กนอ.ตั้งนิคมฯใหม่ในอีอีซีรองรับอุตฯเป้าหมายชาติ

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ กนอ.(บอร์ด ) เห็นชอบให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง โดยร่วมดำเนินงานกับบริษัท เอเพ็กซ์ ปาร์ค จำกัด ในรูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวีนออก (อีอีซี) ในการขยายตัวของอุตสาหกรรมเป้าหมายS-Curve , New S-Curveและอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการ อีอีซี โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและให้บริการระบบสาธารณูปโภคภายใต้การกำกับของ กนอ.

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/946123

กนอ.ประกาศเดินหน้าแผนปี’64 ศูนย์กลางฐานการผลิตของภูมิภาคอาเซียน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Industry Toward 2021” ถึงทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในปี 2564 หลังสถานการณ์โควิด-19 ในงานฉลองครบรอบ 48 ปี การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) “The Journey of Sustainable Partnership” ว่า ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวให้สอดรับกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปโดยใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระทรวงฯได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบายหลายประการที่เป็นจุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนา ประการแรก คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ โดยเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมในสาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมอาหาร อีกทั้งผลักดันมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมในสาขาอื่นๆ เพื่อขยายผลการพัฒนาให้เกิดขึ้นอย่างครอบคลุม ประการที่สอง : การยกระดับผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ช่วยสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากด้วยการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน ประการที่สาม : การส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรมที่เป็น มิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของสถานประกอบการผ่านโครงการ Factory 4.0 การยกระดับสถานประกอบการสู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สอดคล้องกับแนวนโยบาย BCG ของรัฐบาล

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_2486117

กนอ.เปิดยุทธศาสตร์5ปีตั้งตัวเป็นหน่วยงานหนุนการลงทุน

5 ต.ค. 2563 นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยในงานสัมมนาทิศทางและแผนยุทธศาสตร์ กนอ. ประจำปีงบประมาณ 2564 ว่า กนอ.จะเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ กนอ. ระยะ 5 ปี(2564-68) วงเงินลงทุนประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนกนอ.ให้เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศให้สอดรับเทคโนโลยี 5 จีเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นเทรนด์ของทั่วโลก ส่งผลให้นิคมอุตสาหกรรมของไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาเซียน วงเงินลงทุนของกนอ.ช่วง 5 ปี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในท่าเรือมาบตาพุดเฟส3 ขณะที่ปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนนิคมฯสมาร์ทปาร์คช่วงเริ่มก่อสร้าง 800 ล้านบาท ลงทุนด้านดิจิทัล 200 ล้านบาท และอื่นๆ 200 ล้านบาทสำหรับความร่วมมือกับผู้พัฒนาเทคโนโลยี 5 จีในนิคมอุตสาหกรรม เบื้องต้นตามยุทธศาสตร์นี้กนอ.จะนำ 5 จีมาพัฒนานิคมฯของกนอ.รวม 5 แห่ง ประกอบด้วย นิคมฯมาบตาพุด นิคมฯแหลมฉบัง นิคมฯบางปู นิคมฯลาดกระบัง นิคมฯภาคเหนือ รองรับการลงทุนอในอุตสาหกรรมเป้าหมาย(เอส-เคิร์ฟ) ขณะที่นิคมฯของภาคเอกชนอยู่ระหว่างการพัฒนาเช่นกัน  

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/80656

กนอ.จ่อคลอดแผนนิคมอุตสาหกรรมสกัด ‘โควิด-19’

กนอ.เตรียมออกมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 ในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เล็งปรับเป้าขายที่ดินปีนี้รับพิษเศรษฐกิจทรุดด้านเอเชียคลีนฯเชื่อไทยสร้างความมั่นใจคุมไวรัสได้ โดยผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่าจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายประเทศ กนอ.เตรียมจะออกประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศมีมาตรการและบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดในการตรวจและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค โควิด – 19 ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดและลดความเสี่ยงของผู้ที่ทำงานในโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในความดูแลของ กนอ.ประมาณ 3,000 ไร่ต่อปี โดยปีนี้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากหลายด้าน ซึ่งนอกจากเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสแล้วจะต้องประเมินถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนด้วย โดยเชื่อว่าหากยังสามารถควบคุมการระบาดในประเทศได้ในระดับนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่มีแผนที่จะขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นโอกาสรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/868079