สมาคมต่างๆ ในกัมพูชา พร้อมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับภาคแรงงาน

สมาคมต่างๆ ในภาคการผลิตสินค้ากลุ่มรองเท้าและสินค้าเพื่อการเดินทาง ต่างยินดีกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับภาคแรงงานในปี 2024 โดยเชื่อว่าจะช่วยให้มาตรฐานการครองชีพของภาคแรงงานปรับตัวดีขึ้น ด้านสมาคมผู้ผลิตรองเท้ากัมพูชา ได้กล่าวเสริมว่าการเจรจาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำได้ดำเนินการทางเทคนิคแล้ว โดยอิงตามเกณฑ์ทางสังคมและเศรษฐกิจ ตามมาตรฐานสากลที่กำหนดโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ซึ่งสนับสนุนในการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 204 ดอลลาร์ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจาก 200 ดอลลาร์ต่อเดือน ภายในปีหน้า และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้กำหนด เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ให้กับภาคแรงงาน และเสริมสร้างการดึงดูดการลงทุนต่อไป ซึ่งการปรับขึ้นค่าแรงสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน สำหรับอุตสาหกรรมการตัดเย็บเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากของกัมพูชา โดยปัจจุบันกัมพูชามีโรงงานกลุ่มดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 1,332 แห่ง มีการจ้างงานประมาณกว่า 840,000 คน ด้านตัวเลขการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5.2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี คิดเป็นกว่าร้อยละ 52 ของการส่งออกทั้งหมด ที่มูลค่า 10.09 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501369455/associations-welcome-minimum-wage-hike/

‘รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่น’ เตรียมเยือน 4 ชาติอาเซียน รวมไทย เริ่ม 8 ต.ค.นี้

แหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (30 ก.ย.) ว่า โยโกะ คามิกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นกำลังวางแผนที่จะเดินทางเยือนบรูไน เวียดนาม ลาว และไทยตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.นี้ ในขณะที่ญี่ปุ่นเตรียมจัดการประชุมสุดยอดกับผู้นำอาเซียนในปลายปีนี้ เมื่อพิจารณาถึงความอหังการของจีนที่เพิ่มมากขึ้นในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกนั้น คามิกาวะได้รับการคาดหวังให้ยืนยันกับรมว.ต่างประเทศของ 4 ชาติอาเซียนถึงความสำคัญของการรับรองความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม และการตระหนักถึงภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า บรรดาผู้นำจากญี่ปุ่นและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีกำหนดพบปะกันในวันที่ 16-18 ธ.ค.ปีนี้ที่กรุงโตเกียว เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2023/339138

CPI เวียดนาม เดือน ก.ย. พุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี

สำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากค่าเล่าเรียนที่เพิ่มขึ้น ราคาข้าวที่สูงขึ้น ค่าก๊าซและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมาจากราคาตั๋วเครื่องบินพุ่ง 71.56% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-cpi-in-sept-rises-to-five-year-high/

‘ศก.เวียดนาม’ เติบโตเด่นสุดในอาเซียน ปี 2566

คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2566 มีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากภาคการส่งออกที่กลับมาฟื้นตัวและการผ่อนคลายนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายการคลัง และมองว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสามารถควบคุมได้ มีอัตราต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4.5% ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ กล่าวชื่นชมหน่วยงานของรัฐบาลเวียดนามในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงยังคงสูงขึ้นและจำเป็นที่จะต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงการส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการด้านกรอบการดำเนินการทางการคลังและงบประมาณของรัฐ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnamese-economy-likely-to-lead-asean-s-growth-this-year-2195780.html

‘เมียนมา’ เผยราคายางพาราร่วงหนัก 1,600 จ๊าตต่อปอนด์

ราคายางพาราในตลาดรัฐมอญ ปรับตัวลดลง 1,600 จ๊าตต่อปอนด์ ในขณะที่ธุรกิจยางพาราของเมียนมาหยุดชะงักในช่วงระยะหนึ่ง และกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งในเดือน ก.ย. ราคาเปิดของยางแผ่นรมควัน (Local 3) อยู่ที่ 1,770 จ๊าตต่อปอนด์ และราคายางพาราตากแห้ง 1,750 จ๊าตต่อปอนด์ โดยสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงราคายางพาราของเมียนมาขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอุปสงค์ยางพาราโลก ผลผลิตของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอุปทานของตลาด ทั้งนี้ การผลิตยางพาราของเมียนมา พบว่ากำลังการผลิตยางพาราอยู่ที่ประมาณ 3 แสนตันต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ราว 70% ผลิตเพื่อส่งออกไปยังจีน นอกจากนี้ยังส่งออกไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rubber-price-dips-to-approximately-k1600-per-pound/#article-title

สถานการณ์การท่องเที่ยวในหลวงพระบางขยายตัวต่อเนื่อง

หลวงพระบาง แหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 779,811 คน สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 121.49 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 427,738 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยนับเป็นนักท่องเที่ยวชาว สปป.ลาว คิดเป็น 177,596 คน ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด รายงานโดย Soudaphone Khomthavong ผู้อำนวยการฝ่ายสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว หลวงพระบาง ซึ่งจังหวัดหลวงพระบางถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย นอกจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นแล้ว ยังมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เสื้อผ้าแบบดั้งเดิม อาหาร และวิถีชีวิตท้องถิ่น ที่เป็นที่สนใจของผู้คนที่มาเยือนจังหวัด สำหรับปี 2023 จังหวัดคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 1 ล้านคนภายในสิ้นปี และเพิ่มขึ้นไปเกือบ 3 ล้านคน ภายในปี 2024

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/09/29/luang-prabang-tourism-booms-in-2023-welcomes-over-779000-visitors-in-first-9-months/

EIU มองภายในปี 2024 เศรษฐกิจกัมพูชาเติบโตต่อเนื่อง

หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ: Economist Intelligence Unit (EIU) คาดการณ์ว่ากัมพูชาจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจมีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก ภายในช่วงปี 2024 โดยคาดว่าบรูไน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จะมีการเติบโตในระดับสูงภายในช่วงเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับ เอธิโอเปีย ยูกันดา และแทนซาเนีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดเกิดใหม่ กล่าวโดย Tom Rafferty หัวหน้าฝ่ายพยากรณ์และเศรษฐศาสตร์ระดับโลกของ EIU สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 ในปีหน้า ซึ่งสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะประสบกับการชะลอตัวแต่ยังไม่ถึงขั้นถดถอย ในขณะเดียวกัน ภาวะเงินฝืดในญี่ปุ่นคาดว่าจะสิ้นสุดในปีหน้า และเศรษฐกิจของจีนถูกมองว่าอยู่ในสถานะอ่อนแอ แต่ยังคงมีเสถียรภาพ ด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ในเอเชียคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการส่งออก อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และการลงทุนในห่วงโซ่อุปทานที่ปรับตัวดีขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501368936/eiu-sees-cambodia-as-one-of-the-worlds-fastest-growing-economies-in-2024/

การค้าทวิภาคี “กัมพูชา-ไทย” แตะ 2.58 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี

สำหรับในช่วงเดือน มกราคม-สิงหาคม ของปีนี้ การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2,585 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 19.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังไทยที่มูลค่า 646 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ในขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากไทยลดลงกว่าร้อยละ 25.8 เหลือมูลค่า 1,938 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังไทย ได้แก่ สิ่งทอ สินค้าเกษตร อัญมณี วัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป ด้านสินค้านำเข้าจากไทยส่วนใหญ่ ได้แก่ เป็นปลา เนื้อสัตว์ ผัก รถยนต์ ปุ๋ยอินทรีย์ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501368622/cambodia-thailand-bilateral-trade-tops-2-58-billion-in-first-eight-months/