ครม.โยนเผือกร้อน CPTPP ให้สภาพิจารณา

ครม.โยนเผือกร้อนให้สภาฯ ส่ง “พุฒิพงษ์” หารือสภาฯตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ถกผลดี ผลเสีย ไทยเข้าร่วมเจรจาซีพีทีพีพี ก่อนส่งกลับ ครม.อีกครั้ง ขณะที่ “จุรินทร์” เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ระบุลดความขัดแย้ง น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกกรอบความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ขึ้นมาหารือ และเห็นร่วมกันว่าควรจะเสนอเรื่องนี้ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อการศึกษาผลบวกและลบ ที่ไทยจะเข้าร่วมกรอบความร่วมมือนี้ ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เห็นด้วยกับกลไกดังกล่าว ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. มอบหมายให้ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ประสานสภาเพื่อจัดตั้งคณะกรรรมการวิสามัญฯ ขึ้นมาแล้วหาข้อสรุปร่วมกัน

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/882379

เวียดนามเผยส่งออกทูน่ามีความไม่แน่นอน

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง สมาคมผู้ส่งออกและอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) แนะนำผู้ประกอบการแปรรูปและส่งออกทูน่าให้ขยายตลาดในประเทศ ทว่าหากมองดูสถานการณ์เวียดนามปัจจุบันที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว แต่ยังมีเชื้อไวรัสอยู่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา อีกทั้งตลาดส่งออกทูน่ายังคงมีความยากลำบากและไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้แล้ว ปลาทูน่ามักเป็นเมนูอาหารราคาแพง เหมาะกับผู้ที่มีรายได้สูง แต่ด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว ส่งผลให้ภัตตาคารส่วนใหญ่สูญเสียรายได้และการบริโภคลดลงถึงแม้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมการสมาคมอาหารทะเล เผยว่าเวียดนามไม่ได้เป็นเพียงผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นตลาดบริโภคที่มีศักยภาพของอีกหลายๆประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tuna-export-market-still-unstable/173962.vnp

ฮานอยดึงดูดเม็ดเงินลงทุน 38.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในครึ่งปีแรก 2563

ฮานอยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ 38.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 64 ของตัวเลขช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยเงินทุนมาจากการลงทุนในโครงการใหม่ มูลค่ารวม 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 10 โครงการที่เป็นการเพิ่มทุนไปในโครงการเดิมทั้งหมด ด้วยมูลค่า 23.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ รองคณะกรรมการเขตอุตสาหกรรมและส่งออกแปรรูปแห่งกรุงฮานอย กล่าวว่าในปัจจุบันธุรกิจท้องถิ่นเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดอย่างยากลำบาก ซึ่งธุรกิจพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายในการผลิตสินค้าและแสวงหาตลาดใหม่ นอกจากนี้ เมืองหลวงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 4.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.6 ของเงินลงทุนทั้งหมดที่ไหลเข้าสู่เศรษฐกิจเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanoi-aims-to-lure-383-mln-usd-of-investment-in-first-half/173969.vnp

กระทรวงการก่อสร้างยื่นขอกู้เงินเพิ่มจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐจากเกาหลีใต้สำหรับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพเมียนมา – เกาหลี

เงินกู้ยืมนี้มาจากกองทุนเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในอัตราดอกเบี้ย 0.01% จะนำมาใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของการออกแบบสะพาน ข้อตกลงนี้เกี่ยวกับเงินกู้เริ่มต้นจำนวน 137.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงนามไปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 ดังนั้นการการกู้ยืมเงินทั้งหมดจะอยู่ที่ 157.8 ล้านดอลลาร์ และรัฐบาลเมียนมาจะดำเนินการก่อสร้างสะพานอีก 30.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมค่าใช้จ่ายในการสร้างสะพาน Dala จะเท่ากับ 188.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะพานนี้ยาว 1.9 กม. ทำให้การเดินทางระหว่างเมืองย่างกุ้งกับเมือง Dala, Twante และ Kawhmu เป็นไปอย่างสะดวกสบายและยังช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองย่างกุ้ง สะพานแห่งนี้จะเชื่อมต่อ Dala ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ยากจนที่สุดในภูมิภาคเพื่อพัฒนาเมืองให้มากขึ้น การก่อสร้างเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม  2565

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/govt-seeks-parliamentary-approval-additional-dala-bridge-loan.html

สปป.ลาวลงนามกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ข้อตกลงเงินกู้ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สปป.ลาวและธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ลงนามในข้อตกลงที่ ADB จะให้เงินกู้ยืมเพิ่มจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการป้องกัน COVID-19 เงินกู้ยืมดังกล่าวซึ่งเป็นการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมให้แก่เงินกู้เดิมและเงินสนับสนุนจำนวน 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก ADB สำหรับโครงการด้านความมั่นคงด้านสุขภาพในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ของสปป.ลาวจะช่วยกระทรวงสาธารณสุขจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการ ชุดทดสอบอุปกรณ์การแพทย์และนอกจากนี้ยังจะช่วยรัฐบาลในการจัดหาเวชภัณฑ์และการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนวหน้าเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อรวมถึงยังจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการติดตามการติดต่อการสื่อสารความเสี่ยงและการแทรกแซงอื่น ๆ อีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos101.php

กัมพูชาขึ้นภาษีสำหรับยานพาหนะในเดือนหน้า

กรมสรรพากร (GDT) ประกาศว่าช่องทางสำหรับการชำระภาษีรถยนต์จะเริ่มในเดือนถัดไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน กำหนดเวลาในการชำระเงินไม่เกิน 30 พ.ย. หรือหากเลยจากกำหนดเจ้าของรถจะต้องเสียค่าปรับ โดยรายงานระบุว่าสามารถชำระภาษีได้ที่ธนาคารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ ACLEDA Bank, Canadia Bank, Vattanac Bank และ Cambodia Public Bank ซึ่งทั้งหมดได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินแล้ว ซึ่งจะมีการเรียกเก็บภาษีถนนสำหรับยานพาหนะส่วนตัวในขณะที่ยานพาหนะบริการสาธารณะเช่น มอเตอร์ไซค์, รถพยาบาล, รถทหาร, รถตำรวจ, รถเกษตร, รถสถานทูตและที่ใช้โดยองค์กรระหว่างประเทศจะได้รับการยกเว้น โดยเมื่อปีที่แล้ว GDT ได้เก็บค่าปรับมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ จากผู้ขับรถยนต์กว่า 5,000 คน ที่ไม่ได้จ่ายภาษีตรงเวลาในปี 2019 จากรายงานของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งระบุว่าจำนวนรถที่จดทะเบียนใหม่ในปีนี้อยู่ที่ 640,183 คัน ประกอบด้วยรถบรรทุก 15,956 คัน, รถยนต์ส่วนบุคคล 92,958 คัน และมอเตอร์ไซค์ 531,269 คัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50727329/road-tax-on-vehicles-gears-up-next-month/

ไตรมาสที่ 1/2020 กัมพูชาส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้าถึง 265 ล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้า, เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่ารวม 264.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังตลาดต่างประเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตลาดที่สำคัญสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า, เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตในกัมพูชา ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, ไทยและสหรัฐอเมริกา เป็นสำคัญ โดยอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ส่งออกรวมถึงสายไฟฟ้า, เครื่องทอ, เครื่องชั่งและเครื่องเจาะ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและอื่น ๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50727353/cambodia-exports-265-million-in-electrical-equipment-in-1st-quarter/

โครงการรถไฟลาว – จีนจะเปิดรับสมัครพนักงานประจำสถานี

โครงการรถไฟฟ้าจะเปิดรับสมัครคนงานที่จะมาทำหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ เมื่อโครงการเสร็จซึ่งมีกำหนดจะแล้วเสร็จในปลายปี64 ระหว่างนี้ผู้สมัครจะต้องผ่านการอบรมต่างๆจากทั้งทางการจีนและสปป.ลาวก่อนแล้วจึงจะเริ่มงาน โครงการรถไฟฟ้าจีน-สปป.ลาวเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 59 และดำเนินการสร้างมาอย่างต่อเนื่องแม้ในปัจจุบันจะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ตามทางผู้รับเหมาก็ได้มีการวางแผนอย่างดีเยี่ยมเพื่อให้โครงการยังคงเดินต่อไปได้ โดยเสน้ทางรถไฟจะผ่านเมื่องสำคัญของสปป.ลาวและมาสิ้นสุดที่นครหลวงเวียงจันท์ คาดการณ์ว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นประโยชน์ด้านการขนส่ง การค้าและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จะสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้แก่สปป.ลาว ในอีกด้านการเกิดขึ้นยของสถานีรถไฟแต่ละเมืองจะทำให้เกิดการจ้างงานที่เพิ่มทำให้เศรษฐกิจนอกเมืองสำคัญได้รับประโยชน์ไปด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Recruits100.php

ออเดอร์ถุงมือยางพุ่ง ช่วงโควิด-19 ส่งออก4 เดือนแรก โต 16%

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการถุงมือยางเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งปฏิบัติงานใกล้ชิดผู้ป่วย นอกจากนี้ ถุงมือยางยังเป็นสินค้าจำเป็นในยุคความปกติใหม่ (New Normal)เพราะประชาชนตื่นตัวเรื่องสุขอนามัยและหันมาใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันเชื้อโรคมากขึ้น ทำให้ความต้องการถุงมือยางในตลาดสูงขึ้นหลายเท่าตัว สำหรับตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว เช่น จีน ขยายตัว 129.5% มูลค่าส่งออก 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออสเตรเลีย ขยายตัว 79% มูลค่าส่งออก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาเซียน ขยายตัว 77% มูลค่าส่งออก 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ สหรัฐอเมริกา ขยายตัว 9% มีมูลค่าส่งออก 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในปี 2562 ไทยผลิตถุงมือยางได้กว่า 2 หมื่นล้านชิ้น มีสัดส่วนการส่งออกถึง 89% ของการจำหน่ายถุงมือยางทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 1,203 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/624459

เวียดนามเผยราคาเมล็ดกาแฟในท้องถิ่นพุ่งสูงขึ้น จากอุปทานมีจำกัด

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าราคาเมล็ดกาแฟปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม เนื่องจากผลผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการตลาดในประเทศ นอกจากนั้น ผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผลผลิตกาแฟในบริเวณที่สูงตอนกลาง ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ทั้งนี้ กรมศุลกากรเผยว่าในเดือนเม.ย. ปริมาณส่งออกกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 165,800 ตัน คิดเป็นมูลค่า 279.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.5 และ 5.1 ตามลำดับ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ราคาส่งออกกาแฟโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 2.7 อยู่ในระดับ 1,688 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ราคาส่งออกกาแฟเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรก ลดลงร้อยละ 2.6 ยิ่งไปกว่านั้น ยอดส่งออกไปยังตลาดส่งออกสำคัญในเดือนเม.ย. ได้แก่ เยอรมัน สหรัฐฯ สเปน เบลเยียม รัสเซีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ล้วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ การส่งออกไปยังอิตาลี ฟิลลิปปินส์และอัลจีเรีย ปรับตัวลดลงทั้งหมด

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/local-coffee-prices-skyrocket-on-limited-supply-414161.vov