โรงไฟฟ้า 2 แห่งในสปป.ลาวมีแผนที่จะขายไฟฟ้าให้กัมพูชา

การก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่งจะเริ่มในปลายปีนี้ในแขวงเซกองทางตะวันออกเฉียงใต้ของสปป.ลาวซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งแรกจะสร้างโดย บริษัท โฟนแซคกรุ๊ป จำกัด มีกำลังผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 1,800 เมกะวัตต์ โรงงานดังกล่าวบริษัท โฟนแซคกรุ๊ป จำกัด จะลงทุนประมาณ 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐในโรงไฟฟ้ารวมถึงการสร้างสายไฟเพื่อส่งกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชา ส่วนโรงไฟฟ้าแห่งที่สองจะสร้างโดยบริษัทจากจีน มีแผนจะลงทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ไม่ได้สร้างสายกระแสไฟฟ้าแต่ซึ่งจะร่วมมือกับElectricite du Laos (EDL) ในการส่งออกพลังงานไฟฟ้าไปยังกัมพูชา โดยโรงงานแห่งที่สองมีกำลังผลิตไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ กระแสไฟฟ้ากว่า 600 เมกะวัตต์ จะถูกส่งออกไปยังกัมพูชา เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ กล่าวว่าโรงงานเหล่านี้จะเปิดดำเนินการและเริ่มส่งกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชาในปี 2568 ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในแขวงและภาพเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Two25.php

สปป.ลาวคาด การพัฒนาเมืองอัจฉริยะจะเริ่มดำเนินการในเร็ว ๆ นี้

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในแขวงหลวงน้ำทาและอุดมไซจะดำเนินการในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังดำเนินการเจรจาข้อตกลงโครงการ ในการประชุมประจำปี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุน ได้บรรยายสรุปความคืบหน้าของโครงการเหล่านี้ เมื่อการเจรจาสิ้นสุดลงจะดำเนินการในขั้นตอนการร่างสัญญาสัมปทาน โดยเมืองอัจฉริยะจะได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) การประชุมได้ทบทวนความคืบหน้าในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ รวมถึงทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนและทางด่วนเวียงจันทน์ – วังเวียง ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ทางด่วนระยะที่ 1 เวียงจันทน์ – วังเวียง จะเชื่อมเมืองหลวงของสปป.ลาวกับบ่อเต็นที่ชายแดนจีน อีกทั้งรัฐบาลได้อนุมัติทางด่วนระยะที่ 2 ระหว่างแขวงวังเวียงและหลวงพระบาง นอกจากนี้กำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขนาดใหญ่อื่น ๆ เช่น ทางด่วนเวียงจันทน์ – ฮานอยเพื่อเชื่อมระหว่างเมืองหลวงของสปป.ลาวและเวียดนาม ทางด่วนเวียงจันทน์ – ปากเซและทางด่วนหมายเลข 1 ในเวียงจันทน์ ที่ประชุมได้ทบทวนการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมปี 63 และหารือเกี่ยวกับแผนปีนี้ ผู้เข้าร่วมยังได้ทบทวนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 และแผน 5 ปีข้างหน้าตั้งแต่ปี 64-68

ที่มา :  https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Smart25.php

ปริมาณการส่งออกสินค้าจากมาเลเซียมายังกัมพูชาลดลงกว่าร้อยละ 42

การนำเข้าของกัมพูชาจากมาเลเซียลดลงในปี 2020 สู่ตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2016 ตามรายงานของกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม (MITI) ของมาเลเซีย โดยการส่งออกของมาเลเซียในปี 2020 มายังกัมพูชาลดลงกว่าร้อยละ 42 เมื่อเทียบเป็นรายปี อยู่ที่ 368.5 ล้านดอลลาร์ จากผลกระทบของการระบาดในปัจจุบัน ก่อให้เกิดการหยุดชะงักครั้งใหญ่โดยตรงต่อซัพพลายเชนทั่วโลก โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการผลิตอย่างรุนแรง ซึ่งการนำเข้าส่วนใหญ่ของกัมพูชาจากมาเลเซีย ได้แก่เชื้อเพลิงจากแร่ จำพวกถ่านหิน ปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ มูลค่ารวมมากกว่า 207 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019 และจากตัวเลขของ MITI การส่งออกปิโตรเลียมในปี 2020 ลดลงกว่าร้อยละ 22 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50810440/malaysian-exports-to-cambodia-down-42-percent/

SCG รายงานผลการดำเนินการในกัมพูชา ประจำปี 2020

เครือซิเมนต์ไทย (SCG) ประจำประเทศกัมพูชา รายงานผลการดำเนินการโดยมีรายรับจากการขายภายในประเทศกัมพูชากว่า 252 ล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ตามรายงานประจำปีของบริษัท โดยรายรับในไตรมาสที่4 ของปี 2020 ลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 59.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรายงานถึงสินทรัพย์รวมของบริษัทในกัมพูชาอยู่ที่ 409 ล้านดอลลาร์ เป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 เศรษฐกิจโดยภาพรวมของกัมพูชาได้รับผลกระทบทั้งจากอุทกภัยครั้งใหญ่และการระบาดของ COVID-19 ซึ่งบริษัทเองกล่าวเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์น้ำท่วมส่งผลทำให้ถนนหลายสายเสียหายและขาดการเชื่อมต่อ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของบริษัท ทั้งยังประสบกับปัญหาการหยุดชะงักในการก่อสร้าง จากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในท้องถิ่น ทำให้โครงการก่อสร้างหลายแห่งในพนมเปญหยุดชะงัก สอดคล้องกับรายงานจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชาระบุว่าภาคการก่อสร้างลดลงที่ร้อยละ 3 ในปี 2020 การนำเข้าวัสดุก่อสร้างลดลงร้อยละ 10.8

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50810439/scg-reports-healthy-annual-revenue-despite-2020s-trials/

เปิดทิศทางความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน ปี 2021

ความร่วมมือ “จีน-อาเซียน” ในปี 2021 เปิดโอกาสใหม่ในการปรับปรุงรวมทั้งยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน และการขยายความร่วมมือเชิงปฏิบัติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลวิเคราะห์เกี่ยวกับความร่วมมือจีน – อาเซียนจะดำเนินไปอย่างไรในปี ๒๐๒๑ (พ.ศ.๒๕๖๔) ตอนที่ ๑ เช่น ความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ “ภายใต้สถานการณ์ใหม่จีนถือว่าอาเซียนเป็นทิศทางลำดับความสำคัญของการทูตเพื่อนบ้านและการก่อสร้างร่วมกันที่มีคุณภาพสูงของพื้นที่สำคัญ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (ข้อริเริ่ม “สายแถบและเส้นทาง” “Belt and Road Initiative : BRI) สนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียนสนับสนุนตำแหน่งศูนย์กลางของอาเซียนในความร่วมมือเอเชียตะวันออกและ สนับสนุนอาเซียนในการสร้างโครงสร้างภูมิภาคที่เปิดกว้างและครอบคลุมมีบทบาทมากขึ้น” และ “จีนจะขยายการเปิดสู่โลกภายนอกอย่างไม่หยุดยั้ง เพิ่มผลการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจภายในและระหว่างประเทศและขับเคลื่อนการฟื้นตัวร่วมกันของโลกด้วยการฟื้นตัวของตนเองและทุกประเทศในโลกรวมทั้งอาเซียนจะได้รับประโยชน์” เป็นต้น

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/columnist/467241

ราคาข้าวเวียดนามพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี

ราคาข้าวหัก 5% ของเวียดนาม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 500-505 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 2564 ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 รองประธานสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) กล่าวว่าราคาที่สูงขึ้นดังกล่าวบ่งบอกถึงคุณภาพข้าวของเวียดนาม และชี้ให้เห็นถึงความต้องการนำเข้าข้าวที่เพิ่มขึ้นจากตลาดต่างประเทศ อาทิ ฟิลิปปินส์ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2564 มีผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ในภูมิภาค ได้แก่ จีน บังกลาเทศและฟิลิปปินส์ นำเข้าข้าวจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก อาจเห็นว่าในปีนี้ ปริมาณการส่งออกข้าวลดลง เนื่องมาจากบาทแข็งค่า นอกจากนี้แล้ว ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนามและสหภาพยุโรป (EVFTA) จะทำให้กลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรปจัดสรรโควตาภาษีแก่ข้าวของเวียดนาม ประมาณ 10,000 ตันในปีนี้ ขณะที่ ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอังกฤษ – เวียดนาม (UKVFTA) จะลดภาษีนำเข้าสำหรับข้าวเวียดนามถึง 0%

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-rice-prices-hit-10-year-high-316147.html

จำนวนธุรกิจที่จดทะเบียนใหม่ในเวียดนาม พุ่ง 21.9% ในเดือน ม.ค.

สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าบริษัทที่จดทะเบียนใหม่ในเดือนมกราคม อยู่ที่ราว 10,100 แห่ง เพิ่มขึ้น 21.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เงินทุนจดทะเบียนรวม 155.1 ล้านล้านด่อง (6.74 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และจำนวนแรงงาน 115,900 คน เพิ่มขึ้น 25.9 และ 37.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ โดยภาพรวม มีเงินทุนไหลเข้าเศรษฐกิจพุ่ง 395.1 ล้านล้านด่อง เพิ่มขึ้น 10.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เงินทุนจดทะเบียนเฉลี่ย 15.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ จำนวนธุรกิจที่กลับมาดำเนินกิจการ 6,503 แห่ง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/number-of-newlyestablished-firms-surges-219-percent-in-january/195842.vnp

คนขับรถบรรทุกร้องให้ลดข้อจำกัด COVID-19 ในเมียนมา

คนขับรถบรรทุกที่ให้เดินรถในเส้นทางย่างกุ้ง  มัณฑะเลย์ มูเซ อยู่ในระหว่างร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลดข้อจำกัด COVID-19 สำหรับการขนส่งทางไกล เพราะต้องขอใบรับรองสุขภาพถึงสองครั้ง  ซึ่งจะต้องจาก 3 วันเป็น 7 วัน จากย่างกุ้งไปยังมูเซซึ่งเป็นด่านชายระว่างเมียนมา-จีน ที่ใหญ่ที่สุด และยังร้องขออนุญาตให้ขับรถเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเนื่องจากปัจจุบันถูกห้ามให้ขับรถตอนกลางคืน ทั้งนี้ยังต้องจ่าย 10,000 จัตสำหรับการทดสอบ ซึ่งรวมแล้วต้องจ่ายถึง 20,000 จัต ในการเดินทางต่อครั้ง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/truckers-seek-reductions-myanmar-covid-19-restrictions.html

สปป.ลาวเผยขาดดุลการค้า 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม 2563

สปป.ลาวขาดดุลการค้า 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม 2563 ตามข้อมูลล่าสุดจาก เว็บไซต์ the Lao people’s Democratic Republic  Trade Portal โดยรายงานระบุว่าการส่งออกของสปป.ลาวในช่วงเดือนธันวาคมมีมูลค่า 468 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 546 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ ได้แก่ แร่ทองแดง กล้วย เยื่อไม้และเศษกระดาษ ชิ้นส่วนกล้อง ทองแดงและผลิตภัณฑ์ทองแดงเสื้อผ้า ยาง กาแฟ มันสำปะหลังและข้าว สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะทางบกซึ่งไม่รวมรถจักรยานยนต์เครื่องจักรกล (ไม่รวมยานยนต์) อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า ดีเซล ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์รวมทั้งกระจกและโซ่ เหล็กเส้นและเหล็กแปรรูป ผลิตภัณฑ์พลาสติกและผลิตภัณฑ์เคมี ซึ่งจีนยังคงเป็นประเทศ การส่งออกอันดับต้น ๆ ของสปป.ลาว ตามด้วยเวียดนามและไทย ในขณะที่ประเทศหลักในการนำเข้าคือไทย จีนและเวียดนาม  ทั้งนี้ตัวเลขเหล่านี้ไม่รวมรายได้จากการส่งออกไฟฟ้าและจะอัปเดตเมื่อมี

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/02/03/laos039-trade-deficit-reaches-us78mil-in-december-2020

สปป.ลาวพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เดินทางกลับจากไทย

หน่วยงานแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุมโควิด -19 รายงานสถานการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาพบหญิงชาวสปป.ลาวอายุ 20 ปีตรวจพบเชื้อโควิด -19 ซึ่งมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศไทยที่ปัจจุบันเกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกสอง กรณีล่าพบผู้ติดเชื้อล่าสุดนี้ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันทั้งหมดของสปป.ลาวอยู่ที่ 45 รายในขณะที่การแพร่ระบาดของโรคระบาดในบางประเทศในภูมิภาคและทั่วโลกสถานการณ์ยังไม่ดีนัก รัฐบาลสปป.ลาวกำลังเข้มงวดมาตรการป้องกันและควบคุมโดยเฉพาะตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนเข้าสปป.ลาวอย่างผิดกฎหมาย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos24.php