MOU ย่างกุ้งอมตะสมาร์ทและเมืองนิเวศน์ (ECO-CITY)

พิธีลงนามในการดำเนินการย่างกุ้งอมตะสมาร์ทและเมืองนิเวศน์ (ECO-CITY) การพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัย (UHDD) และ บริษัท อมตะเอเชีย (เมียนมาร์) จำกัด ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินนี้ โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม การส่งออกต่างประเทศและทรัพยากรมนุษย์นอกเหนือจากการเป็นแหล่งช่วยเหลือที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐบนที่ดิน 2,000 เอเคอร์ใกล้หมู่บ้าน Laydaunkkan ระหว่าง East Dagon และ South Dagon Township ในย่างกุ้งและสร้างงานได้ถึง 33,000 ตำแหน่ง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/agreement-to-implement-yangon-amata-smart-and-eco-city-signed

สามเดือนครึ่งเมียนมามีรายได้ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกข้าว

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 10 มกราคม 63 เมียนมาได้รับเงินประมาณ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกข้าวหักไปยัง 46 ประเทศ ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังอินโดนีเซีย รองลงมาเป็นเซเนกัล เบลเยียม และกินี โดยมูลค่าส่งออก 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากอินโดนีเซีย 21,667 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากเซเนกัล และ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากเบลเยียม รัฐบาลกำลังวางแผนที่จะซื้อข้าวเปลือกจากเขตพะโค, อิรวดีและย่างกุ้งด้วยเงินกองทุนประมาณ 8 พันล้านจัตสำหรับเขตพะโคและ 5 พันล้านจัตสำหรับเขตอิรวดี หากราคาตลาดลดลงมากกว่าราคาพื้นฐานรัฐบาลวางแผนไว้เพื่อจะซื้อซื้อที่นาด้วยงบ 1,500 ล้านจัต

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-earns-about-us80-m-from-broken-rice-export-within-three-and-a-half-month

ส.อ.ท. จี้รัฐรับมือเศรษฐกิจโลกยังหนัก

หลังจากประเมินสถานการณ์โดยรวมในปี 2563 ภาคเอกชนต้องปรับตัวกันครั้งใหญ่ เศรษฐกิจยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามค่าเงินการเมือง แม้มีมาตรการกระตุ้นการลงทุน ข้อเสนอหลักคือต้องลดภาระ โดยขอให้รัฐพิจารณาเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการรายเล็กและประชาชนบางส่วน โดยการลดค่าไฟให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และบ้านพัก 5% เป็นระยะเวลา 1 ปี ขณะเดียวกันขอให้ลดภาษีนำเข้าเครื่องจักรใหม่ เพื่อการผลิตในสินค้าที่ไทยผลิตเองไม่ได้ ให้เหลือ 0% เป็นระยะเวลา 1 ปี นอกจากนี้การที่รัฐใช้แนวทางดึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามา เพื่อเป็นอีกหนึ่งในเครื่องมือในการช่วยเศรษฐกิจฐานราก นอกจากนี้รัฐจำเป็นที่ต้องผลักดันให้แต่ละภาคถูกพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ ดึงการลงทุนเข้ามาเช่นเดียวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยภาคเหนือควรถูกยกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) ให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารและ Creative Economy เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคอีสาน(NEEC) ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว อาหาร และLogistics Hub และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ให้เป็นเมืองอัจฉริยะและท่องเที่ยว รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาล

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-414443

ความกดดันในการควบคุมเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ปี 2563

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าในปีนี้การควบคุมราคาและเงินเฟ้อมีความซับซ้อนและยากลำบากมากขึ้น โดยราคาเนื้อหมูมีความผันผวนอย่างมากในปีที่แล้วส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากราคาลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีและจากนั้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ราคาเนื้อหมูลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 28,000-32,000 ด่องต่อกิโลกรัม หลังจากนั้น ราคาจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.-ต.ค. ทั้งนี้ ทางผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐศาสตร์และการเงิน ระบุว่าหลังจากที่ราคาเนื้อหมูพุ่งสูงขึ้นกว่าร้อยละ 50 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว การควบคุมอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าร้อยละ 4 ในปีนี้ ซึ่งมีความไม่แน่นอนเมื่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ธ.ค. เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา นับว่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากราคาเนื้อหมูยังอยู่ในระดับสูงในไตรมาสแรก ค่าเฉลี่ยอาจอยู่ในระดับร้อยละ 3.5 สำหรับเป้าหมายของสภาแห่งชาติ ต้องการคงระดับอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ในปีนี้ ซึ่งการจัดการราคาและควบคุมเงินเฟ้อในปีนี้จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ยืดหยุ่นและเขิงรุก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pressure-mounts-to-control-inflation-in-2020/167711.vnp

เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้าเมืองดานัง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2562

จากรายงานของกรมการวางแผนและการลงทุน (Municipal Department of Planning and Investment) เปิดเผยว่าเม็ดเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าบริเวณชายฝั่งทะเลของเมืองดานัง ด้วยมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจากทั้งหมด มีมูลค่า 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ลงทุนในโครงการจดทะเบียนใหม่ 132 โครงการ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ มูลค่าราว 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกอัดฉีดเข้าไปในโครงการที่ดำเนินการอยู่ 16 โครงการ นอกจากโครงการลงทุนจากต่างประเทศแล้ว ในปีทีแล้วเมืองดานังได้อนุมัติโครงการด้านการเงินจากในประเทศ ด้วยมูลค่า 8.82 ล้านล้านด่อง ทำให้มูลค่าเงินทุนของโครงการที่มาจากในประเทศปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 104 ล้านล้านด่อง ซึ่งจากตัวเลขเม็ดเงินทุนดังกล่าว เป็นผลมาจากการเร่งปฏิรูปด้านการบริหารของรัฐบาลที่จะอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ เมืองดานังยังมุ่งเน้นในการส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนในรูปแบบพาร์ทเนอร์ (Strategic Investors) ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/571472/fdi-inflow-in-da-nang-hits-nearly-700m-in-2019.html

ยอดส่งออกธัญพืชไปไทยเพิ่มขึ้น

ารส่งออกธัญพืชอย่างข้าวฟ่างกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในขณะที่รอการส่งออกไปยังไทยของผู้ส่งออกในชายแดนเมียวดี แม้ว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31 สิงหาคมเพื่อส่งออกไปยังประเทศไทยตามข้อตกลงร่วมกัน แต่ยังไม่สามารถส่งออกไปได้เนื่องจากรัฐบาลไทยขึ้นภาษีส่งออกข้าวข้าวฟ่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกร ในช่วงเวลานั้นการส่งออกมายังไทยไทยผู้ส่งออกได้รับความสูญเสียเนื่องจากรถบรรทุกที่ไม่สามารถข้ามสะพานเกียง เนื่องจากการเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำเกียง ทั้งผู้ส่งออกไม่สามารถส่งออกไปยังจีนได้เนื่องจากรัฐบาลจีนขึ้นภาษีเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกร ยอดการส่งออกจากการค้าชายแดนเมียวดีคิดเป็น 10% ของการนำเข้าและส่งออกของปีนี้ แม้ว่าไทยจะส่งออกสินค้ารถบรรทุกกว่า 500 คันในทุกๆ วัน แต่เมียนมาก็ไม่ได้ขึ้นภาษีแต่อย่างใด

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/millet-grains-pile-up-to-export-to-thailand

การเติบโตของการท่องเที่ยวสปป.ลาว

กระทรวงข้อมูลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้เปิดเผยตัวเลข การท่องเที่ยวล่าสุดแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสปป.ลาวในปี 62 มีมากขึ้น โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเยอะที่สุด 4.7 ล้านคนเพิ่มขึ้น 14.44% จากปี 2561 Mr Soun Manivong ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดการท่องเที่ยวกล่าวว่าส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมามาจาก แคมเปญเยี่ยมชมปีลาว – ​​จีนซึ่งได้รับความร่วมมือจากจีนเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือมาเที่ยว สปป.ลาวมากขึ้น ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มวางแผนการสำหรับการที่จะกระตุ้นให้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในปี 63 โดยจะมีการดำเนินการในเรื่องการให้บริการที่ดีขึ้นทั้งด้านสถานทีท่องเที่ยวและความสะดวกสบายสำหรับการข้ามพรมแดน นอกจากนี้การรักษาระดับของค่าเงินกีบให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและนำแผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี63 โดยรัฐบาลหวังที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 4.7 ล้านคนและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New_17.php

กัมพูชาเสนอบริษัทญี่ปุ่นลงทุนในแหล่งน้ำสะอาดภายในประเทศ

บริษัทญี่ปุ่นถูกขอให้ลงทุนสร้างโรงผลิตน้ำสะอาดและจัดหาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำสะอาดให้แก่กัมพูชาตามนโยบายด้านสุขอนามัยของรัฐบาล โดยการเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลกัมพูชาต้องการเชื่อมโยงการแจกจ่ายน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคไปยังเขตเมืองทั้งหมดทั่วประเทศภายในปี 2568 และในพื้นที่ชนบททั้งหมดในปี 2573 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมได้มีการเสนอกับบริษัทญี่ปุ่น ณ งานสัมมนาน้ำประปาและสิ่งปฏิกูลกัมพูชาและญี่ปุ่น 2563 โดยจัดขึ้นที่โรงแรมซันเวย์ในกรุงพนมเปญ โดยกระทรวงส่งเสริมให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน้ำของกัมพูชาเพื่อให้ชาวกัมพูชาสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันกว่าร้อยละ 80 ของเขตเมืองทั่วประเทศสามารถเข้าถึงน้ำสะอาด ที่ดำเนินการผลิตโดยหน่วยงานประปาของรัฐและผู้จัดจำหน่ายน้ำสะอาดเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานในพื้นที่ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสะอาด โดยมีหน่วยงานผู้ให้บริการน้ำของรัฐ 11 แห่งและผู้ให้บริการน้ำสะอาดภาคเอกชนอีก 258 รายที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวง ซึ่งมีการใช้น้ำสะอาดประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรทุกวันภายในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50682452/japanese-firms-asked-to-invest-in-nations-clean-water-supplies

ภาคการเกษตรของกัมพูชากำลังเติบโต

โครงการ FoodSTEM ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลา 3 ปี เพื่อฝึกอบรมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในสาขาเกษตรยั่งยืนและวิศวกรรมอาหารเริ่มต้นจากการประชุมเชิงที่นำโดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งกัมพูชา (ITC) กับ 4 มหาวิทยาลัยที่ชั้นนำของกัมพูชา ซึ่งแนวคิดคือเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีอาหารเพียงพอต่อความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้นของกัมพูชาโดยใช้ความหลากหลายของสาขาวิชาและทักษะที่ทันสมัย โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการได้ให้คำปรึกษาร่วมกับ Agence Universitaire de la Francophonie ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ C-NEUF “Espace Techno Incubation” โดยเป็นโครงการระยะเวลา 3 ปีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนด้านเทคนิคแก่การบ่มเพาะโครงการล่วงหน้ากับผู้ประกอบการนักศึกษาในกัมพูชา เช่นดิจิตัลอิเล็กทรอนิคส์เมคคาทรอนิกส์ (ซึ่งรวมอิเล็กทรอนิกส์กับวิศวกรรมเครื่องกล) และหุ่นยนต์แหล่งพลังงานการเกษตรและอาหารเกษตร ซึ่งอุตสาหกรรมมีมูลค่าถึง 7.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้เรียกร้องให้มีการลงทุนด้านการแปรรูปและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในกัมพูชามากขึ้น ซึ่งกล่าวว่าประมาณ 70% ของข้าวเปลือกที่เหลือถูกขายให้กับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50682509/growing-the-agricultural-sector

ยอดขายเบียร์ลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่เต๊ต

เบียร์มักจะขายได้ดีที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ (เต็ต) แต่ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จะลดราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาซื้อ ซึ่งทางรัฐบาลได้ออกมาตรการปราบปรามคนเมาสุราขณะขับรถยนต์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำหน่ายไวน์และเบียร์รายหนึ่งในกรุงฮานอย บอกเล่าว่า”ในปีที่แล้ว ยังพอขายเบียร์ได้บ้าง แต่ในปีนี้แค่ต้องรอคำสั่งซื้อ” ถึงแม้ว่าจะลดราคาสินค้าดังกล่าวก็ไม่ได้เพิ่มจำนวนลูกค้ามากเท่าไรนัก ซึ่งทางผู้ประกอบการประเมินว่ายอดขายลดลงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ที่แล้ว ขณะที่ ทางฝั่งผู้ซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ระบุว่าเบียร์ดังที่มาจากไซง่อน (Saigon Beer) อยู่ที่ 239,000 ด่อง – ลดราคากว่าร้อยละ 80 จากราคาปกติ นอกจากนี้ ไม่มีผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ ได้แก่ Sabeco, Habeco, Heineken และ Carlsberg เป็นต้น ที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ (ผู้ขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุรา) แต่ร้านค้าหลายแห่งระบุว่ายอดขายลดลงประมาณร้อยละ 25-30 ซึ่งจากตัวเลขสถิติของสมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เวียดนาม ระบุว่าในปีที่แล้วคนเวียดนามบริโภคเบียร์อยู่ที่ 4.6 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2561

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/beer-sale-drops-remarkably-ahead-of-tet/167669.vnp