อัตราแลกเปลี่ยน Kip ผันผวนเนื่องจากการเติบโตของการนำเข้า

อัตราการแลกเปลี่ยนกีบต่อดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทมีความผันผวนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยมาจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่นำเข้าเพิ่มขึ้นรวมถึงกระบวนการชำระเงินในต่างประเทศสำหรับโครงการลงทุนที่ดำเนินการในสปป.ลาวซึ่งขัดขวางการไหลเข้าของสกุลเงินต่างประเทศ 2 ปัจจัยดังกล่าวทำให้ค่าเงินกีบอ่อนค่าลงโดยตั้งแต่ มกราคม-ธันวาคม 62 ค่าเงินอ่อนค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ธนาคารกลางสปป.ลาวกำหนดไว้ที่ 2% แต่ผลที่ออกมาค่าเงินกีบกับอ่อนค่าเพิ่มขึ้นถึง 3%(เฉลี่ยทั้งปี) จากกรณีดังกล่าวMr. Sonexay Siphandone นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวกล่าวว่า“ จำเป็นต้องมีการประสานงานภายในรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการลดปริมาณการนำเข้าและเพิ่มการส่งออกเพื่อสร้างดุลการค้าที่ขาดดุล” นอกจากนี้ธนาคารกลางจะยังคงทำงานร่วมกับกระทรวงการวางแผนและการลงทุนหาวิธีแก้ไขกระบวนการชำระเงินในต่างประเทศสำหรับโครงการลงทุนในสปป.ลาวซึ่งเป็นปัญหาต่อการไหลเข้าของสกุลเงินต่างประเทศ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/kip-exchange-rate-fluctuating-due-growth-imports-111708

รัฐบาลจะออกกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโต

รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายภายใต้พระราชกฤษฎีกาใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าการขายและการประกอบรถยนต์ในลาวมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบการ 3 ใบจากกระทรวงพาณิชย์บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกรถยนต์อาจดำเนินการเฉพาะในลักษณะขายส่งในขณะที่บริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายยานยนต์สามารถดำเนินธุรกิจได้ทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกและบริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบรถยนต์ได้รับอนุญาตให้นำเข้าชิ้นส่วนและประกอบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับลูกค้าในแบบขายส่งเท่านั้นหนึ่งในข้อกำหนดหลักที่ บริษัทต้องปฏิบัติคือธุรกิจที่ต้องการขอใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกยานพาหนะจะต้องมีทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 4 พันล้านกีบสำหรับรถยนต์สามล้อและ 5 พันล้านกีบสำหรับยานพาหนะสี่ล้อกฎหมายใหม่จะทำให้การจัดการในธุรกิจยานพาหนะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจำกัดบริษัทที่ขายรถยนต์คุณภาพต่ำเนื่องจากจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมต่อไปนอกจากนี้มีการส่งเสริมด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะมีการลงทุนอีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt06.php

อัตราการเติบโตที่มั่นคงของท่าเรือขนส่งกัมพูชา

ท่าเรือขนส่งภายในประเทศกัมพูชามีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งด้านการขนส่งตู้สินค้าและการระวางในปี 2562 เนื่องจากรัฐบาลได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มการนำเข้าและส่งออกสินค้า โดยจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกจัดการใน Sihanoukville Autonomous Port (SAP) ท่าเรือน้ำลึกแห่งเดียวของประเทศ เพิ่มขึ้น 17% เป็น 633,099 TEUs (หน่วยเทียบเท่า 20 ฟุต) จากปี 2018 จนถึง 2019 ตามรายงานของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ซึ่ง Phnom Penh Autonomous Port (PPAP) มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งถึง 29% โดยมีจำนวนตู้คอนเทนนอร์อยู่ที่ 275,000 TEUs ในช่วงเวลาเดียวกันกับ SAP ซึ่งน้ำหนักระวางของ SAP มีการจัดการที่ 6.533 ล้านตันและ PPAP จัดการได้ 3.810 ล้านตัน ทำให้มีการเติบโตที่โดดเด่นถึง 22% ในการเติบโตรวมกันในช่วงระยะเวลา 1 ปี โดยในปี 2562 มีการจัดการระวางน้ำหนักรวมผ่านทาง PPAP จำนวน 1.740 ล้านตัน มาจากการนำเข้าน้ำมัน และ 2.070 ล้านตัน มาจากสินค้าและผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ซึ่งรายรับรวมในช่วงระยะเวลาของ SAP มีการรายงานอยู่ที่ 80.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% และรายรับของ PPAP เพิ่มขึ้น 35% สู่ 30.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677964/solid-growth-in-nations-ports

การจดทะเบียนยานพาหนะในกัมพูชาเพิ่มขึ้น 13% ในหนึ่งปี

การจดทะเบียนของยานพาหนะเพิ่มขึ้น 13% ในหนึ่งปีเนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามรายงานประจำปีของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ซึ่งรายงานของกระทรวงฯ ระบุจำนวนรถที่จดทะเบียนใหม่ในปีนี้ที่ 640,183 คัน โดยรวมประกอบไปด้วยรถบรรทุก 15,956 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 92,958 คัน และมอเตอร์ไซค์ 531,269 คัน ซึ่งตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปัจจุบันมีการจดทะเบียนในกัมพูชามากกว่า 5 ล้านรายการ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 300,000 ถึง 400,000 คันต่อปี ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซด์ร่วม 40% โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกล่าวว่าเพื่อให้บริการแก่ประชาชนต่อไปรัฐบาลจะออกพระราชกฤษฎีกาหมายเลข 73 ซึ่งอนุญาตให้เจ้าของปัจจุบันเก็บป้ายทะเบียนรถเก่าไว้เมื่อขายรถยนต์แล้วสามารถใช้หมายเลขทะเบียนเหล่านั้นกับรถใหม่ของพวกเขา โดยในอดีตรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีสัดส่วนเพียง 33% ของรายได้ทั้งหมดจากกรมศุลกากรและสรรพสามิต แต่ปีนี้ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 52% เป็นเพราะชาวกัมพูชาสามารถซื้อรถยนต์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677837/registered-vehicles-increase-13-percent-in-one-year

“สมคิด”สั่ง”กฟผ.” ศึกษาลดค่าไฟอุ้มผู้มีรายได้น้อย-ไมโครเอสเอ็มอี

“สมคิด” รุดมอบนโยบาย “กฟผ.” เร่งดันศก.ฐานรากให้ศึกษาโครงสร้างค่าไฟเฉพาะอุ้มผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายเล็กเพื่อลดต้นทุน ลุยโรงไฟฟ้าชุมชน และรุกธุรกิจรับยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) เร่งรัดลงทุนรับบาทแข็ง “สนธิรัตน์” รับเล็งหารือทุกส่วนปรับโครงสร้างค่าไฟ พร้อมถกรับมือน้ำมันพรุ่งนี้(10 ม.ค.)โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ว่า ได้มอบหมายให้ กฟผ. ดูแลค่าไฟฟ้าโดยเฉพาะในช่วงความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ให้มีเพียงพอซึ่งก็อุ่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาเพราะได้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงานดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันต้องการให้ดูแลค่าไฟฟ้าให้ต่ำท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีนักสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายเล็ก (ไมโครเอสเอ็มอี) เพื่อลดค่าครองชีพ ทั้งนี้ กฟผ. เองมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวไปสุ่ธุรกิจแห่งอนาคต มุ่งเน้นนวัตกรรมที่จะขยายธุรกิจได้มากขึ้น โดย กฟผ. ได้มองถึงอนาคตในการทำธุรกิจในประเทศกลุ่ม CLMV ที่ขณะนี้ กฟผ. มีความแข็งแรงมากและด้วยธุรกิจไฟฟ้าที่เข้มแข็งสามารถประยุกต์เทคโนโลยีไปสู่ผู้บริโภค ทำให้สามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9630000002627

Asianwallets รุกขยายธุรกิจในเอเชีย เดินหน้าสร้างความร่วมมือด้านการชำระเงินข้ามแดน

Asianwallets ผู้นำด้านโซลูชันการชำระเงินข้ามแดน ประกาศว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไทย ฮ่องกง จีน และอื่น ๆ ด้วยการให้บริการชำระเงินสุดล้ำมากมาย เช่น Thai QR และ NETS QR สำหรับคนไทยและสิงคโปร์ เป็นต้นเมื่อช่วงต้นปี Asianwallets ได้เปิดตัว “Asian Wallet Alliance Program” เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือข้ามแดนในเอเชีย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ หลังการพัฒนานานหนึ่งปี Asiawallets ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินกว่า 45 แห่ง รวมถึงประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ กว่า 10,000 แบรนด์ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การจัดเลี้ยง จุดชมวิว ช็อปปิง โรงแรม ฯลฯ ทั้งนี้ การเข้าถึงระบบนิเวศกระเป๋าเงินดิจิทัลของ Asianwallets สะท้อนถึงความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายด้วยความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพาร์ทเนอร์ Asianwallets ได้ระดมทุนจากบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งในฮ่องกงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการชำระเงิน นอกจากนี้ ในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง Asianwallets จะจัดแคมเปญร่วมกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นหลายราย

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/anpi/3078577

จังหวัดคั้นห์หว่า ตั้งเป้ามีจำนวนผู้ประกอบการเอกชนกว่า 30,000 ราย ในปี 2568

เจ้าหน้าที่ในเขตจังหวัดคั้นห์หว่า (Khanh Hoa) วางแผนปรับปรุงคุณภาพและการดำเนินงานของธุรกิจในภาคเอกชน โดยมุ่งเน้นที่จะเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการราว 30,000 และ 35,000 ราย ในปี 2568 และ 2573 ตามลำดับ ซึ่งทางคณะกรรมประชาชนของจังหวัด ได้ดำเนินการแผนพัฒนาสร้างความยั่งยืนของธุรกิจเอกชนภายใต้การลงนามของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังตั้งเป้างบประมาณรายรับรวมที่เก็บจากภาคเอกชน อยู่ในระดับร้อยละ 39 ในปี 2568 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวนั้น คณะกรรมการจึงกำหนดแนวทางและเป้าหมายมา 6 ด้านสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการลงทุนและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนให้ธุรกิจเอกชนให้นำวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เกิดโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ จำนวนผู้ประกอบการที่จดทะเบียนใหม่ในปีที่แล้ว มีอยู่ประมาณ 1,900 ราย ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 757.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.12 และ 8.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ประกอบกับผู้ประกอบการกว่า 447 ราย กลับมาดำเนินธุรกิจต่อ เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/570809/khanh-hoa-aims-to-have-30000-private-businesses-by-2025.html

GDP ของเวียดนามชะลอตัวเล็กน้อยในปี 2563

จากการคาดการณ์ของ Fitch Solutions ระบุว่าการเติบโตของ GDP เวียดนามจะแตะอยู่ในระดับร้อยละ 6.8 จากร้อยละ 7.02 ในปี 2562 เนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นคอขวด ทำให้การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.5 ของเศรษฐกิจเวียดนาม ทั้งนี้ ในเดือน พ.ย. 62 การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเวียดนาม มีการชะลอตัวลงร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 ส่วนภาคเกษตรกรรมได้รับแรงกดดันอย่างมาก เนื่องมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่อยู่ในบริเวณแม่น้ำโขง สปป.ลาว และผลกระทบของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคการก่อสร้างและการบริการจะสามารถพยุงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจได้บางส่วน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าการขยายตัวของภาคบริการได้รับแรงสนับสนุนจาก 4 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานที่แท้จริง นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยือนอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาของบริษัทต่างชาติที่ต้องการหลีกเลี่ยงภาษีจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคการเงินที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/570811/viet-nams-gdp-to-ease-slightly-in-2020.html

ยอดผลิตรถยนต์เพิ่มในปี 62

การผลิตรถยนต์ในเมียนมาเพิ่มขึ้นหนึ่งในสามระหว่างเดือนม.ค. – พ.ย.ในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรถยนต์ใหม่จำนวน 14,042 คันที่ผลิตโดยใช้ระบบ Semi-knocked-down (SKD)  ยอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วรวมเป็น 19,274 คัน แสดงให้เห็นการซื้อยานพาหนะใหม่มาจากความพร้อมของแผนการชำระเงินค่างวดซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นของผู้ซื้อ บริษัท 18 แห่งได้รับอนุญาตให้ประกอบรถยนต์โดยใช้ระบบ SKD ของโรงงานในประเทศ ภายใต้นโยบายการนำเข้ายานพาหนะปี 2563 สามารถนำเข้าเฉพาะรถขับเพวงมาลัยซ้าย และยังระบุด้วยว่ารุ่นปีจะต้องไม่ต่ำกว่าปี 60 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ระบุ หากรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ 1,350 CC นำเข้าจะต้องเป็นปี 60 หรือใหม่กว่า ส่วนรถมินิบัส รถเมล์ รถโดยสารด่วน และรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ที่ผลิตในปี 2559 หรือต่ำกว่านั้นอนุญาตให้นำเข้าได้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/car-production-sales-rise-2019.html

เมียนมาเซ็นสัญญาฉบับใหม่ส่งออกข้าวไปจีน

Mandalay Rice Development Company ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่โดยมีเป้าที่จะส่งออกข้าว 50,000 ตันไปยังจีน ปี 62 ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำข้อตกลงกับ บริษัท พัฒนาข้าวมันดาเลย์มีข้อตกลงกับ Shwe Charnt Company จากจีนในการส่งออกข้าว 100,000 ตัน โดยผ่านทางถนนใหม่ของด่านชินฉ่วยโอ ในอดีตการส่งออกข้าวส่วนใหญ่ผ่านทางถนนมูเซ เมียนมามีรายรับ 650 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 2.16 ล้านตันใน 11 เดือนในปีนี้น้อยกว่า 780,000 ตันในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วและมีรายรับ 1,003 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมาพบตลาดใหม่สำหรับการส่งออกในปี 59-60 และมีการส่งออกข้าวประมาณ 3.6 ล้านตันซึ่งทำลายสถิติในระยะเวลา 50 ปี การส่งออกข้าวถูกปฏิเสธในปีนี้เนื่องจากความต้องการจากสหภาพยุโรปและจีนลดลง เมียนมาส่งออกข้าวผ่านทางทะเลไปยังสหภาพยุโรปและแอฟริกา ส่วนจีนผ่านเส้นทางการค้าชายแดนของมูเซ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-signs-new-contract-to-export-rice-to-china