เปิดตัวโครงการที่ร่วมกับกองทุนความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง ครั้งที่ 6

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีพิธีเปิดตัวโครงการที่จะดำเนินการโดยกองทุนพิเศษ ของความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง ครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน ในเมืองเนปิดอว์ นาย U Min Naung รัฐมนตรีสหภาพเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน กล่าวว่าการบรรเทาความยากจนและการพัฒนาชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวชนบทในภูมิภาคล้านช้าง-แม่โขงมีความสำคัญ และด้วยการสนับสนุนของกองทุนพิเศษ โครงการต่างๆ ที่จะดำเนินไป โดยกระทรวงจะดำเนินการในสาขาที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้สำเร็จ ภายในงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงความคืบหน้ากิจการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการกองทุนพิเศษเมื่อปี 2564 และ 2565 หลังพิธี รัฐมนตรีสหภาพและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รองเลขาธิการสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และแขกรับเชิญ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่ดำเนินการร่วมกับกองทุนพิเศษความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง โดยกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทานได้รับอนุญาตให้ดำเนินโครงการ 35 โครงการ ด้วยเงินทุนรวมกว่า 12.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกองทุนพิเศษความร่วมมือแม่น้ำโขง-ล้านช้าง อย่างไรก็ดี โครงการที่จะดำเนินการร่วมกับกองทุนปี 2566 ได้แก่ ภาคเกษตรกรรมและภาคสุขภาพ โดยหวังว่าจะลดความยากจนของชาวชนบท

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/projects-launched-with-6th-lancang-mekong-cooperation-fund/

ค่าเงินจ๊าดในตลาดซื้อขายที่ไม่เป็นทางการอ่อนค่าลงอยู่ที่ 3,400 จ๊าดเทียบกับดอลลาร์

ในตลาดซื้อขายที่ไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 จ๊าตอ่อนค่าลงทำให้อัตราแลกเปลี่ยนขยับตัวอยู่ในช่วง 3,400–3,425 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จาก K3,230 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน แม้ว่าธนาคารกลางเมียนมาร์ (CBM) กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงไว้ที่ 2,100 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเมียนมาร์ ได้กำหนดกรอบการซื้อขายสกุลเงินตราต่างประเทศไว้ที่ร้อยละ 0.3 เพื่อดูแลความผันผวนระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการทำธุรกรรมการซื้อ-ขาย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 โดยกำหนดให้สถาบันการเงินรวมถึงธนาคารและการแลกเปลี่ยนเงินนอกระบบควบคุมอัตราและเปลี่ยนการซื้ออยู่ที่ 2,094 จ๊าดต่อดอลลาร์ และ 2,106 จ๊าดต่อดอลลาร์ สำหรับการขาย ทั้งนี้ แม้จะมีช่องว่างราคาที่ค่อนข้างมากระหว่างอัตราอ้างอิงของ CBM และอัตราตลาดอย่างไม่เป็นทางการ แต่ธนาคารกลางเมียนมาร์ ก็ไม่สามารถกำหนดราคาใหม่ได้ตามประกาศที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม 2023 นอกจากนี้ ภายใต้มาตรา 9 ของกฎหมายการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เฉพาะนิติบุคคลที่ถือใบอนุญาตตัวแทนจำหน่ายเงินตราต่างประเทศเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเช็คเดินทาง ผู้ที่ถือเงินตราต่างประเทศโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายตามประกาศของ CBM ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 ตามประกาศ 7/2557 ลงวันที่ 30 กันยายน 2557

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/kyat-weakens-to-k3400-against-greenback-in-grey-market/

นักวิเคราะห์ มองศก.อาเซียนปี 67 กระเตื้องขึ้นแต่ยังน่าเป็นห่วง ประเมินจีดีพีไทยปีหน้าโต 3.8%

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่านักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่ง เปิดเผยว่าเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ในปี 2567 ยังคงอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง แม้จะมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น หลังเผชิญกับภาคการส่งออกที่ซบเซา อันเนื่องมาจากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ด้านนักวิเคราะห์จากบีเอ็มไอ ระบุว่า ประเมินเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ไว้ดีเกินไป และได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ ลงจากการขยายตัวที่ 2.8% สู่ 2.5%”  และคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวที่ 3.8%

ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=LzlLeHJMeTltQm89

‘เวียดนาม’ ส่งออกผักและผลไม้สูงเป็นประวัติการณ์

สมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) เปิดเผยว่าภาคเกษตรกรรมประสบความสำเร็จจากยอดการส่งออกผักและผลไม้ที่ทำรายได้สูงถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดจีนและการกระจายตลาดของภาคเกษตรเวียดนาม

ทั้งนี้ ทุเรียนกลายมาเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 40% ของมูลค่าการส่งออกรวม ในขณะที่ผลไม้อื่นๆ เช่น ขนุน แตงโม ส้มโอและลำไย ทำรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก อยู่ที่ราว 50% – 200%

โดยจากข้อมูลของภาคเกษตรกรรม แสดงให้เห็นว่าภาคผักและผลไม้แซงหน้าการส่งออกสินค้าเกษตรแบบดั้งเดิม เช่น ข้าว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กาแฟ และมันสำปะหลัง ซึ่งความสำเร็จของการส่งออกสินค้าเกษตรเวียดนาม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยกระดับในเรื่องคุณภาพของสินค้า และการขยายตลาด

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/fruit-veggie-exports-soar-to-all-time-high/

‘กระแสอีคอมเมิร์ซ’ ดันยอดนักช้อปออนไลน์เวียดนาม

สำนักข่าววีเอ็นเอ็กซ์เพรส (VnExpress) ได้อ้างคำกล่าวของคุณ Tran Van Trong เลขาธิการของสมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม ว่าจากตัวเลขการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดอีคอมเมิร์ซที่เป็นผลมาจากจำนวนนักช้อปออนไลน์เพิ่มมากชึ้น ทั้งในแง่การพัฒนาทักษะการซื้อของออนไลน์และมูลค่าการซื้อ ในขณะที่นาย Dang Anh Dung รองประธานเจ้าหน้าที่บริการของลาซาด้า เวียดนาม กล่าวว่าประชากรเวียดนามที่ซื้อสินค้าออนไลน์ มีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 57 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง ได้แก่ ฮานอย โฮจิมินห์และดานัง เป็นต้น

นอกจากนี้ ‘อีคอมเมิร์ซ’ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลเวียดนาม และคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 22% มูลค่า 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

ที่มา : https://english.news.cn/20231123/3426c6078e824b6ea290936c3007e8c7/c.html

กัมพูชาเร่งพัฒนาถนนแห่งชาติหมายเลข 5 อำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง

กัมพูชาเร่งพัฒนาทางหลวงสายสำคัญ 2 สาย ถือเป็นส่วนขยายของถนนแห่งชาติหมายเลข 5 ซึ่งเชื่อมไปยังกรุงพนมเปญและพระตะบอง โดยคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง การขนส่งสินค้า รวมถึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเชื่อมต่อในระดับภูมิภาค ซึ่งถนนเส้นดังกล่าวมีความยาวอยู่ที่ 366 กิโลเมตร ภายใต้เงินกู้สัมปทานจำนวน 691 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลญี่ปุ่น ผ่านหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่เชื่อมเมืองหลวงจากพื้นที่เปรกดำไปยังจังหวัดบันเตียเมียนเจยที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ขณะที่หลังจากทางการกัมพูชาได้เปิดให้บริการถนนแห่งชาติหมายเลข 5 อย่างเป็นทางการ โดยรัฐบาลกัมพูชาพร้อมที่จะดำเนินการส่งเสริมการลงทุนตามแนวถนนให้มากขึ้น เพื่อผลักดันให้จังหวัดต่างๆ เกิดการพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาของภาคประชาชน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501396473/national-road-5-to-facilitate-goods-transport-and-enhance-connectivity/

ธนาคารโลกมอบเงินทุนสนับสนุนในการจัดหาน้ำและสุขาภิบาลในกัมพูชา

ธนาคารโลก (World Bank: WB) อนุมัติงบประมาณมูลค่า 163 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการการจัดหาน้ำประปาสะอาดและคุณภาพทางด้านสุขาภิบาล ใน 4 จังหวัดสำคัญของกัมพูชาอย่างจังหวัด พระตะบอง โพธิสัตว์ มณฑลคีรี และกันดาล ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่มากกว่า 175,000 คน แม้ปัจจุบันหลายพื้นที่ในกัมพูชามีการเข้าถึงแหล่งน้ำเพื่อการบริโภคและสุขาภิบาลที่ดีขึ้น แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประเทศ และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) 6 ของสหประชาชาติ (UN) ภายในปี 2030 โดยรัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการน้ำเสียและกากตะกอน ดังนั้น การสนับสนุนการลงทุนในระบบสุขาภิบาลภายใต้โครงการดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับความยั่งยืนทางด้านสุขอนามัยของคนในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501396471/wb-approves-163m-for-safe-water-supply-and-sanitation-in-cambodia/

เศรษฐกิจ สปป.ลาว ขยายตัว ภายใต้ภาวะหนี้ท่วมท้น กับครึ่งทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ

เมื่อ สปป.ลาว มาถึงจุดกึ่งกลางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี (NSEDP) ครอบคลุมปี 2564-2568 ได้รับการออกแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับมติของรัฐสภา และพัฒนายุทธศาสตร์แห่งชาติด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมปี 2559-2568 และวิสัยทัศน์ปี 2573 ของ สปป.ลาว จากการรายงานเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารแห่งประเทศลาว ปี 2565 ก็ได้เน้นย้ำถึงภาคส่วนต่างๆ ที่ฟื้นตัวได้ดี โดยอุตสาหกรรมการเกษตร มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึงร้อยละ 3.4 การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกและการส่งออกโคไปยังจีนและประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผลผลิตโค 2,425,000 ตัว รายงานเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารแห่งประเทศลาวประจำปี 2565 ก็ได้เน้นย้ำถึงภาคส่วนต่างๆ ที่ฟื้นตัวได้ดี โดยอุตสาหกรรมการเกษตรมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึงร้อยละ 3.4 การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกและการส่งออกโคไปยังจีนและประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผลผลิตโค 2,425,000 ตัว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีโสเนเซย์ สีพันโดน กล่าวปราศรัยในการประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งที่ 6 เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการให้บริการหนี้ โดยเฉพาะหนี้ต่างประเทศ PM Sonexay ยังกล่าวพาดพิงถึงการขายหุ้นในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงิน ตรงกันข้ามกับภาคอุตสาหกรรมและบริการ ภาคการเงินของลาวเผชิญกับความท้าทายด้านเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จนถึงปี 2568 ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึงร้อยละ 41.26 แต่ความพยายามล่าสุดของธนาคารแห่งลาว (BOL) มีเป้าหมายที่จะนำเหลือตัวเลขหลักเดียวภายในสิ้นปี 2567

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/23/booming-sectors-looming-debts-laos-nears-halfway-point-of-socio-economic-development-plan/