เมียนมาร์-ไทย ตัดสินใจยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

ตามรายงานของสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) เมื่อวันที่ 17 มกราคม เมียนมา และไทยได้จัดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจทวิภาคีไทย-เมียนมาเพื่อส่งเสริมการค้าและความสัมพันธ์ นายมงคล วิศิษฏ์สตัมภ์เอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมา พร้อมคณะเข้าพบหารือกับประธาน UMFCCI นายอู เอ วิน และเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์ โดยในระหว่างการประชุม การอภิปรายมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างเมียนมาและไทย การเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมการค้า การปรับปรุงมาตรการการค้าชายแดน การขยายธุรกิจและการลงทุน รับรองกระบวนการส่งออกและนำเข้าให้มีความราบรื่น (รวมถึงอาหาร ของใช้ส่วนตัว นม และผลิตภัณฑ์นม) ส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวและยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 7 มกราคม กระทรวงการค้าได้ออกแถลงการณ์อนุญาตให้นักธุรกิจเปลี่ยนค่ายการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าในกระบวนการส่งออกและนำเข้าของเขตการค้าเมียวดี ผู้ประกอบการส่งออกได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุมัติเพื่อส่งไปยังตลาดต่างประเทศผ่านค่ายการค้าชายแดนตามแนวชายแดนเมียนมาร์-ไทย ถ้าไม่เช่นนั้นก็สามารถเลือกเส้นทางการค้าทางทะเลได้ นอกจากนี้ ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา การค้าเมียนมา-ไทย มีมูลค่าทะลุ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ หากเทียบกันในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2022-2023 มูลค่าการค้าสูงถึง 3.951 พันล้านดอลลาร์ ดังนั้นมูลค่าการค้าในปีการเงินปัจจุบันจึงลดลง 385.353 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-thailand-decide-to-enhance-economic-cooperation/

2023 กัมพูชาส่งออกยางไปยังตลาดต่างประเทศมูลค่า 490.6 ล้านดอลลาร์

General Directorate of Rubber (GDR) รายงานการส่งออกยางแห้งของกัมพูชาไปยังตลาดต่างประเทศปริมาณกว่า 368,048 ตัน ในปี 2023 ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.3 จากปริมาณ 372,903 ตันในปีก่อนหน้า โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้ารายสำคัญของกัมพูชาที่มูลค่า 490.6 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 7 จากมูลค่า 527.6 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน ซึ่งส่งออกไปยังยังมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน เป็นหลัก ขณะที่การเพาะปลูกต้นยางพาราในกัมพูชามีพื้นที่ทั้งหมด 407,172 เฮกตาร์ และพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว 320,184 เฮกตาร์ โดยรายงานระบุเสริมว่าการส่งออกยางที่ลดลงเป็นผลเนื่องมาจากความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการมีอยู่ของโรงงานผลิตยางรถยนต์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501425159/cambodia-exports-rubber-worth-490-6-million-in-2023/

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรปลดลง 9.3% ในปี 2023

การส่งออกของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรป (EU) ในปี 2023 มีมูลค่า 3.66 พันล้านดอลลาร์ ลดลงมากกว่าร้อยละ 9 จากมูลค่า 4.04 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 ตามการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ (MoC) โดยคิดเป็นมูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชา-สหภาพยุโรปมูลค่า 4.61 พันล้านดอลลาร์ ลดลงเกือบร้อยละ 5 จากมูลค่า 4.85 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากสหภาพยุโรปมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 949 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี จากมูลค่า 811 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 ส่งผลทำให้กัมพูชาเกินดุลการค้ากับสหภาพยุโรป แต่เกินดุลในสัดส่วนที่ลดลงเหลือ 2.71 พันล้านดอลลาร์ จาก 3.23 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกัน สำหรับสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปอัน ได้แก่ สิ่งทอ รองเท้า จักรยาน อาหาร และผลิตภัณฑ์ผัก (ข้าว) ไปยังสหภาพยุโรปเป็นหลัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501424860/cambodias-exports-to-eu-down-9-3-in-2023/

กัมพูชาส่งออกจักรยานไปยังตลาดโลกมูลค่า 417 ล้านดอลลาร์ ในปี 2023

กัมพูชาส่งออกจักรยานไปยังตลาดโลกมูลค่า 416.7 ล้านดอลลาร์ ในปี 2023 ลดลงกว่าร้อยละ 53.6 จากมูลค่า 899.7 ล้านดอลลาร์ ในปีก่อนหน้า โดยกัมพูชาส่งออกจักรยานไปยังสหภาพยุโรป สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) กล่าวโดย Penn Sovicheat รัฐมนตรีต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ขณะที่การลดลงเกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจักรยานถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักของกัมพูชาในการส่งออก รองจากเสื้อผ้า สิ่งทอ รองเท้า และสินค้าสำหรับการเดินทาง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501424449/cambodia-exports-bicycles-worth-nearly-417-mln-last-year/

ปริมาณการค้าระหว่าง กัมพูชา-ฝรั่งเศส แตะ 515 ล้านดอลลาร์

ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและฝรั่งเศสสูงถึง 515.21 ล้านดอลลาร์ ส่งผลทำให้ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและสหภาพยุโรป (EU) อยู่ที่ 4.6 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วงปี 2023 กล่าวโดยนายก ฮุน มาเนต ในระหว่างการเป็นประธานในการประชุม ‘French-Cambodian Business Forum’ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) โดยทั้งสองประเทศมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งเชื่อมโยงกันในหลายด้านทั้งสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม อาหาร ภาษา ระบบการบริหาร กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับในสังคมกัมพูชา โดยกัมพูชาตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการมีอยู่ของข้อตกลงการค้าเสรีทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย หากเข้ามาลงทุนหรือทำการค้ากับกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501424116/cambodia-france-trade-volume-reaches-515m/

เมียนมาแห่ปลูกยางแสนไร่ ราคาต่ำกว่าไทย จับตา “ยางเถื่อน” ทะลัก

นายเพิก เลิศวังพง ประธานคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ได้ลงพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.ระนอง ระหว่างวันที่ 22-23 มกราคม 2567 นี้ โดยเบื้องต้นจะมีสำรวจพื้นที่สวนยางในจังหวัดระนอง ซึ่งพื้นที่เพียงประมาณ 1,000 ไร่ และติดตามปัญหาความเสี่ยงในการนำเข้ายางเถื่อน

ทั้งนี้ บริเวณชายแดนประเทศเมียนมามีการปลูกสร้างสวนยางประมาณ 1 แสนไร่ และราคายางในประเทศเมียนมามีราคาต่ำกว่าประเทศไทยเฉลี่ย 5-10 บาท/กิโลกรัม ขณะนี้ราคายางไทยทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ 63 บาท ประกอบกับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ รวมถึงความไม่มีเสถียรภาพของราคายางในประเทศเมียนมา โดยในปี 2566 ที่ผ่านมามีการจับกุม 62 คดี มีปริมาณของกลาง 110 ตัน โดยเป็นยางแผ่นดิบ 80 ตัน และยางก้อนถ้วน 2 ตัน

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1482320

‘เวียดนาม’ เกินดุลการค้ากับสหภาพยุโรป 34.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

มูลค่าการค้าระหว่างเวียดนาม-สหภาพยุโรปในปีที่แล้ว อยู่ที่ 72.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.3% ส่งผลให้เกินดุลการค้าราว 34.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายที่หดตัวลงมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมถึงมาตรการรัดเข็มขัดในสหภาพยุโรปจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่คงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รายงานว่าในปี 2567 เผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างมากที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและการนำเข้าส่งออกของเวียดนาม โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลักที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ของเวียดนาม

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-enjoys-us343-billion-trade-surplus-with-eu-post1072454.vov

‘ฮโยซอง’ บริษัทชั้นนำเกาหลีใต้ เล็งลงทุนเวียดนาม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ฮโยซอง กรุ๊ป (Hyosung Group) กลุ่มบริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้วางแผนที่จะอัดฉีดเพิ่มเงินลงทุนในเวียดนาม ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ขณะที่ภาคธุรกิจของเกาหลีใต้หลายแห่งมองเห็นถึงศักยภาพและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนของเวียดนาม โดยบริษัทให้ความสำคัญกับจุดแข็งของเวียดนาม ทั้งด้านความเป็นภาวะผู้นำของรัฐบาล การส่งเสริมที่แข็งแกร่งของหน่วยงานท้องถิ่น จรรยาบรรณในการทำงานและความทุ่มเทของแรงงานชาวเวียดนาม

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/s-koreas-hyosung-plans-to-invest-us2-billion-more-in-vietnam/

สปป.ลาว ติดอันดับหนึ่ง ‘จุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในโลกสำหรับชาวออสซี่’

สื่อของออสเตรเลีย news.com.au ยกให้ลาวเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับชาวออสเตรเลียที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณ เนื่องจาก สปป.ลาว เป็นประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลกตอนนี้ แอนโธนี โบลโซเนลโล นักข่าวท่องเที่ยวอิสระที่ได้เดินทางไปแล้ว 107 ประเทศ และเป็นหนึ่งใน 16 ชาวออสเตรเลียใน Travelers’ Century Club ได้กล่าวว่า “ในความคิดของฉัน ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าที่สุดในโลกที่มอบประสบการณ์ที่หลากหลายโดยไม่เสียเงินในกระเป๋า โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ชีวิตในออสเตรเลีย” องค์กรสื่อที่ News Corp Australia กล่าวถึงเมืองหลัก 3 เมือง ได้แก่ เวียงจันทน์ หลวงพระบาง และวังเวียง โดยกล่าวว่าเมืองเหล่านี้ล้วนสามารถเดินได้สะดวกมาก “ลาวมีความโดดเด่นในฐานะเมืองที่เป็นมิตรกับงบเดินทางท่องเที่ยว โดยเราสามารถอยู่อาศัยและทำงานได้อย่างสะดวกสบายโดยมีรายได้น้อยกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ที่พักในหลวงพระบางและวังเวียงมีราคาอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_13_Laosnamed_y24.php

สปป.ลาว ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจด้วยกระบวนการอนุมัติที่คล่องตัว

เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยมากขึ้น รัฐบาล สปป.ลาว ได้อนุมัติกฎระเบียบใหม่ที่กำหนดให้ลดเวลาการลงทะเบียนสำหรับธุรกิจใหม่จาก 10 วัน เหลือ 3 วัน โดยกฎระเบียบใหม่นี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ เพื่อปรับปรุงกระบวนการจดทะเบียนธุรกิจและส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ภายใน 45 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ แพลตฟอร์มดิจิทัลนี้คาดว่าจะปฏิวัติกระบวนการลงทะเบียน ทำให้ผู้ประกอบการมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น แม้ว่าผู้สมัครจะยังมีทางเลือกในการลงทะเบียนด้วยตนเอง แต่ตัวเลือกออนไลน์มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งกระบวนการและเพิ่มความสะดวก

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/01/17/laos-enhances-business-infrastructure-with-streamlined-approval-process/