เวียดนามเผยจำนวนธุรกิจจดทะเบียนใหม่ ช่วง 9 เดือนแรกปี 63 อยู่ที่ 99,000 แห่ง

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีกิจการที่จดทะเบียนใหม่ถึง 99,000 แห่ง ลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในมูลค่าเงินทุนจดทะเบียนรวม 60.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและจ้างแรงงานจำนวน 778,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 และลดลงร้อยละ 16.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เงินทุนจดทะเบียนเฉลี่ยของแต่ละธุรกิจรายใหม่อยู่ที่ 14.4 พันล้านด่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีธุรกิจกว่า 38,000 แห่งที่หยุดกิจการชั่วคราว พุ่งสูงขึ้นร้อยละ 81.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ อีก 27,600 แห่งอยู่ในช่วงกำลังรอขั้นตอนการล้มเลิกกิจการและ 12,000 แห่งที่เลิกกิจการแล้ว ทั้งนี้ ผลจากการสำรวจแนวโน้มธุรกิจในไตรมาสที่ 3 พบว่าธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปร้อยละ 32.2 มองว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รองลงลงมาร้อยละ 32 เผชิญกับปัญหาในการผลิตและการดำเนินงานและร้อยละ 36 การดำเนินงานยังปกติ/ไม่เปลี่ยนแปลง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/nearly-99000-businesses-established-in-nine-months/187805.vnp

GDP เวียดนามโต 2.12% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 63

ถึงแม้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจะต่ำที่สุดในช่วง 9 เดือนของปี 2554-2563 ท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปยังทุกภาคส่วนของประเทศ แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวถือว่าเป็นความสำเร็จของเวียดนามในแง่ของการควบคุมการระบาดของเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับโครงสร้างเศรษฐกิจในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ภาคเกษตร ป่าไม้และประมง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.05 ของ GDP ตามมาด้วยภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง (33.16%) และภาคบริกาค (42.73%) และภาษีเงินอุดหนุน (10.06%) ในขณะเดียวกัน การลงทุนของภาครัฐในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 คิดเป็นมูลค่า 12.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งสร้างงานจากการพัฒนาทางถนน ทางรถไฟและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 10 ของ GDP อยู่ในภาวะตกต่ำ นักท่องเที่ยวต่างชาติหยุดการเข้าประเทศในเดือนมี.ค. และไม่มีวี่แววว่าจะได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาในขณะนี้

ที่มา : https://vietreader.com/business/finance/17856-vietnamese-gdp-increases-212-in-nine-months.html

ธุรกิจสุราท่ามกลางวิกฤต COVID -19

สมาคมผู้ค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เผยร้านเหล้าเกือบทั้งหมดในเย่างกุ้งปิดตัวลงประมาณร้อยละ 40  ผับและร้านเหล้าส่วนใหญ่เปิดให้บริการอีกครั้งหลังผ่านวิกฤติ COVID–19 ระลอกแรกแต่สถานการ์ในตอนนี้ดูเหมือนจะแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากเคอร์ฟิวที่มีมาตั้งแต่เมษายน การห้ามชุมนุม ผับและร้านเหล้าจึงถูกสั่งให้ปิดดำเนินการ บรรดาสถานประกอบการไม่สามารถจ่ายภาษีสรรพสามิต ภาษีอื่น ๆ ค่าเช่าร้านและค่าแรงได้ ดังนั้นจึงมีหนี้สินจำนวนมากและปิดตัวลง ภาครัฐจึงอาจจำเป็นต้องผ่อนปรนโดยอาจทำให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสุราและภาษีเป็นงวด ภาษีของสุราต้องจ่ายร้อยละ 60 ของภาษีนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ค่อนข้างสูง ปัจจุบันภาครัฐได้ออกใบอนุญาตขายสุรา 9,389 ใบในเขตย่างกุ้งของปีงบประมาณ 61-62 คาดว่าปีนี้เมียนมาจะมีรายได้จากภาษีสรรพสามิต 1.3 จัตพันล้าน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/liquor-sector-among-latest-covid-19-casualty-local-economy.html

จีนเปิดทางด่วนสายที่ 2 เชื่อมสปป.ลาว

เมื่อวันพุธที่ผ่านมาจีนได้เปิดทางด่วนสายที่สองของประเทศที่เชื่อมต่อทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนานกับ                   สปป.ลาวทางด่วนมีความยาว 49 กม. ก่อนหน้านี้ทางด่วน Xiaomengyang-Mohan ซึ่งอยู่ในมณฑลยูนนานได้เชื่อมระหว่างสองประเทศที่ชายแดนด้านจีน ยูนนานเป็นมณฑลเดียวของจีนที่มีพรมแดนทางบกร่วมกับสปป.ลาว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่าทางด่วนสายใหม่จะปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงในภูมิภาคและช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างจีนกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยเฉพาะสปป.ลาวที่มีจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญมาโดยตลอด

ที่มา : http://en.people.cn/n3/2020/1001/c90000-9766298.html

กัมพูชาพร้อมเจรจาเพิ่มเติมด้านก๊าซกับไทย

กระทรวงการเหมืองแร่และพลังงานระบุว่าพร้อมที่จะกลับมาหารือกับไทยเกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกันบนพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ในอ่าวไทย โดยอธิบดีกระทรวงพลังงานกล่าวว่ากระทรวงกำลังรอคำตอบจากประเทศไทยเพื่อดำเนินการเจรจาต่อไปเนื่องจากพยายามเร่งกระบวนการให้ได้ข้อสรุปเร็วที่สุด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย ณ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานครั้งที่ 37 ที่กรุงเทพฯ โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือและหาข้อยุติในข้อพิพาท OCA ระหว่างกัมพูชาและไทยต่อไป ซึ่งสิทธิในการพัฒนา OCA 26,000 ตารางกิโลเมตร คาบเกี่ยวระหว่างกัมพูชาและพรมแดนของอ่าวไทยตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 โดยคาดว่า OCA จะมีน้ำมันและก๊าซมากถึง 500 ล้านบาร์เรล กล่าวโดยสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA)

ที่มา : https://www.nationthailand.com/news/30395298

ความไม่แน่นอนในสถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจกัมพูชา

ธนาคารโลกคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจกัมพูชาจะหดตัวลงอย่างมากถึงลบร้อยละ 2 ในปีนี้ ทั้งแนวโน้มการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปของกัมพูชาควบคู่ไปกับการจ้างงานภายในประเทศที่ต่ำลง ส่งผลไปถึงรายได้ภาคครัวเรือนที่ลดลงสู่การบริโภคภายในประเทศที่ลดลง โดยกัมพูชายังมีความเสี่ยงด้านลบรวมถึงการระบาดของโควิด-19 ในท้องถิ่นที่ยังไม่จบลงทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมากเป็นเวลานาน รวมทั้งความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลก โดยเศรษฐกิจของกัมพูชามีตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ ได้แก่ การก่อสร้าง การท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้า ยังคงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตโลกที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน ในแง่บวกธนาคารโลกกล่าวว่าอุปสงค์ในประเทศของกัมพูชาจะค่อยๆกลับมารวมทั้งมีแนวโน้มที่ดีจากการเจรจาการค้าทวิภาคีในปัจจุบัน โดยคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 4.3 ในปี 2021 และร้อยละ 5.2 ในปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50767885/uncertainty-remains-over-economic-outlook/

นายกฯ เตรียมประชุมเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ

นายกรัฐมนตรี นำนักลงทุนเข้าพื้นที่ EEC ติดตามความคืบหน้าเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ พร้อมรับรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรก โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง 1 ต.ค. 63 โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 1 ต.ค. นายกรัฐมนตรี พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมถึงหน่วยงานร่วม จะเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อติดตามความก้าวหน้าการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน EEC ในยุค New Normal ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีรับขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรล ขบวนแรก โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งเป็นโครงการภายใต้นโยบาย PPP Fast Track ของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมระบบรางของไทย โดยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค (กลุ่มประเทศ CLMV) นักลงทุนไทยและต่างประเทศเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการลงทุน

ที่มา : https://tna.mcot.net/politics-551037

INFOGRAPHIC : เวียดนามเผย CPI เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.12%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว, ร้อยละ 0.01 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค. 62 และร้อยละ 2.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ 6 ใน 11 กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ การศึกษา (2.08%), ที่พักอาศัยและวัสดุก่อสร้าง (0.62%), เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า (0.1%), เครื่องดื่มและบุหรี่ (0.05%), ยาเวชภัณฑ์และบริการทางสุขภาพ (0.01%) และสินค้าและบริการอื่นๆ (0.02%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/september-cpi-up-012-percent/187813.vnp

กฟผ. เดินหน้า ตั้งตลาดซื้อขายไฟฟ้า ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอาเซียน

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานว่า วันนี้ (29 กันยายน 2563) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการศึกษาการพัฒนาความพร้อมเพื่อรองรับตลาดซื้อขายไฟฟ้าในระดับขายส่งฉบับที่ 2 โดยในระยะแรก กฟผ. มีแผนจัดตั้งตลาดซื้อขายพลังงานไฟฟ้า ประกอบด้วย ตลาดซื้อขายไฟฟ้าล่วงหน้าหนึ่งวัน (Day-Ahead Market) และตลาดซื้อขายไฟฟ้าระหว่างวัน (Intraday Market) โดย กฟผ. จะเป็นผู้จัดทำกฎระเบียบการซื้อขายไฟฟ้า ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผู้ให้คำปรึกษาในการพัฒนาระบบซื้อขาย เมื่อตลาดซื้อขายพลังงานไฟฟ้าทั้งสองมีเสถียรภาพและสภาพคล่องแล้ว อาจพิจารณาให้มีการซื้อขายในตลาดซื้อขายกำลังการผลิตไฟฟ้า (Capacity Market) “การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการนำผลการศึกษาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และกฟผ. ศึกษาร่วมกันในระยะเวลา 1 ปี มาพัฒนาต่อยอด โดยที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้ถ่ายทอดความรู้ด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ การส่งมอบ การชำระราคาหลักทรัพย์ และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจการซื้อขายหลักทรัพย์ร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง“

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-529078

เวียดนามเผยเกินดุลการค้าประมาณ 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนของปีนี้

จากรายงานประจำเดือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ย. เวียดนามเกินดุลการค้าราว 16.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาคการลงทุนในประเทศมียอดขาดดุลการค้าถึง 10.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาข้างต้น ในขณะที่ ภาคการลงทุนจากต่างประเทศมียอดเกินดุลการค้า 27.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ภาคการลงทุนในประเทศยังคงเป็นแรงสนับสนุนทางการค้าที่โดดเด่นของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการส่งออก 71.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.4 ของมูลค่าส่งออกรวม อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ย. มูลค่าการส่งออกของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 27.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ประมาณ 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ ช่วง 9 เดือนของปีนี้ เวียดนามส่งออกสินค้า 30 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อชิ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93.1 ของมูลค่าการส่งออกรวม

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-trade-surplus-expands-to-nearly-us17-billion-in-9-month-314349.html