CDC อนุมัติโครงการลงทุนในกัมพูชาอีก 5 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านดอลลาร์

บริษัท 5 แห่งได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) เพื่อลงทุนในจังหวัดตาแก้ว, กัมปงสปือ, กัมปงชนัง, กันดาลและสเวย์เหรียง ด้วยเงินลงทุนรวมกว่า 50.5 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าโครงการที่ได้รับอนุมัติใหม่จะสร้างงานให้กับท้องถื่นได้ประมาณ 2,230 ตำแหน่ง ซึ่งโครงการใหม่ทั้ง 5 โครงการครอบคลุมถึงการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่ของเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเสื้อผ้า ตั้งแต่ต้นเดือนโดยตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ CDC ได้อนุมัติโครงการลงทุนไปแล้วกว่า 10 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการข้างต้นด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ สร้างโอกาสในการหางานรวมประมาณ 6,580 ตำแหน่ง และมองว่าการลงทุนดังกล่าวท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมของกัมพูชาแม้ว่าจะถูกคุกคามจากการระบาดในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50811151/cdc-approves-5-more-investments-worth-more-than-50-million-in-investment-capital/

เวียดนามเผยโควิด-19 ดันช็อปออนไลน์พุ่งในช่วงเทศกาลเต็ด

การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายเป็นตัวเร่งสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวเวียดนามเกิดการจับจ่ายสินค้าออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นตลอดทั้งปี คุณ Thu Hang นักบัญชีของธนาคารพาณิชย์ “Techcombank” กล่าวช่วงนี้ มีงานยุ่งกว่าปกติจากการทำรายงานเพื่อยื่นชำระทางด้านการเงินภายในสิ้นปี ดังนั้น การซื้อของออนไลน์บนเว็บไซต์จึงเป็นทางออก เพื่อที่จะเตรียมตัวสำหรับเทศกาลเต็ด (Tet) โดยเฉพาะในช่วงการรระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม เทศกาลเต็ดในปีนี้ ทางผู้ประกอบการค้าปลีกส่วนใหญ่ได้จัดโปรโมชั่นมากขึ้นและเตรียมสินค้าที่หลากหลาย ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ทั้งนี้ Tiki ผู้ให้บริการ E-Commerce รายใหญ่ของเวียดนาม ได้เพิ่มปริมาณสินค้าขึ้น 30% โดยเน้นอาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ทางโภชนากา นมและเครื่องเทศ เป็นต้น และคาดว่ายอดขายในช่วงเทศกาลดังกล่าว จะพุ่ง 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอย่าง Saigon Co.op, Big C และ Mega Market (MM) หันมาใช้เว็บไซต์และแอป เพื่อกระตุ้นการบริโภค นอกจากนี้ COVID-19 ยังสร้างโอกาสแก่ธุรกิจต่างๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่ดิจิทัล รวมไปถึงการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/covid-19-boosts-online-shopping-for-tet-316205.html

ผู้ประกอบการยุโรป มองสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในเวียดนามสดใส

การสำรวจดัชนีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของ EuroCham (BCI) ระบุว่าผู้ประกอบการยุโรปส่วนใหญ่มองสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของเวียดนาม อยู่ในแนวโน้มสดใส ซึ่งดัชนี BCI เพิ่มขึ้น 6 จุดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 แตะ 63.6% ตลอดทั้งปี ถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ BCI เติบโตได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ เป็นผลมาจากความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และผลบังคับใช้ของข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ที่มีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม โดยปัจจัยทั้งสองดังกล่าว ช่วยให้ความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นและกระตุ้นการทำธุรกิจ อีกทั้ง ตามการสำรวจของ EuroCham เผยว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 57% เชื่อว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีเสถียรภาพและดีขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากนั้น ประมาณ 70% ธุรกิจได้รับประโยชน์จาก EVFTA ที่มีผลบังคับใช้เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ธุรกิจราว 33% ชี้ว่าขั้นตอนการบริหารของทางราชการยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการเพิ่มความได้เปรียบจากข้อตกลงดังกล่าว

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/eu-firms-show-optimism-on-vietnams-business-climate-in-2021-28010.html

ท่ามกลางโควิด เมียนมายันเดินหน้าโครงการเริ่มธุรกิจใหม่

สภาบริหารแห่งรัฐที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ได้พบกับสมาชิกของสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา (UMFCCI) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุมนายพลอาวุโส มินอองหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นประธานสภากล่าวว่าธุรกิจต่างๆ จากภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์ การก่อสร้าง การค้า และการผลิต จะไม่มีการระงับโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะเดียวกันยังมีการพิจารณามาตรการในการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งท่ามกลาง COVID-19 โดยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือคนรากหญ้าในการเอาชนะความยากลำบากทางเศรษฐกิจและสังคมและการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางด้วยรถไฟรถยนต์และทางอากาศ อีกทั้งจะมีการเปิดเจดีย์ วัด และอาคารของศาสนาอื่น ๆ และยังแนะนำว่าควรเปิดโรงงานที่ผลิตอาหารจากภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์อีกครั้ง เพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของโลก นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการเริ่มต้นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอีกครั้ง การบริการธนาคาร และการเปิดให้บริการของบริษัททัวร์และโรงแรมในประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-affirms-continuation-projects-resumption-business-amid-covid-19.html

MasterCard ยังไม่เปลี่ยนแผนทำตลาดในเมียนมา

มาสเตอร์การ์ดกำลังติดตามสถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมาก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการดำเนินการต่อไป ซึ่งประชาชนมีความกังวลว่า MasterCard อาจยุติการดำเนินงานในประเทศหากมีการคว่ำบาตรจากต่างประเทศเนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ยังไม่ให้ความเห็นจะเกิดอะไรขึ้นหากมีการคว่ำบาตร Mastercard จับมือกับ CB Bank เพื่อให้บริการระบบการชำระเงินดิจิทัลเป็นครั้งแรกในเมียนมาเมื่อประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนหนึ่งได้ระงับการหลังการยึดอำนาจของกองทัพในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 ส่วนการบริหารส่วนใหญ่ในประเทศยังคงเป็นไปตามปกติ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/no-plans-mastercard-initiate-changes-myanmar-yet.html

ไตรศุลี กำชับตรุษจีนอย่าขายของแพง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2564 ซึ่งตรงกับวันที่ 12 ก.พ.เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้ดูแลควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน ร้านค้าต้องปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน ซึ่งการไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า ยังมีโทษตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ ประเมินว่า ประชาชนจะเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม โดยตรวจสอบทั้งราคาและการโฆษณาเกินจริง ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค รวมถึงป้องกันมิจฉาชีพ โฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงประชาชน จึงให้ประชาชน ได้ตรวจสอบข้อมูลก่อนเลือกซื้อสินค้า หากพบพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) 1166 โดย ในวันตรุษจีน วันที่ 12 ก.พ.นี้ รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ชิญชวนประชาชนจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยสามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐได้ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการหมุดเวียนของเม็ดเงิน กระจายสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง ช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ด้วย.

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/823919

ชูโมเดลบีซีจีทางรอดบนเวทีท่องเที่ยวอาเซียน

นาย​พิพัฒน์​ รัช​กิจประการ​ รมว.​การ​ท่องเที่ยว​และ​กีฬา​ เปิดเผยภายหลังเป็นหัวหน้าผู้แทนประเทศไทย​ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 24 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ว่า ประเทศไทยเห็นด้วยกับการทบทวนถึงวาระของแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวอาเซียน ปี 64-68 เพื่อให้แผนงานมีความทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการจัดลำดับและให้ความสำคัญกับกิจกรรมและโครงการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับประเทศสมาชิกอย่างเต็มที่เพื่อให้การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียนประสบผลสำเร็จ และเพื่อความแข็งแกร่งของประชาคมอาเซียนในระยะยาว “จากวิกฤติการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบในวงกว้างมากที่สุด ทำให้ไทยทบทวนว่าที่ผ่านมาเราได้ใช้ทรัพยากรสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และต้องแลกด้วยความเสื่อมโทรมของทรัพยากร โดยใช้งบประมาณจำนวนมากแก้ปัญหา อีกทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาอยู่ในลักษณะทำมากได้น้อย เกิดการพัฒนาแบบกระจุกตัว และก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ทำให้วันนี้ไทยได้พัฒนาโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า บีซีจี เพื่อแก้ปัญหา จึงถึงเวลาแล้วที่การท่องเที่ยวของอาเซียนต้องเริ่มต้นใหม่กับรูปแบบใหม่ และวิถีใหม่ เหมือนเป็นการเซตซีโร่เพื่อการท่องเที่ยวที่ดีกว่าเดิม”

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/823332

เวียดนามแอร์ไลน์ส ปี 63 ขาดทุน 480 ล้านเหรียญสหรัฐ

การระบาดของไวรัสโคโนนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่รุนแรงในปี 2563 สายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ส (Vietnam Airlines) เผยกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ราว 11.1 ล้านล้านด่อง (482 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่จะขาดทุนประมาณ 626.3 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นผลมาจากธุรกิจได้ทำตามขั้นตอนในการปรับค่าเสื่อมราคาและจัดสรรสำหรับการบำรุงรักษาเครื่องบินภายใต้โครงการสนับสนุนของรัฐบาล ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว รายได้ของสายการบินลดลง 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 356.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรขั้นต้นลดลง 63% มูลค่า 22.37 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น รายได้สะสมในปี 2563 อยู่ที่ 1.76 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมการบินดิ่งลงอย่างหนัก มาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เที่ยวบินในปีที่แล้ว ลดลง 48% เมื่อเทียบรายปี จำนวนผู้โดยสารลดลงเหลือ 14.23 ล้านคน อย่างไรก็ตามในอีก 5 ปีข้างหน้า สายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ส ได้ตั้งเป้าที่จะกลับมาดำเนินกิจการ ในขณะเดียวกันก็เร่งกระบวนการปรับโครงสร้างองค์กรและยกระดับการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะเรื่องการขายอากาศยานและเช่ากลับคืน (SLB)

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-airlines-suffers-losses-of-over-us480-million-in-2020-316168.html

บริษัทจัดจำหน่ายน้ำมันชั้นนำ ‘Petrolimex’ ของเวียดนาม กำไรร่วง 74%

‘Petrolimex’ ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ระบุว่าในปีที่แล้ว กิจการมีกำไรสุทธิ 1.23 ล้านล้านดอง (53.69 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ทั้งนี้ เมื่อปี 2562 กำไรของกิจการอยู่ที่ 4.77 ล้านล้านด่อง และกิจการยังมีสถานีจำหน่ายน้ำมันหลายพันแห่งทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันเครื่องบินลดลง 74% หลังจากเที่ยวบินระหว่างประเทศถูกระงับตลอดทั้งปี 2563 นอกจากนี้ กิจการดังกล่าวมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% รองลงมา PV Oil ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ในเวียดนาม

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/companies/oil-distributor-petrolimex-profit-falls-74-pct-4231261.html

ค่าเงินบาทพุ่ง กระทบผู้ค้าชายแดนนเมียวดีขาดทุนหนัก

เงินบาทของประเทศไทยมีมูลค่าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในเมืองเมียวดี ชายแดนเมียนมา – ไทยในขณะที่จัตของเมียนมากลับดิ่งค่าลงทำให้ผู้ที่ค้าขายด้วยเงินจัตต้องขาดทุนหลายแสน ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 64 ค่าเงินบาทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่กองทัพประกาศภาวะฉุกเฉินในเมียนมาเมื่อสองวันก่อน ผลักดันให้ประชาชนซื้อทองคำและเงินดอลลาร์กักตุนไว้จำนวนมาก ค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ในช่วงสองวันที่ผ่านมาซึ่งเป็นสัดส่วนที่ขาดทุน 5 ล้านจัตต่อผู้ที่ถือเงิน 100 ล้านจัต ขณะที่การค้าชายแดนเมียวดีค่าเงิน 100,000 จัตมีค่าเท่ากับ 2,310 บาท ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 ราคาตัวเป็น 2,210 บาท อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 45.24 จัตต่อบาทในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 64 ซึ่งจะมีผลดีต่อผู้ส่งออกส่วนการนำเข้าจะได้รับผลกระทบพอสมควร

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myawady-see-rise-in-thai-baht-value-kyat-holders-suffer-losses