ระบบการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในเมียนมาเริ่ม 1 ตุลาคม 63 นี้

ธุรกิจต่างๆ ในเมียนมาได้รับการแจ้งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามกฎหมายเครื่องหมายการค้าใหม่ซึ่งที่ยื่นคำขอก่อนจะมีสิทธิก่อน (First to File)” จะถูกนำมาใช้สำหรับการจดทะเบียนและการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าซึ่งแตกต่างจากระบบผู้ใช้ก่อนมีสิทธิดีกว่า (First to Use) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะช่วยให้ บริษัทต่างๆ มีช่องทางตรวจจับ ปกป้องลิขสิทธิ์ของตนและส่งเสริมการแข่งขันนวัตกรรมและการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม สิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ววันที่ลงทะเบียนจะเป็นวันที่ยื่นจะทะเบียนตามที่กระทรวงกำหนด โดยสามารถชำระค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนผ่านธนาคารบนมือถือได้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/trademark-registration-system-open-october-1.html

เศรษฐกิจไทยศักยภาพต่ำลง ซมพิษโควิด-19 ธปท.แนะรัฐปรับโครงสร้างทันที

ธปท.ชี้พิษโควิด-19 ทำเศรษฐกิจไทยศักยภาพต่ำลง การแข่งขันลด แต่ความเหลื่อมล้ำเพิ่มสวนทาง จี้รัฐปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจทันที ก่อน “ทุน” หมด พร้อมแนะหยุดมาตรการเบี้ยหัวแตก แจกเงินเหวี่ยงแห แต่เจาะกลุ่มที่จำเป็น นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการของ ธปท.ประจำปี 2563 ในหัวข้อ “ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ทำอย่างไรให้เกิดได้จริง” ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มความรุนแรงของความเหลื่อมล้ำในเศรษฐกิจ และสังคมไทย ความเปราะบางในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งลดทอนความสามารถในการแข่งขัน มากขึ้น ส่งผลต่อศักยภาพการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ดังนั้น ต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้เกิดผลได้จริง และต้องทำทันที เพื่อรองรับชีวิตวิถีใหม่ เพราะธุรกิจหลังโควิด-19 จะมีการแข่งขันสูงขึ้น นอกจากนี้ ต้องลดพึ่งพาภาคเศรษฐกิจใดภาคหนึ่งมากจนเกินไป จากปัจจุบัน ที่พึ่งพาการส่งออกมาก โดยต้องกระจายทรัพยากร และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง โดยรัฐต้องสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ บนรากฐาน 3 ด้าน คือ 1.คนไทยและธุรกิจไทยต้องมีผลิตภาพสูง มีความสามารถในการแข่งขัน 2.ต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี รับมือสถานการณ์ต่างๆ ที่ผันผวน ซับซ้อนและคลุมเครือในอนาคต 3.การกระจายผลประโยชน์จากการเติบโตเศรษฐกิจ ต้องทั่วถึง ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น  อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการหลังจากนี้ควรทำภายใต้แนวคิด 3 ด้านคือ 1.การเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้น ต้องสอดคล้องกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ด้านที่ 2 การปฏิรูปโครงสร้างจะไม่เกิดขึ้นได้จริง หากไม่สามารถย้ายทรัพยากรจากภาคเศรษฐกิจหนึ่งไปสู่อีกภาคเศรษฐกิจหนึ่งได้ ดังนั้น รัฐต้องสนับสนุนการโยกย้ายทรัพยากรจากภาคเศรษฐกิจที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินไปยังภาคเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงกว่า ส่วนด้านที่ 3 ยกระดับชนบท โดยให้ท้องถิ่นเป็นเป้าหมายสำคัญของการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เพราะโควิดทำให้แรงงานย้ายกลับภูมิลำเนามากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งจะต้องทำให้แรงงานเหล่านี้ เปลี่ยนเป็นพลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจในต่างจังหวัด.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/1940138

เวียดนาม, ไทยจะก้าวเป็นผู้ผลิตแล็ปท็อปชั้นนำของโลก

สำนักข่าวญี่ปุ่น Nikkei Asian Review ได้อ้างรายงานของ Market Intelligence & Consulting Institute (MIC) กล่าวว่าในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะผลิตแล็ปท็อปครึ่งหนึ่งของโลกในปี 2573 โดยคาดว่าเวียดนามและไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญของภูมิภาค สำหรับบทความดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงต้นทุนแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้นในจีน ประกอบกับทั่วโลกต้องการที่จะลดการพึ่งพามากเกินไปในภูมิภาคเดียวและปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงก็ตกไปอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ในปี 2562 ตลาด PC ทั่วโลกที่มีจำนวนอยู่ที่ 160 ล้านชิ้น ซึ่งกว่าร้อยละ 90 มาจากจีน และส่วนใหญ่จะผลิตสินค้าในไต้หวัน ในขณะที่ มีเพียงส่วนน้อยที่ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น ระบุว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้กระตุ้นให้เกิดการสื่อสารทางไกลและเรียนออนไลน์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ความต้องการคอมพิวเตอร์ ‘Chromebook’ ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

 ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-thailand-to-emerge-as-leading-laptop-producers-781897.vov

เวียดนามเผยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังเป็นเป้าสำคัญของเงินทุนจากต่างชาติ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) ระบุว่าปริมาณเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามายังเวียดนาม ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 20 ก.ย. อยู่ที่ 21.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนเงินทุนดังกล่าว มาจากการเบิกจ่ายของนักลงทุนต่างชาติ 13.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ 1,947 โครงการใหม่ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 10.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.6 ในแง่ของมูลค่า และร้อยละ 29.4 ในแง่ของจำนวนโครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นที่สนใจมากที่สุดของนักลงทุนต่างชาติ ด้วยมูลค่า 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.6 ของเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า, ภาคอสังหาริมทรัพย์และการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ นอกจากนี้ ในบรรดา 111 ประเทศทั่วโลกที่ลงทุนมายังเวียดนาม พบว่าสิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยมูลค่า 6.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 ของเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาเกาหลีใต้, จีน, ญี่ปุ่น, ไทยและไต้หวัน เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-capital-still-heads-to-manufacturing-processing/187665.vnp

เอสแอนด์พี คาดเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเร็วที่สุด เป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิก

จากรายงานของ S&P Global Ratings เปิดเผยว่าเวียดนามอาจเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดอันดับ 2 ในเอเชีย-แปซิฟิก รองจากจีน ซึ่งทางสถาบันได้ปรับลดการเติบโตของ GDP เวียดนาม อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ในปีนี้ จากเดิมร้อยละ 1.2 “เศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ดี เป็นผลมาจากการค้าโลกที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่ ภาคการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ดิ่งลงหายไป” ในภาพรวมแล้ว เวียดนามจะเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำที่ฟื้นตัวหลังจากโควิด-19 และคาดว่าในปี 2564 GDP จะโตสูงถึงร้อยละ 11.2 สูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2563 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.5 จากเดิมร้อยละ 1.8 เพราะว่าอุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่งเกินคาดไว้ในระดับปานกลาง

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-economy-likely-second-fastest-growing-in-asia-pacific-sp-global-ratings-314323.html

รัฐมนตรีการค้า เผย GDP เวียดนามโต 300% จากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ

นาย Tran Tuan Anh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม กล่าวว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามและปริมาณการค้า จะเติบโตสูงถึงร้อยละ 300 และ 350 ตามลำดับ เนื่องจากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และได้กล่าวเพิ่มเติมว่าข้อตกลง FTA ที่ลงนามได้ช่วยให้ขยายตลาดและกระจายไปยังตลาดส่งออก-นำเข้า รวมถึงพัฒนาบริการทางการเงินให้ดีขึ้นจากการสนับสนุนของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนของปีนี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ราว 337.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 175.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้า 161.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ผลประโยชน์จากการเข้าร่วมกับกลุ่มเศรษฐกิจ ช่วยให้เวียดนามเปิดกว้างทางการลงทุนได้อีกมากและยกระดับสภาพแวดล้อมในการลงทุน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวแก่นักลงทุนและธุรกิจต่างชาติ

ที่มา : https://vnexplorer.net/gdp-grows-by-300-thanks-to-active-economic-integration-trade-minister-says-a202099878.html

รัฐบาลเมียนมาแจกเงินแรงงานที่ไม่มีประกันสังคม

รัฐบาลเมียนมาวางแผนจัดหาเงิน 30,000 จัตต่อคนสำหรับแรงงานของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งให้ทำงานจากที่บ้านที่ไม่มีประกันสังคม สหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพเมียนมา(UMFCCI) หารือเกี่ยวกับแผนการให้ความช่วยเหลือทางการเงินให้กับแรงงาน กระทรวงแรงงานคนเข้าเมืองและประชากรประกาศว่าแรงงานงานที่ได้รับผลกระทบจะได้รับค่าจ้างร้อยละ 40 ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังวางแผนที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่แรงงานที่ไม่มีประกันสังคม

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-govt-distribute-cash-workers-without-social-security.html

ผู้ว่าราชการแขวงบอลิคำไซให้คำมั่นเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 5 ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ดร. ก้องแก้ว ไชยสงครามผู้ว่าราชการแขวงบอริคำไซ คาดการณ์ว่าบอลิคำไซจะสามารถเติบโตทางเศรษฐกิจได้เฉลี่ยต่อปีอย่างน้อยร้อยละ 5 ในช่วง 5 ปีข้างหน้าโดยมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป้าหมายดังกล่าวกำหนดโดยคณะกรรมการบริหารแขวงบอลิคำไซ ตามรายงานยังระบุอีกว่า GDP จะสูงถึง 5.8 ล้านล้านกีบโดยภาคเกษตรกรรมจะเติบโตถึงร้อยละ 26 ต่อ GDP ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีส่วนสนับสนุนร้อยละ 48.9 และภาคบริการร้อยละ 25.1 นอกจากนี้จำนวนโรงงานอุตสาหกรรมและร้านผลิตสินค้าหัตถกรรมมีเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 เมื่อเทียบกับปี 2558 ด้านการดำรงชีวิตของคนในพื้นที่ชุมชนทั้งหมดในแขวงสามารถเข้าถึงไฟฟ้าถนนและบริการโทรคมนาคมได้อย่างดี คณะกรรมการทำงานจังหวัดยังให้ความสำคัญกับการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมโดยรวมของสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Borikhamxay_188.php

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ดันไทยผงาดเครื่องมือแพทย์

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ 1 ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ให้แล้วเสร็จในปีหน้า หลังอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558-2562) และมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 4.09% จากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปีหน้า อีกทั้งโควิด-19 ได้ส่งผลให้สินค้าและเครื่องมือทางการแพทย์บางประเภทขาดแคลน โดยได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ระยะที่ 1 (ปี 2564-2570) พร้อมตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องมือแพทย์ในอาเซียนภายในปี 2570 สำหรับร่างแผนปฏิบัติการจะมุ่งแก้ปัญหาอุปสรรคและยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของประเทศไทย เพื่อผลักดันให้มีการพัฒนาขยายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นแผนปฏิบัติการที่เริ่มปฏิบัติได้ทันที โดยแบ่งออกเป็น 3 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.การส่งเสริมการผลิตและการลงทุนในเครื่องมือแพทย์ 2.การส่งเสริมช่องทางการเข้าสู่ตลาด ให้มีการใช้เครื่องมือแพทย์ที่ผลิตในประเทศให้มากขึ้น และ 3.การส่งเสริม/เตรียมความพร้อมด้านปัจจัยสนับสนุน มีการสร้างปัจจัยสนับสนุนในการยกระดับการผลิตเครื่องมือแพทย์.

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1939100

การคาดการณ์ใหม่ของ GDP กัมพูชา โดย AMRO

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน +3 (AMRO) ได้คาดการณ์การเติบโตของ GDP ของกัมพูชาใกล้เคียงกับการอัปเดตของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) โดย AMRO ได้คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในปีนี้จะอยู่ที่ลบร้อยละ 4.5 และจะเติบโตเป็นร้อยละ 5.4 ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ ADO คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ร้อยละ 5.5 โดยการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นความท้าทายระดับโลกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบายสนับสนุนความช่วยเหลือทางสังคมสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ และการสนับสนุนทางการเงินสำหรับ SMEs ภายในประเทศเพื่อการสนับสนุนภาคธุรกิจให้รอดพ้นในช่วงวิกฤตทำกำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50766974/amros-new-forecast-of-cambodias-economic-growth-similar-with-adb/