมริกา ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เผยว่าในเดือนมกราคม มูลค่าการส่งออกและนำเข้าระหว่างเวียดนามและสหราชอาณาจักร พุ่งสูงถึง 657 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนามส่งออกสินค้าไปยังสหราชอาณาจักร มูลค่ากว่า 598 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 84.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถือว่าเป็นการเติบโตได้ดีท่ามกลางโควิด-19 ระบาด และอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการยกระดับการส่งออกของเวียดนามคือ ความตกลงทางการค้าเสรีระหว่างสหราชอาณาจักร – เวียดนาม (UKVFTA) ที่มีผลยังคับใช้เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563 โดยสินค้าส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว อาทิ อาหารทะเล ผัก ชิ้นส่วนโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว สหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในเวียดนาม จำนวน 411 โครงการ ด้วยมูลค่าทุนจดทะเบียน 3.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การธนาคารและพลังงานหมุนเวียน

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-uk-trade-turnover-soars-after-post-brexit-free-trade-deal-4241118.html

เกษตรกรเมืองมี่นบู้ ปลื้ม ผลผลิต-ราคาถั่วเขียวเพิ่มขึ้น

เกษตรกรหมู่บ้าน U Yin Zin เมืองมี่นบู้ในเขตมะกเวพอใจกับผลผลิตถั่วเขียวที่เพิ่มสูงขึ้นและได้ราคาดีในตลาดท้องถิ่น บางส่วนเพาะปลูกหลังเผชิญกับมรสุมในช่วงเพาะปลูกข้าว และบางรายยังเพาะปลูกด้วยระบบน้ำชลประทาน ซึ่งในปีนี้ราคาลดลงเล็กน้อยจาก 41,000 จัตต่อตะกร้าเหลือ 38,000 จัตต่อตะกร้า ตามที่เกษตรกรในท้องถิ่นกล่าวว่ากรัมสีเขียวให้ผลผลิตอย่างมากมายและมีราคายุติธรรม ก่อนหน้านี้ผลผลิตถั่วเขียวในเมียนมาต่อปีมีเพียง 300,000 ตัน ต่อมามีการปลูกเพิ่มมากกว่า 600,000 ตัน นอกจากนี้การส่งออกส่วนใหญ่จะเน้นไปที่จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และยุโรป

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/farmers-enjoy-high-yield-of-green-gram/#article-title

คลังส่องหาทางผ่อนวินัยการเงินการคลัง หนี้สาธารณะปริ่มคอหอยแค่เฉียดเส้นตาย

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่ ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบในวงกว้างนั้น ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อรองรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ที่ต้องรับกับความผันผวนของเศรษฐกิจในอนาคต การกระตุ้นเศรษฐกิจยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวและฟื้นตัว ดังนั้นต้องพิจารณาผลของมาตรการต่างๆที่รัฐทยอยออกมาก่อนหน้านี้ ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด แล้วจะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอย่างไร เช่น มาตรการคนละครึ่ง จะสิ้นสุดเดือนมี.ค.นี้ โครงการเราชนะ สิ้นสุดการใช้เงินเดือนพ.ค. แล้วจะมีมาตรการใดต่ออีก หรือพอแล้ว เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว ในปีงบประมาณ 2564 มั่นใจว่าระดับหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบความยั่งยืนทางการคลังของรัฐบาล จะไม่เกิน 60% ของจีดีพี ตามที่ได้กำหนดไว้แน่นอน แต่อาจขึ้นไปแตะที่ระดับ 58-59% จากก่อนหน้านี้ที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า ระดับหนี้สาธารณะหลังกู้เงินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 1 ล้านล้านบาทเต็มจำนวนแล้ว จะขึ้นไปอยู่ระดับ 57% ของจีดีพี”.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/2041405

การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยหดตัวต่อเนื่อง

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยในช่วงต้นปี 2021 มีการหดตัวลงอย่างต่อเนื่องเนื่อง จากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 โดยการค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 653 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2021 ซึ่งลดลงร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบเป็นรายปีจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของไทย โดยกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังไทยในเดือนมกราคมมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 113 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่กัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทย 540 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 11.7 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปี 2020 ซึ่งปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 7.236 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้วลดลงร้อยละ 23 จากปี 2019 โดยขณะนี้ความพร้อมของวัคซีนโควิด-19 กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะมีความเคลื่อนไหวในการฟื้นตัวของกิจกรรมการค้าภายในประเทศที่ดีขึ้นในช่วงปี 2021

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50818390/cambodia-thailand-trade-continues-contraction/

กัมพูชาลงนามข้อตกลงด้านการสนับสนุนการพัฒนาภาคเอกชน

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) และบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อดำเนินโครงการ “การพัฒนาตลาดซัพพลายเชนทางการเงิน” โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้รับการลงนามเมื่อไม่นานมานี้ระหว่างผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายกำกับการธนาคารในนามของผู้ว่าการ NBC และผู้แทนของ IFC ซึ่งโครงการพัฒนาตลาดห่วงโซ่อุปทานทางการเงินจะช่วยสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาในการปรับปรุงภาคเอกชนในประเทศต่อไป นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการยุทธศาสตร์ชาติด้านการเงินรวมสำหรับปี 2019-2025 เพื่อส่งเสริมภาคสินเชื่อสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โครงการนี้จะมีบทบาทสำคัญในฐานะแนวทางสำหรับการจัดทำนโยบายสำหรับ SMEs และระบบทางการเงินในกัมพูชา ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการสนับสนุนด้านกฎระเบียบและการปรับปรุงความรู้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50818714/agreement-to-support-cambodias-private-sector-development-signed/

ถนนในเมืองได้รับการปรับปรุงเพื่อการจราจรและขนส่งที่ดีขึ้น

ถนนหลายสายทั่วเมืองหลวงได้รับการปรับปรุงหรือซ่อมแซมโดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงการจราจรและทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน โดยโครงการจะมีงบประมาณลงทุน 2.4 พันล้านกีบ นอกจากนี้กระทรวงโยธาธิการและการขนส่งยังได้ปรับปรุงถนนแห่งชาติหมายเลข 13 ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งและการขนส่งสินค้าที่สำคัญระหว่างสปป.ลาวและประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น จีน เวียดนามไทยและกัมพูชา ทั้งนี้การส่งเสริมดังกล่าวนอกจากกจะเป็นการลงทุนเพื่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้วถนนที่ปรับปรุงยังเป็นส่วนช่วยสนับสนุนการค้าระหว่างชายแดนสปป.ลาวและเพื่อนบ้านอีกด้วย

ที่มา https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_City_41.php

RCEP ยกระดับการส่งออกสินค้าเกษตรเวียดนาม

ความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (RCEP) เปิดโอกาสที่ดีให้แก่ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก นาย Lê Duy Minh ประธานสมาคมฟาร์มและวิสาหกิจการเกษตรเวียดนาม กล่าวว่า RCEP จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรของเวียดนาม สามารถเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเปิดโอกาสในการแข่งขันกับคู่แข่ง ซึ่งข้อตกลงการค้าดังกล่าว มีจำนวนประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ คิดเป็นสัดส่วน 29% ของ GDP โลก และมีจำนวนประชากรรวม 2.2 พันล้านคน ทั้งนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้จะช่วยยกระดับการส่งออกสินค้าเกษตรของเวียดนาม เนื่องจากกลุ่มประเทศสมาชิกมีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสใหม่แก่การค้ากับจีน ได้แก่ การสื่อสาร บริการทางการเงิน โลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/886346/rcep-offers-opportunity-to-expand-vietnamese-agricultural-exports.html