ทิศทางส่งออกกุ้งเวียดนามปี 63 เติบโตได้ดี

จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่ามูลค่าส่งออกอาหารทะเลปีที่แล้ว อยู่ที่ 3.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา แม้ว่าการส่งออกลดลง แต่ในปัจจุบันน่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกจากการส่งออกไปยังผู้นำเข้ารายใหญ่ในปีนี้ ซึ่งในปีที่แล้ว พบว่ายอดส่งออกกุ้งขาวแปซิฟิก (White Leg Shrimp) อยู่ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.4 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70.1 ของมูลค่าส่งออกกุ้งรวมทั้งสิ้น ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกกุ้งกุลาดำและกุ้งประเภทอื่นๆ มีส่วนแบ่งส่งออกกุ้งทั้งหมดร้อยละ 15.9 และ 9.4 ตามลำดับ สำหรับตลาดจีนมีความเข็มงวดในด้านคุณภาพสินค้าและการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าย้อนหลังที่ผ่านตามเขตชายแดน รวมไปถึงสถานการณ์ของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่มีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ ในปี 62 สหภาพยุโรปยังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.5 ของมูลค่าการส่งออกกุ้งทั้งหมด ด้วยมูลค่า 689.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 17.7 เมื่อเทียบกับปี 61 ซึ่งในปีนี้การส่งออกกุ้งจะฟื้นตัวจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสหรัฐที่เรียกเก็บสำหรับการนำเข้าสินค้ากุ้งจากเวียดนามร้อยละ 0 ขณะที่ ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVFTA) ที่มีผลบังคับใช้เดือนมิ.ย.63 จะส่งผลให้เวียดนามส่งออกกุ้งไปยังตลาดสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/shrimp-exports-expected-to-enjoy-fruitful-advantages-throughout-2020-409701.vov

จังหวัดเตี่ยงยางตั้งเป้าส่งออกปี 63 แตะ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จังหวัดเตี่ยงยางตั้งอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ตั้งเป้าหมายมูลค่าการส่งออกปี 63 อยู่ที่ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งผู้อำนวยของกรมอุตสาหกรรมและการค้าประจำจังหวัด ระบุว่าด้านการผลิตและการส่งออกในปีนี้จะราบรื่น เนื่องมาจากหน่วยงานรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ปัญหา/อุปสรรคในการทำธุรกิจ รวมถึงส่งเสริมสตาร์ทอัพและนวัตกรรม ทั้งนี้ จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้จังหวัดดังกล่าวดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นและเปิดโอกาสให้การส่งออกเติบโตด้วย ดังนั้น ทางหน่วยงานจังหวัดจึงได้กำหนดแนวทางพัฒนากระบวนการผลิตและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในท้องถิ่น รวมไปถึงส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำธุรกิจและขยายตลาดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จากรายงานของคณะกรรมการประชาชนประจำจังหวัด ระบุว่าในปี 63 มูลค่าส่งออกของจังหวัดมากกว่า 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว ผักผลไม้ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/591878/tien-giang-sets-export-target-of-34-billion-in-2020.html

อนุมัติวงเงิน 50 ล้านยูโรสำหรับโครงการพลังงานจากขยะในย่างกุ้ง

รัฐสภาแห่งเมียนมา ได้อนุมัติเงินกู้ยืมจำนวน 50 ล้านยูโรจากโปแลนด์เพื่อใช้สำหรับโครงการพลังงานขยะในย่างกุ้ง ในระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคมด้วยคะแนนเสียง 534 เสียงต่อ 12 เสียง โครงการจะดำเนินการที่หลุมฝังกลบ Hteinpin ในเมือง Hlaing Tharyar เมืองย่างกุ้งและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 65 โดยจะถูกผลิตเป็นก๊าซธรรมชาติอัด (CNG), คาร์บอนไดออกไซด์, เชื้อเพลิงที่ได้จากขยะ (RDF) และปุ๋ยหมัก CNG ที่ผลิตได้ 30 ตันต่อวันจะถูกขายให้กับรถยนต์ โดยจะมีการเจรจากับธุรกิจ เช่น โรงงานทำอิฐ และสำหรับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ  ตัวอย่างเช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เหลวประมาณ 40 ตันจะขายให้กับผู้ผลิตน้ำอัดลมและห้องเย็นสำหรับเนื้อสัตว์และผักในทุกๆ วัน มีระยะเวลาชำระหนี้ 62 ปี ระยะเวลาผ่อนผัน 5 ปีอัตราดอกเบี้ย 0.1% ต่อปี รายรับคาดว่าจะมีอย่างน้อย 1,750 ล้านจัต หรือประมาณ 950,000 ยูโร ซึ่งสามารถชำระเงินคืนการกู้ยืมได้แน่นอน ขยะจาก 33 เมืองในย่างกุ้งอยู่ระหว่าง 2,300 ถึง 2,500 ตันต่อวัน ขยะอุตสาหกรรมอีก 150 ตัน และขยะทางการแพทย์ 2.4 ตัน ทั้งหมดถูกส่งไปยัง Hteinpin ทุกวัน ส่วนการเจรจาอื่น ๆ กำลังดำเนินการสำหรับโครงการนำร่องกับกลุ่ม Right Right Group จากประเทศเยอรมนีเพื่อผลิตพลังงานจากขยะ 120 ตัน และการแปรรูปขยะ 380 ตันโดยความร่วมมือกับเกาหลีใต้ จากการศึกษาในสี่ปีข้างหน้าย่างกุ้งจะไม่มีที่ว่างในหลุมฝังกลบขยะอีกต่อไป

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/approval-given-eu50-million-loan-waste-energy-project-yangon.html

ผลผู้ชนะการประมูลโครงการทางหลวงย่างกุ้งจะรู้ผลเร็วๆ นี้

กระทรวงการก่อสร้างจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลในช่วงแรกของโครงการทางด่วนยกระดับย่างกุ้ง (YEX) ในเดือนพฤษภาคมนี้ กระทรวงได้กำหนดให้ข้อเสนอ (RFP) ขั้นที่ 1 ของ YEX ในฐานะหุ้นส่วนภาครัฐ (PPP) ถึง 10 ราย โดยกำหนดเวลาส่งการเสนอราคาภายในวันที่ 31 มีนาคม 63 ระยะที่หนึ่งของโครงการ YEX ซึ่งเป็นโครงการขนส่งแรกที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการ PPP ซึ่งมีความสำคัญสำหรับรัฐบาล การก่อสร้างคาดว่าจะใช้เวลาประมาณสามปีครึ่ง โดยจะสร้างถนนยกระดับสี่เลนระยะทาง 47.5 กิโลเมตรซึ่งเชื่อมโยงตอนใต้ของย่างกุ้งรวมถึงท่าเรือย่างกุ้งและเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่า ทางทิศเหนือเป็นสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง นิคมอุตสาหกรรมมิงกะลาดอน สวนสาธารณะและทางด่วนย่างกุ้ง – มันดาเลย์ การประมูลระยะที่สองคาดจะเริ่มปลายปีนี้ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในกรุงย่างกุ้งและปรับปรุงการเชื่อมต่อสำหรับธุรกิจและชุมชนในศูนย์กลางการค้าของประเทศ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/winning-bidder-yangon-highway-project-be-announced-soon-ministry.html

มาตรการขึ้นทะเบียนหมูเพื่อกระตุ้นอุปทานเนื้อหมูในประเทศ

กรมวิชาการเกษตรและป่าไม้เวียงจันทน์จะสนับสนุนให้เกษตรกรหมูลงทะเบียนขอใบอนุญาตฟาร์มเพื่อวางแผนจัดการกับปัญหาการขาดแคลนหมูในปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปีนี้คาดหวังว่าจะมีการเลี้ยงลูกสุกร 190,000-200,000 ตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในประเทศให้เพียงพอ นอกจาจะมีข้อมูลที่สามารถนำมาหาแนวทางแก้ปัญหาแล้ว การขึ้นทะเบียนจะทำให้การเลี้ยงหมูมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมถึงปริมาณหมูที่จะเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อผลผลิตเพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาหมูลดลงมาช่วยควบคุมราคาหมูไม่ให้สูง ซึ่งการที่ราคาหมูสูงก็เป็นผลทำให้เงินเฟ้อในประเทศปรับตัวขึ้นและเป็นปัญหาที่สปป.ลาวเผชิญในปัจจุบันดังนั้นมาตราการดังกล่าวจะสามารถช่วยแก้ปัญหาทั้ง2ของสปป.ลาวได้

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/vientiane-eyes-measures-boost-pork-supply-amid-chronic-shortage-113324

เขตเศรษฐกิจพิเศษดึงดูดเงินมากถึง 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZs) ที่จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศดึงดูดการลงทุนเกือบ 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยมีบริษัท 806 แห่งได้ลงทุนในโซนซึ่งประกอบด้วย 26.34% ในภาคอุตสาหกรรม 25.26%ในการค้าและ 48.4% ในภาคบริการนอกจากนี้การเข้ามาลงทุนในเขตพิเศษยังทำให้เกิดการจ้างงานซึ่งได้สร้างงานถึง 12,596 ตำแหน่งสำหรับแรงงานลาว ปัจจุบันสปป.ลาวกำลังศึกษาถึงโอกาสในการจะจัดตั้งโซนเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติมอีกแห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า “สมาร์ทแอนด์อีโคซิตี้” ระหว่างเขตหลวงน้ำทาและจังหวัดอุดมไชยและมีการคาดการณ์จะสร้างเม็ดเงินและสร้างงานให้กับสปป.ลาวได้อีกมากและจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/special-economic-zones-attract-us57-b-113321

สนามบินมณฑลคีรีร่วมวางแผนสำหรับภูมิภาคท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา

กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินระบุว่าจังหวัดมณฑลคีรีได้รับการยอมรับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงเกษตรและนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา โดยการศึกษาความเป็นไปได้รวมถึงการยกระดับสนามบินสำหรับเมืองหลวงเซน โมโนรม ซึ่งมณฑลคีรีเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในกัมพูชามีพื้นที่มากกว่า 14,000 ตารางเมตรโดย เซน โมโนรม ห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 390 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของแม่น้ำสามสายและน้ำตก Bou Sra ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังมีป่าเขตร้อนบริสุทธิ์ตามฤดูกาลและพื้นที่คุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวได้กล่าวเสริมถึงมณฑลคีรีว่าสามารถเป็นศูนย์กลางหลักของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการผจญภัยได้ รวมถึงประธานสมาคมตัวแทนการท่องเที่ยวกัมพูชายังกล่าวว่าภาคการท่องเที่ยวมีการชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงนี้ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและผู้ประกอบการท่องเที่ยวกำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัวโคโรนาที่กำลังระบาดอยู่ในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50687605/airport-will-aid-plans-for-biggest-eco-tourism-region-in-cambodia

สนามบินกัมพูชาร่วมมือในการพัฒนาศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศแห่งใหม่

สนามบินกัมพูชาและบริษัทการลงทุนต่างประเทศ (OCIC) ได้แสดงความคืบหน้าในการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาสนามบินนานาชาติพนมเปญซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า โดยความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายผ่านร่างในการบันทึกความเข้าใจ (MoU) ซึ่งโฆษกของสำนักเลขาธิการการบินพลเรือนของรัฐ (SSCA) กล่าวว่าท่าอากาศยานกัมพูชาจะเข้าร่วมกับ OCIC เพื่อพัฒนาสนามบินแห่งใหม่ในจังหวัดกันแลนด์ โดยสนามบินกัมพูชาได้แสดงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจให้แก่หน่วยงานภายในกัมพูชาอย่างต่อเนื่องตามข้อตกลงสัมปทานที่ลงนามไปเมื่อปี 2538 ซึ่งรวมถึงการขยายไปยังโครงการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ตามที่รัฐบาลกำหนด (RGC) ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มีการประกาศในต้นปี 2561 และคาดว่าจะมีมูลค่าของโครงการประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใต้ชื่อ Cambodia Airport Investment

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50687604/new-international-travel-hub-seeks-development-cooperation

ตลท.ผนึกตลาดหุ้นอาเซียน ปรับเว็บไซต์ Asean Exchanges ชูรีเสิร์ชกว่า 3,600 บจ.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ผนึกกลุ่มตลาดหลักทรัพย์อาเซียน ปรับโฉมเว็บไซต์ Asean Exchanges ศูนย์รวมข้อมูลกว่า 3,600 หลักทรัพย์อาเซียน เพิ่มบทวิเคราะห์ชูความน่าสนใจ โดยกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่ากลุ่มตลาดหลักทรัพย์อาเซียน 6 แห่ง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย ร่วมเผยแพร่ข้อมูลไฮไลท์ตลาดหุ้นอาเซียน ผ่านเว็บไซต์ www.aseanexchanges.org ปรับโฉมใหม่โดยรวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์ทั้ง 6 แห่ง ครบถ้วนในแหล่งเดียว ครอบคลุมกว่า 3,600 หลักทรัพย์ พร้อมรวมบทวิเคราะห์ เครื่องมือคัดเลือกหลักทรัพย์ ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างหลักทรัพย์แต่ละประเทศ ข่าวสารทางการเงิน หวังดึงดูดการลงทุนจากผู้ลงทุนรายย่อย และสถาบัน จากทั้งในภูมิภาคและจากทั่วโลก ทั้งนี้ปัจจุบันบริบททางเศรษฐกิจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีทำให้การเงินการลงทุนทั้งโลกเกิดความเชื่อมโยงกัน โดยมีเครื่องมือคัดเลือกหลักทรัพย์ โดยสามารถเลือกเปรียบเทียบหลักทรัพย์อาเซียนตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม อัตราเงินปันผลตอบแทน อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น ข้อมูล กลุ่มอุตสาหกรรม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ความเคลื่อนไหวของดัชนีที่เกี่ยวข้อง อาทิ MSCI ASEAN และ FTSE ASEAN ข่าวสารทางการเงิน เป็นต้น

ที่มา : นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 ก.พ. 2563

e-Form D ลดหย่อนภาษีศุลกากรเอื้อการค้านอาเซียนมี

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้ให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Form D ภายใต้ ASEAN Single Window (ASW) อย่างเต็มรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมโยง e-Form D กับประเทศสมาชิกอาเซียนครบ 10 ประเทศแล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. ประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว ได้เริ่มบริการแล้วส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ สามารถใช้ e-Form D ประกอบการดำเนินพิธีการทางศุลกากรเพื่อขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีลดหย่อน/ยกเว้นภาษีนำเข้า ณ ประเทศอาเซียนปลายทาง ช่วยเอื้อให้การค้าขายภายในอาเซียนมีความคล่องตัว และเพิ่มมูลค่าการค้าขายในอาเซียนและนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการเจรจากับประเทศคู่ค้าภายใต้กรอบ FTA อื่นๆ โดยเฉพาะกรอบความตกลงอาเซียนและประเทศคู่เจรจา (ASEAN Plus)

ที่มา : https://www.kaohoon.com/content/339885