เจ้าหน้าที่ธนาคารสปป.ลาวเรียนรู้กฎระเบียบด้านการบัญชีระหว่างประเทศ

ภาคการธนาคารของสปป.ลาวกำลังดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ในดำเนินการตามหลักการ Basel II และเพื่อให้เจ้าหน้าที่รับทราบมาตรฐานรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS 9) ธนาคารแห่งสปป. ลาว (BOL) จัดประชุมในเวียงจันทน์เพื่อเพิ่มความเข้าใจในหลักการ Basel II  Basel III และ IFRS 9  นอกเหนือจากประเด็นที่เกี่ยวข้องเหล่านี้เจ้าหน้าที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IAS19) ผู้อำนวยการฝ่ายการบัญชีและการเงิน กล่าวว่ามาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับการรายงานทางการเงินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีบทบาทสำคัญในการบัญชีในภาคการธนาคาร ในทางเทคนิคแล้วการรายงานทางการเงินจะต้องมี IFRS เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การรายงานมีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้งานได้มากขึ้น และ BOL สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ประเมินความท้าทายของตนเองก่อนที่จะจัดทำแผนแม่บทเพื่อดำเนินการตามหลักการ Basel ที่ธนาคารกลางแนะนำ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-banking-officials-learn-international-accounting-regulations-109680

สปป.ลาว-ยูนนาน(จีน) ร่วมมือส่งเสริมการพัฒนาในแขวงทางตอนเหนือของสปป.ลาว

สปป.ลาวและมณฑลยูนนานของจีนร่วมมือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาในแขวงสปป.ลาวทางเหนือ โดยมีการประชุมเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างกันไปเมื่อไม่นานนี้ มีวัตถุประสงค์ในการประชุมเพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างสปป.ลาวและยูนนานโดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ การขนส่งทางไปรษณีย์และโทรคมนาคมรวมถึงภาคอื่น ๆ นอกจากนี้ในที่ประชุมสปป.ลาวได้เสนอให้ความช่วยเหลือมณฑลยูนนานในการพัฒนาทางรถไฟสายสปป.ลาว – ​​จีนและทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะดำเนินการโครงการสำคัญๆหลายโครงการ เช่นโครงการทางพิเศษสายเวียงจันทน์ – โบเตนและโบเตน – ห้วยไซเพื่อพัฒนาระบบการขนส่งและโทรคมนาคม โครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่นซึ่งจะนำประโยชน์ที่แท้จริงมาสู่เกษตรกรในแขวงทางตอนเหนือของสปป.ลาวและโครงการด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคมปีนี้การลงทุนระหว่างสปป.ลาวและมณฑลยูนนานสูงถึง 6.54 พันล้านหยวนขณะที่การค้าชายแดนเพิ่มขึ้น 32%การส่งออกเพิ่มขึ้น 72.9% และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.4%

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_China_264.php

บิ๊กซีเปิดสาขาที่ปอยเปต

Big C Supercentre Poipet แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชาติดกับชายแดนไทยเปิดตัวยิ่งใหญ่ไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะนี้กัมพูชาสามารถเข้าถึงสินค้าประเภทต่างๆ ในราคาไม่แพงและมีคุณภาพได้ง่ายขึ้น บิ๊กซีมีชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งชอปปิ้งยอดนิยมสำหรับลูกค้าที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง จำหน่ายสินค้าหลากหลายรวมถึงเครื่องใช้ต่างๆ และอาหาร ศูนย์การค้าตั้งอยู่บนพื้นที่สองไร่ในหมู่บ้านกบาล สเพียน มูลค่าการก่อสร้างทั้งหมด 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นครั้งแรกที่เครือซุปเปอร์มาร์เก็ตไทยที่ลงทุนในกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันลงทุนไปแล้วในเวียดนามและสปป.ลาว ด้านผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่านักลงทุนมองเห็นศักยภาพของกัมพูชาว่าเป็นปลายทางของการลงทุน การเปิดตัวครั้งนี้ผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือ ปอยเปต กลายเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญและประชากรมากกว่า 200,000 คนรอบๆ ชายแดน และการเปิดตัวของบิ๊กซีในกัมพูชาสามารถสร้างตำแหน่งงานมากกว่า 1,200

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50667685/thailands-big-c-opens-outlet-in-poipet/

กัมพูชาขึ้นค่าแรงลูกจ้างราชการอีก 5 เหรียญสหรัฐ ในเดือนหน้า

รัฐบาลได้ออกคำสั่งเพิ่มเงินรายเดือนของเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างของรัฐบาลจาก 162.5 เหรียญสหรัฐ เป็น 167.5 เหรียญสหรัฐ เริ่มในเดือนถัดไปหรือปีหน้านั่นเอง ซึ่งการเพิ่มเงินเดือนของข้าราชการหรือข้าราชการตามสัญญาจ้างนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลและการพิจารณาเงินเฟ้อเป็นหลัก ซึ่งเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างสามารถรับผลประโยชน์และสวัสดิการอื่น ๆ ตามที่กระทรวงของตนกำหนด วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับค่าครองชีพ ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 18,000 คนในประเทศ ต.ค. ที่ผ่านมาได้ขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำของข้าราชการจาก 275 เหรียญสหรัฐ เป็น 293 เหรียญสหรัฐ สำหรับครูและแพทย์จาก 300 เหรียญสหรัฐ เป็น 318 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีผลในปีหน้า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มียศจ่านายสิบจาก 296 เหรียญสหรัฐ เป็น 314 เหรียญสหรัฐ ด้านสารวัตรทหารจาก 264 เหรียญสหรัฐ เป็น 295 เหรียญสหรัฐ ส่วนเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างจะได้รับเงินค่าจ้าง 167 เหรียญสหรัฐ ซึ่งค่าแรงต่ำกว่า 325 เหรียญสหรัฐจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/667608/government-contract-officials-to-get-5-raise-in-wages-next-month/

ส่งออกอัญมณีเครื่องประดับ แรงไม่หยุด10เดือนเพิ่ม37.59% ผลจากทองคำ-พลอยสี-ตลาดอาเซียน

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 10 เดือนของปี2562 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 13,974.58 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.59 หากหักทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกมีมูลค่า6,900.81 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.24 โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในช่วง 10 เดือนของปีนี้เพิ่มขึ้น ยังคงมาจากการส่งออกทองคำที่ยังคงขยายตัว แม้ว่าเฉพาะเดือน ต.ค.2562 จะชะลอตัวลง เป็นผลจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และนักลงทุนมีการเทขายทองคำออก รวมไปถึงหันไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงแทน ทั้งนี้หากดูเป็นรายสินค้า พลอยสียังคงเป็นสินค้าดาวรุ่ง ทั้งพลอยก้อน พลอยเนื้อแข็งเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน สำหรับตลาดส่งออกที่ขยายตัวสูง ได้แก่ อาเซียน อินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่วนฮ่องกงที่ยังคงเป็นตลาดอันดับ 1 แต่มีการชะลอตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการประท้วง นักท่องเที่ยวลด ทำให้ร้านค้าปลีกหลายรายปิดตัวลง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และขยายตัวในการส่งออกไปยังตลาดที่เติบโตได้ดีอยู่ ประกอบกับใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และสร้างมูลค่าสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/ news_1782723

เวียดนามดึงดูดแบรนด์แฟชั่นต่างประเทศ Fast Fashion

Zara แบรนด์แฟชั่นระดับโลกของสเปน มีรายได้ราว 1.7 ล้านล้านด่อง ในปี 2561 ซึ่งมีตัวเลขสูงกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2559 เนื่องจากผู้บริโภคเวียดนามนิยมแฟชั่นประเภท ‘Fast Fashion’ ประกอบกับสไตล์แฟชั่นที่ตอบโจทย์กับคนเวียดนาม และราคาสินค้าที่ไม่แพงสามารถจับต้องได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 300,000 – 900,000 ด่อง โดยในปัจจุบันเวียดนามมีแบรนด์แฟชั่นอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้คนเวียดนามมีทางเลือกในการเลือกซื้อเสื้อผ้าได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ จากรายงานทางการเงินของแบรนด์ Zara แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 2 ร้านค้าในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ ที่ทำรายได้สูงถึง 1.7 ล้านล้านด่อง ในปี 2561 นับว่าตัวเลขดังกว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับแบรนด์แฟชั่นในระดับไฮเอนด์ เช่น Tam Son และ Mai Son International Retail ขณะเดียวกัน มีการเปิดสาขาใหม่อยู่ 4 แห่ง ที่จะสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ H&M มากกว่า 653 พันล้านด่อง ในปี 2561

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-attracts-foreign-fastfashion-brands-407027.vov

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกเครื่องนุ่งห่ม 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในประเทศ ยังคงตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2562 แม้ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เพื่อให้ได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อุตสาหกรรมดังกล่าวต้องมีอัตราการเจริญเติบโตในการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 11-12 ต่อปี โดยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 9.1 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น เช่น จีน อินเดีย และบังคลาเทศ เป็นต้น และทางสมาคมหวังว่าผู้ประกอบการจะได้รับยอดคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ เพื่อให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มสูงขึ้นในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญของผู้ประกอบการ คือ การหาตลาดใหม่และการร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้า ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี ได้แก่ EVFTA และ CPTPP เป็นต้น นอกจากนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงของสมาคมสิ่งทอเวียดนาม มองว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน นับว่าเป็นไปได้ยากที่อุตสาหกรรมสิ่งทอจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ภายในปีนี้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569282/garment-export-target-of-40-billion-a-long-shot.html#lGuhOAC3rkrrqwYh.97

งานแสดงสินค้าการเกษตรและสินค้าในประเทศเพิ่มโอกาสแก่เกษตรกรและผู้ผลิตเวียงจันทน์

งานดังกล่าวจัดขึ้นโดยคณะกรรมการบริหารของเวียงจันทน์และคณะกรรมการเฉพาะกิจว่าด้วยการส่งเสริมการผลิตและการบริโภคสินค้าในประเทศ ในงานมีธุรกิจท้องถิ่นกว่า 300 แห่งแสดงสินค้าทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยงมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นใช้และบริโภคผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น รวมถึงผู้ผลิตและเกษตรกรในท้องถิ่นยังได้ขยายตลาดและมีการโปรโมตสินค้าของพวกเขาสู่สาธารณะอีกด้วยในท้ายที่สุดจะช่วยลดปริมาณสินค้านำเข้าได้ ซึ่งปัจจุบันงานดังกล่าวยังจัดขึ้นเฉพาะเวียงจันทร์เท่านั้นแต่ในอนาคตจะมีการจัดงานแสดงสินค้าในหลายๆแขวงเพื่อกระตุ้นการบริโภค รวมถึงส่งเสริมและเพิ่มโอกาสแก่เกษตรกรและผู้ผลิตทั้งประเทศ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/fair-boosts-market-opportunities-vientiane-farmers-producers-109501

สปป.ลาวและสาธารณรัฐเกาหลีลงนามในบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ

สปป.ลาวและสาธารณรัฐเกาหลี  ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ ซึ่งข้อมูล MOU เกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเรือทรัพย์สินทางปัญญา ความร่วมมือทางวิชาการและอาชีพ มีการลงนามในโอกาสการประชุมทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีสปป.ลาวและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี  จัดขึ้นในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ในระหว่างการประชุมทวิภาคีทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับมิตรภาพและทบทวนความร่วมมือในอดีตโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการตามผลการเยือนสปป.ลาว ในการหารือทวิภาคีทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่นการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สุขภาพ การลงทุน การท่องเที่ยวและการสนับสนุนการส่งเสริม SMEs และธุรกิจที่เกิดใหม่

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos262.php

การประชุมด้านการท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะจัดขึ้นในกรุงพนมเปญ

MICE Biz Fair 2020 จะเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าในกรุงพนมเปญ ซึ่ง MICE หมายถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมบริษัทข้ามชาติ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ โดย The Tourism และ MICE Biz Fair 2020 จัดโดย B2B Park Mall และได้รับการรับรองจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของผู้ให้บริการในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้พวกเขาได้พบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมมารวมกันเพื่อระดมสมองเกี่ยวกับอุตสาหกรรม โดยงานจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ถึง 3 มีนาคมที่ B2B Park Mall บนถนนฮานอยของกรุงพนมเปญ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่นเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการระหว่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50666348/global-tourism-conferences-to-be-held-in-phnom-penh-in-february/