‘เวียดนาม-กัมพูชา’ เปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code

นางเหงียน ทิ ห่ง (Nguyen Thi Hong) ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศเวียดนาม และนางเจีย สะเร็ย (Chea Serey) ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศกัมพูชา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. โดยเป้าหมายในครั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการชำระเงิน มีความปลอดภัยและมั่งคง รวมถึงส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประชาชนชาวกัมพูชาและเวียดนาม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวและพ่อค้าแม่ค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-cambodia-launch-crossborder-qr-payment-link/272312.vnp

โครงการลงทุน 3 โครงการ ได้รับการอนุมัติ สร้างงาน 744 ตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม

ในการประชุมที่จัดขึ้นที่สำนักงานของรัฐบาลสหภาพในกรุงเนปิดอว์ คณะกรรมการการลงทุนเมียนมาร์ได้อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 3 โครงการ ที่จะมาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา คิดเป็นมูลค่า 0.180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมากกว่า 300 พันล้านจ๊าด ซึ่งจะสร้างโอกาสในการทำงานในท้องถิ่น 744 ตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในวันที่ 1 ธันวาคม อย่างไรก็ดี จากต้นปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2566 ใน 52 ประเทศและภูมิภาคที่ลงทุนในเมียนมาร์ ประเทศนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด ได้แก่ สิงคโปร์ จีน และไทย ตามลำดับ ทั้งนี้ ในบรรดาธุรกิจ 12 ประเภทในเมียนมาร์ ร้อยละ 28.49 ของการลงทุนทั้งหมดไหลเข้าสู่ภาคพลังงาน ร้อยละ 24.44 ลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติคิดเป็น และร้อยละ 14.39 เป็นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ตามลำดับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/three-invested-businesses-approved-to-generate-744-jobs-in-industrial-agricultural-sectors/

กัมพูชาเริ่มดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแห่งใหม่

โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำตาไตทางตอนบนของจังหวัดเกาะกง ขนาดกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ คืบหน้าไปแล้วร้อยละ 31.5 โดยคาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 4 ปี และจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 527 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปีเมื่อดำเนินการเต็มรูปแบบ ขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และ Wang Wentian เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา ได้เป็นประธานในพิธีปิดแม่น้ำเพื่อการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าพลังน้ำในเฟสถัดไป ซึ่งใกล้กับเขื่อนในเขต Thmar Baing สำหรับโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเป็นสัญญาสิทธิ์ในการก่อสร้าง บริหาร และโอนกรรมสิทธิ์ (BOT) เป็นเวลา 39 ปี โดยได้รับการลงทุนจากบริษัท China National Heavy Machinery Corporation (CHMC) และจะขายกระแสไฟฟ้าให้กับองค์การไฟฟ้ากัมพูชาตลอดอายุสัญญา ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะมีผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อเศรษฐกิจกัมพูชา และจะช่วยลดการพึ่งพิงการนำเข้ากระแสไฟฟ้า รวมถึงเป็นการเพิ่มเสถียรภาพทางด้านพลังงานให้กับกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501400180/work-on-new-hydropower-plant-in-cambodia-goes-smoothly/

สนามบินแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญก่อสร้างแล้วเสร็จ 55%

โครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญเสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 55 และคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2023 ตามกำหนดการที่สำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนกัมพูชา (SSCA) ได้กำหนดไว้ กล่าวโดย Sinn Chansereyvutha รองเลขาธิการ ซึ่งในเฟสแรกของการก่อสร้างสนามบินดังกล่าวใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านดอลลาร์ โดยหากสนามบินแห่งใหม่เริ่มดำเนินการ จะทดแทนสนามบินนานาชาติพนมเปญแห่งเก่าที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน สำหรับสนามบินนานาชาติของกัมพูชารองรับผู้โดยสารทางอากาศรวม 4.11 ล้านคน ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมของปี 2023 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 144 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด 41,596 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 93 ในช่วงเวลาเดียวกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501399940/new-phnom-penh-airport-55-completed/

‘ภูมิธรรม’ มอบนโยบาย ‘กรมเจรจาฯ’ ลุยเปิด FTA กับตลาดใหม่ หนุนเกษตรกร SMEs เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ตรวจเยี่ยมและประชุมมอบนโยบายกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะที่ปรึกษา และคณะทำงาน โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อขยายโอกาสให้สินค้าและบริการของไทย รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยเฉพาะสาขาเป้าหมายที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศ จึงได้สั่งการให้กรมมุ่งการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ๆ และจัดทำแผนการเจรจา FTA ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้จัดลำดับความสำคัญและเร่งด่วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและด้านยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยอยู่ระหว่างการเจรจา FTA กับคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหภาพยุโรป (อียู) ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรมากกว่า 447 ล้านคน สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และเป็นนักลงทุนในระดับโลก และเกาหลีใต้ ที่จะเตรียมเปิดเจรจาเพิ่มเติมในปี 2567 ซึ่งจะช่วยสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีความเข้มแข็งในการผลักดัน Soft Power ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

ที่มา : https://www.dtn.go.th/th/content/category/detail/id/22/iid/12547

‘เวียดนาม’ เผย 11 เดือนปี 66 ทำรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) เปิดเผยว่าในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. เวียดนามมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งสิ้น 628.3 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 25.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เวียดนามได้วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวในขั้นแรกอยู่ที่ 8 ล้านคนในปี 2566 แต่เมื่อประเมินตัวเลขดังกล่าว พบว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 8.9 ล้านคนแล้ว ซึ่งคิดเป็น 111% ของแผนเป้าหมาย ดังนั้น กระทรวงฯ จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลให้เพิ่มเป้าหมายในปีนี้ มาอยู่ที่ 12.5-13 ล้านคน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-earns-almost-26-billion-usd-from-tourists-in-11-months-2221885.html

‘S&P Global’ เผยดัชนี PMI ของเวียดนามลดลงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ‘S&P Global’ เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนาม เดือน พ.ค. ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน สู่ระดับ 47.3 จากระดับ 49.6 ในเดือน ต.ค. โดยสาเหตุที่ภาคการผลิตเวียดนามปรับตัวลดลง เนื่องมาจากผู้ผลิตเวียดนามเผชิญกับคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงในเดือน พ.ค. รวมถึงอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลงและสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันธุรกิจเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทำให้ธุรกิจต่างๆ ปรับขึ้นราคาสินค้าเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยเหตุนี้ ภาคธุรกิจจึงจำเป็นที่จะต้องลดขนาดการผลิต การจ้างงาน การจัดซื้อ ตลอดจนจำกัดปริมาณสินค้าคงคลัง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-pmi-drops-to-lowest-level-in-five-months-sp-global-post1062915.vov

เมียนมาร์มีรายได้จากการส่งออกยางพารา 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 7 เดือน

เมียนมาร์ส่งออกยางมากกว่า 94,435 ตันไปยังต่างประเทศ ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน ในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 116.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ โดยการผลิตยางพาราของเมียนมาร์ต่อปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 ตันในปีงบประมาณนี้ ณ ปัจจุบัน ราคาทั่วไปของยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 1,640 จ๊าดต่อปอนด์ และยางตากแห้งอยู่ที่ 1,620 จ๊าดต่อปอนด์ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อราคายางในรัฐมอญ ซึ่งเป็นรัฐผลิตยางที่สำคัญในเมียนมาร์ มาจากความต้องการยางทั่วโลก การผลิตยางในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาด อย่างไรก็ดี ยางร้อยละเจ็ดสิบที่ผลิตในเมียนมาร์ส่งไปยังประเทศจีน นอกจากนี้ยังจัดส่งไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-bags-us116-mln-from-rubber-exports-in-7-months/