“ไวรัสอู่ฮั่น”คาดลากยาว6เดือน ธุรกิจท่องเที่ยวไทยกระทบหนัก

 พิษไวรัสอู่ฮั่นเขย่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก หวั่นสถานการณ์แพร่ระบาดลากยาว 3-6 เดือน กระทบทัวร์ “อินบาวนด์-เอาต์บาวนด์” ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง “โรงแรม-สายการบิน”ได้รับผลกระทบหนักหนัก ททท.ผวานักท่องเที่ยวหนีเอเชีย โดยไทยได้รับผลกระทบจากการที่ นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวหลักยกเลิกทัวร์และการจองจากการแพร่ระบาดของไวรัส ผ่านมา ภาคเอกชนท่องเที่ยวได้ประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อประเมินสถานการณ์ รวมถึงทำแผนเสนอมาตรการต่างๆ ในเบื้องต้นควรหันมากระตุ้นตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินในประเทศ และเร่งทำตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศโดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ประเทศที่กำลังพัฒนานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่มากขึ้นทำให้เป็นตลาดที่น่าสนใจที่จะมาชดชเยแทนนักท่องเที่ยวจีน รัฐบาลควรมมีมาตราการท่องเที่ยวเพื่อ พยุงสถานการณ์ในขนาดนี้ให้ผ่านพ้นไป และสิ่งสำคัญควรมีมาตราคัดกรองโรคและควบคุมที่เข้มงวดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มาเยือน

ที่มา: www.prachachat.net

CPI เดือน ม.ค.63 โตสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา

จากรายงานขอวสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมกราคม ขยายตัวร้อยละ 1.23 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร้อยละ 6.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บ ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ หัวหน้าของสำนักงาน GSO ได้อธิบายถึงดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนม.ค. ว่าสาเหตุที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากมีความต้องการอาหาร อุปโภคบริโภค เครื่องดื่มและสิ่งทอมากขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่เต็ต นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมรายการที่มีการเคลื่อนไหว ได้แก่ อาหาร พลังงาน บริการสุขภาพและการศึกษา รวมไปถึงสินค้าอื่นๆที่รัฐบาลควบคุม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.76 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค. 62 และร้อยละ 3.25 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีอัตราการขยายตัวเร็วกว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาส่วนใหญ่มาจากราคาอาหาร บริการและน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/cpi-in-january-hits-record-high-in-recent-7-years-409385.vov

กลยุทธ์ลดราคาจะช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์ในเวียดนาม

จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่าในปี 2562 ยอดขายรถยนต์ประมาณ 400,000 คัน เนื่องมาจากกลยุทธ์ส่วนลดราคาและอุปกรณ์เสริมรถยนต์ ซึ่งทางสมาคมของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 320,000 คันเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และอีกแบรน์รถยนต์อื่นๆ ในตลาดเวียดนาม ได้แก่ TC Motor มียอดขายรถยนต์ราว 80,000 คัน สำหรับยอดขายดังกล่าวนั้นยังไม่ได้สะท้อนถึงยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของเวียดนาม เนื่องจากยังมีแบรน์อื่นๆอีก ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุยอดขายที่ตั้งไว้ ผู้ประกอบการต้องจัดโปรโมชั่น ส่วนลดราคาและอุปกรณ์เสริมรถยนต์ เพื่อดึงดูดผู้ซื้อนรถต์ให้สนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทางบริษัท Toyota Motor Vietnam (TMV) ได้จัดงบฯ 100 ล้านด่อง (4,300 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อให้ลูกค้าสนใจซื้อรถยนต์รุ่นโคโรลล่า อัลติส (Corolla Altis), วีออส (Vios), อินโนว่า (Innova) และฟอร์จูนเนอร์ (Fortuner) โดยทางบริษัท VinFast เสนอส่วนลดราคาอยู่ที่ 100 ล้านด่อง ให้กับลุกค้าที่สนใจซื้อ Trailblazer SUVs ขณะเดียวกัน คนวงในระบุว่าตลาดรถยนต์เวียดนามในปี 2563 จะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 10-20 เป็นผลมาจากปริมาณการผลิตรถยนต์ในปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/discounts-drive-car-sales-in-vietnam/167872.vnp

มูลค่าการค้าด่านมูเซอยู่ที่ 1.67 ดอลลาร์สหรัฐภายในสามเดือนครึ่ง

กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าปริมาณของศูนย์กลางการค้าชายแดน 18 แห่งมีมูลค่ามากกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสามเดือนครึ่งในปีงบการเงินนี้ เมียนมามีรายรับ 2.504 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่ผ่านมา 18 ศูนย์กลางการค้าชายแดน ได้แก่ มูเซ, ลแวแจ, ชินฉ่วยฮอ, ปิเกติ , เชียงตุง, ท่าขี้เหล็ก, เมียวดี, เกาะสอง, มะริด, นาปูแล  /ทิกี้, มอต่อง, มูเซ, ซิตเว, มองดอ, ตามู, รเอิค, หตันตาลัน และคินเกิล เพื่อส่งเสริมการค้าเมียนมาจำเป็นต้องปรับปรุงทั้งปริมาณและคุณภาพในภาคการนำเข้าซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าทุนที่สามารถสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/muses-trade-volume-reaches-to-us167-b-within-three-and-a-half-months

แนวโน้มของเมียนมาสำหรับนักลงทุนระยะยาว

รายงานของ Oxford Business Group report การเติบโตของเมียนมาสร้างโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับบริษัทที่มองหาโอกาสระยะยาวในการลงทุน ทำการประเมินแนวโน้มและการพัฒนาทั่วทั้งเศรษฐกิจรวมถึงเศรษฐศาสตร์ระดับมหภาค โครงสร้างพื้นฐาน การธนาคารและอื่น ๆ ศักยภาพของพม่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญกับความท้าทาย เช่น ช่องว่างของโครงสร้างพื้นฐาน เมียนมาเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าทำให้เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสระยะยาว ข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติของซึ่งรวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและอินเดีย Oxford Business Group report  เป็น บริษัท วิจัยและให้คำปรึกษาระดับโลก โดยมีสำนักงานอยู่ 30 ประเทศตั้งแต่เอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา จนถึงอเมริกา ให้บริการข้อมูลเชิงลึกบนตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกสำหรับโอกาสในการลงทุนและการตัดสินใจทางธุรกิจ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/good-prospects-myanmar-long-term-investors-oxford-business-group-report.html

World Bank อนุมัติ 50 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการจัดการภัยพิบัติการซ่อมแซมถนน

กระทรวงการคลังสปป.ลาวและธนาคารโลกได้ลงนามในข้อตกลงทางการเงินมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของลาวและโครงการถนนในสปป.ลาวโปรเจกต์ 2 โดยจำนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะปรับปรุงความสามารถของรัฐบาลลาวเพื่อเตรียมความพร้อมและรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติในทางน้ำและอีกจำนวน 25 ล้านเหรียญสหรัฐจะสนับสนุนการซ่อมแซมถนนที่เสียหายและความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานของถนน การทำข้อตกลงในการกู้ยืมเงินดังกล่าวไม่ได้เพียงนำมาใช้ในโครงการป้องกันภัยพิบัติเพียงอย่างเดียวแต่เงินจากการกู้ยืมส่วนหนึ่งนำมาพัฒนาระบบคมนาคมภายในประเทศอีกด้วย เสริมสร้างพื้นฐานการคมนาคมที่ดีแก่สปป.ลาว

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/world-bank-approves-us50-million-disaster-management-road-repairs-112841

ธนาคารแห่งสปป.ลาว (BOL) เปิดตัวมาตรฐานการชำระเงิน QR Code

ธนาคารแห่งสปป. ลาว (BOL) มีการเปิดตัวมาตรฐานรหัส QR สำหรับการชำระเงิน เพื่อกระตุ้นการพัฒนามาตรฐานการรวมชำระเงินภายในประเทศโดยมีวัตถุประสงค์ 5 ประการ : การโอนเงินแบบpeer-to-peer การชำระเงินสำหรับสินค้า/บริการในประเทศ การชำระเงินระหว่างประเทศ ช่องทางการชำระภาษี ช่องทางให้รัฐบาลดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญอย่างยิ่งของธนาคารแห่งชาติลาว เพราะจะนำไปสู่การบริการที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นในการชำระเงินเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของภาคการเงินและสกุลเงินและยังถือเป็นการผลักดันให้เกิดสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลส่งเสริมพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญในยุคปัจจุบัน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/bol-launches-qr-code-payment-standard-112913

KrisEnergy มอบหมายให้ Fugro ทำการศึกษาธรณีเทคนิคนอกชายฝั่งของกัมพูชา

KrisEnergyได้ว่าจ้าง Fugroสำหรับการสำรวจตรวจสอบทางธรณีเทคนิคของโครงการแหล่ง Apsara ในแปลง Aนอกชายฝั่งกัมพูชา โดยคาดว่าบ่อ Apsara จะเริ่มการผลิตครั้งแรกจากลุ่มน้ำกัมพูชาที่ติดกับอ่าวไทย ซึ่ง Fugroจะใช้วิธีการเจาะเพื่อทำการทดสอบหลุมเจาะตัวอย่าง ภายใต้วิธีการทางธรณีเทคนิคซึ่งเกี่ยวข้องกับการออกแบบและการติดตั้งของการพัฒนา Apsara Mini Phase 1A โดยบริษัทให้การสนับสนุน Chevronโอเปอเรเตอร์ก่อนหน้านี้ในปี 2549 ซึ่งนักธรณีฟิสิกส์อาวุโสของ KrisEnergyกล่าวว่าได้ทำการสำรวจธรณีฟิสิกส์เสร็จเรียบร้อยแล้วและการตรวจสอบทางธรณีเทคนิคของ Fugroจะให้ข้อมูลทางกลศาสตร์ขั้นสุดท้ายที่จำเป็นในการลดความเสี่ยงต่อการออกแบบการติดตั้งและการทำงานของโครงการของเรา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50685041/krisenergy-commissions-dutch-based-fugro-for-offshore-cambodia-geotechnical-studies

การเจรจาทางการค้ารอบแรกระหว่างกัมพูชาและจีน

กัมพูชาและจีนได้สรุปการเจรจารอบแรกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยส่งผลในเชิงบวก ซึ่งทั้งสองประเทศจะหารือกันต่อไปในการเจรจารอบสองที่จะจัดขึ้นในประเทศกัมพูชา จากการเจรจาเอฟทีเอรอบแรกที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่งประเทศจีน โดยมีการประชุมเพื่อติดตามผลหลังจากที่เขตการค้าเสรีทวิภาคีได้ริเริ่มโดยผู้นำของทั้งสองประเทศในปี 2562 ซึ่งการเจรจานำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของทั้งสองประเทศ โดยโฆษกของกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับ สินค้า การลงทุน และบริการ ซึ่งปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 5.16 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559 เป็น 6.04 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 และ 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 ตามลำดับ โดยทั้งสองประเทศตั้งเป้าหมายที่จะทำทำการค้าทวิภาคีให้ถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีภายในปี 2566

ที่มา :https://www.khmertimeskh.com/50684889/cambodia-china-wrap-up-first-round-of-trade-talks

นักเศรษฐศาสตร์แนะอาเซียนพึ่งตนเองหนุนศก.โต

นักเศรษฐศาสตร์แนะชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยเฉพาะเวียดนามว่าให้พึ่งพาเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของตนเอง โดยเฉพาะการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศท่ามกลางภาวะไม่แน่นอนและปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ จากรายงานเศรษฐกิจของธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า ภูมิภาคอาเซียนถือว่าได้เปรียบภูมิภาคอื่นที่มีการลงทุนใหม่ๆในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แต่ละประเทศกำหนดไว้ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ดีขึ้น ประกอบกับภูมิภาคเอเซียอยู่ตรงกลางในการเชื่อมโยงทางภูมิประเทศ จึงเป็นโอกาสและความท้าทายรวมไปถึงจำนวนประชากรรวมกันกว่า 642 ล้านคน ด้วยเหตุนี้ อาเซียนจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมากและเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นักเศรษฐศาสตร์แนะนำว่าทุกประเทศในอาเซียนควรสามัคคีกันและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาด้านนวัตกรรมและการลงทุนใหม่ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ทีมวิจัยเศรษฐกิจของเอชเอสบีซีเวียดนาม มั่นใจว่าเศรษฐกิจของอาเซียนจะสนับสนุนให้จีดีพีโลกขยายตัวมากถึง 8% หากดำเนินปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างแท้จริงและลดข้อจำกัดทางการค้าที่มิใช้ภาษี รวมถึงเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกๆด้วยอีกด้วย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/863884