กัมพูชาขยายความสัมพันธ์ทางการค้าท่ามกลางการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ

กัมพูชากำลังเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศคู่ค้า ในขณะที่ต้องเผชิญกับมาตรการภาษีตอบแทนใหม่จากสหรัฐอเมริกา โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการปราศรัยของ นายกฯ ฮุน มาแณต ต่อที่ประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 เม.ย.) ซึ่งมีผู้นำจากสหภาพแรงงานในภาคเศรษฐกิจนอกระบบและสมาคมเจ้าหน้าที่วิชาการถึง 5,000 คนเข้าร่วม เนื่องในโอกาสครบรอบ 139 ปี วันแรงงานสากล (1 พ.ค.) โดยนายกฯ ได้เน้นย้ำถึงความพยายามของกัมพูชาในการกระจายความร่วมมือทางการค้า นอกจากนี้ ยังระบุว่าได้หารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือทางการค้ากับนายกรัฐมนตรีไทยระหว่างการเยือนกัมพูชาเมื่อเร็วๆ นี้ และมีแผนที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าต่อไป ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กำลังจะมาถึง เพื่อดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติม แม้สหรัฐฯ จะมีนโยบายในการปรับขึ้นภาษีกับกว่า 200 ประเทศ ซึ่งต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้นโยบาย “ภาษีศุลกากรตอบโต้” โดยปัจจุบันถูกระงับไว้ 90 วัน ภายใต้นโยบายนี้ สินค้าจากกัมพูชาจะถูกเก็บภาษีสูงสุดถึงร้อยละ 49 เมื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501675690/cambodia-expands-trade-ties-amid-u-s-reciprocal-tariffs/

เวียดนามเริ่มต้นเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ พร้อมดีลซื้อเครื่องบิน

นายเหงียน ฮ่อง เดียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าเวียดนาม หารือกับนายเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ว่าเวียดนามพร้อมที่จะแก้ไขข้อกังวลทางด้านการค้า โดยจะยึดตามผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ซึ่งการพูดคุยในครั้งนี้ นับเป็นการพูดคุยที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดจนถึงขณะนี้ ทั้งนี้ ปีที่แล้ว เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและเม็กซิโก โดยเวียดนามให้คำมั่นว่าจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเครื่องบิน โดยเฉพาะมีแนวโน้มที่จะซื้อเครื่องบินรบ F-16 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้า เพื่อลดช่องว่างทางการค้า 123.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งเสนอที่จะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ทั้งหมด

นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เนื่องจากข้อกังวลสำคัญของสหรัฐฯ ที่มาจากสินค้าจีนที่ถูกส่งผ่านเวียดนาม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร

ที่มา : https://www.businesstimes.com.sg/international/asean/vietnam-kicks-trade-talks-us-plane-deal-takes-shape

‘เวียดนาม – เกาหลีใต้’ ให้คำมั่นเสริมสร้างความสัมพันธ์ ท่ามกลางสหรัฐฯ เล็งขึ้นภาษี

เกาหลีใต้และเวียดนาม ตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ภายหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งจากเหตุการณ์ข้างต้น นับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของเวียดนาม ระบุว่าทั้งสองประเทศ ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคี อยู่ที่ 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 ทั้งนี้ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้ดำเนินธุรกิจในเวียดนามมาหลายปี เนื่องจากต้นทุนการผลิตในจีนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองและการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ดี การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ นายโชแทยูล รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้เข้าพบกับนายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เพื่อหารือแนวทางการรับมือต่อมาตรการภาษีศุลกากรที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้

ที่มา : https://www.thedailystar.net/business/news/south-korea-vietnam-pledge-cooperation-us-tariffs-loom-3872301

เวียดนามเรียกร้องให้สถานะ ‘เศรษฐกิจแบบตลาด’

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนาม และนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

โดยทางรัฐมนตรีต่างประเทศของเวียดนาม กล่าวในที่ประชุมว่าเวียดนามเรียกร้องให้สหรัฐฯ กำหนดสถานะเวียดนามว่าเป็น ‘เศรษฐกิจแบบตลาด’ ในขณะที่ว่าหุ้นส่วนชาวอเมริกัรพูดถึงเวียดนามว่ามีความเข้มแข็ง อิสระ ยืดหยุ่นและเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะมีความสัมพันธ์ดำเนินไปได้ด้วยดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเวียดนามเสนอศักยภาพของอุตสาหสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากสหรัฐฯ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ แร่ธาตุที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และปัญญาประดิษฐ์ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยยกระดับของเวียดนามในตำแหน่งห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกและเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ อีกด้วย

นอกจากนี้ การลาออกของนายโว วัน เทืองที่ละเมิดและข้อบกพร่องของพรรค ไม่มีผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจ

ที่มา : https://borneobulletin.com.bn/vietnam-appeals-for-market-economy-status/

‘สี จิ้นผิง’ เยือนเวียดนาม หลังสหรัฐฯกระชับความสัมพันธ์

สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาเยือนเวียดนามในวันที่ 12 ธ.ค. หลังจากผ่านไป 3 เดือนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เดินทางมากรุงฮานอย ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ของผู้นำจีน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ดี การเยือนของจีนในครั้งนี้ได้ถูกเลื่อนออกไปอีก เนื่องจากมีการหารือที่ยืดเยื้อถึงการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี

นอกจากนี้ มีสัญญาณของการยกระดับความสัมพันธ์ขยับขึ้นไปสู่ระดับที่จีนมองว่าอยู่เหนือความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เวียดนาม

ที่มา : https://www.straitstimes.com/asia/chinas-xi-visits-vietnam-after-biden-seeks-to-boost-ties

ผู้ประกอบการกัมพูชาคาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

สมาคมนักลงทุนนวัตกรรมและการพัฒนา (IDI) กล่าวว่า ผู้ประกอบการและผู้ผลิตชาวกัมพูชาคาดว่าจะเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารแปรรูปไปยังตลาดสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น หลังผู้ประกอบการกว่า 90 ราย ได้ไปเยือนยังสหรัฐฯ เพื่อสำรวจโอกาสในการหาพันธมิตร เรียนรู้การปฏิบัติตามกฎหมายและขั้นตอนการส่งออก ตลอดจนทำความเข้าใจด้านโอกาสและความท้าทายในการส่งออกผลิตภัณฑ์ของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ โดยการเยือนครั้งนี้จัดขึ้นโดย Innovations and Development Investors Association (IDI) ภายใต้ความร่วมมือกับหอการค้ากัมพูชาในแคลิฟอร์เนีย (AmCham) และผู้ประกอบการกัมพูชา สำหรับตลาดสหรัฐฯ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา คิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาที่มูลค่า 6.8 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วง 9 เดือนแรก ลดลงร้อยละ 2.1 จาก 7 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตทั่วไป (GDCE)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501398041/cambodia-entrepreneurs-foresee-rise-in-exports-of-agri-food-products-to-us/

‘นายกฯ เวียดนาม’ ชวนบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ ลงทุนในเวียดนามมากขึ้น

นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกาในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 19 ก.ย. กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 78 โดยมีนายมาร์ค แนปเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม และจอห์น นิวฟ์เฟอร์ ประธานและซีอีโอของสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ (SIA) เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ นักธุรกิจสหรัฐฯ ยกย่องศักยภาพของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในเวียดนาม ซึ่งมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง รวมถึงมีการส่งเสริมศักยภาพของธุรกิจในประเทศและสถาบันฝึกอบรม อีกทั้ง นายกฯ เวียดนาม เชิญชวนให้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การออกแบบ การผลิต การฝึกอบรมกำลังคนและสถาบันวิจัย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pm-calls-on-us-semiconductor-firms-to-invest-more-in-vietnam/268253.vnp

‘นายกฯ’ เรียกร้องให้ธุรกิจสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในเวียดนาม

นางเซิ่ง เถา (Sheng Thao) นายกเทศมนตรีเมืองโอ๊คแลนด์ และคณะผู้แทนของรัฐแคลิฟอร์เนีย เข้าร่วมหารือกับนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ระหว่างการเยือนเวียดนาม โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเวียดนามและเมืองโอ๊คแลนด์ รวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าและความร่วมมือทางทะเลระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน รัฐแคลิฟอร์เนียถือเป็นหุ้นส่วนท้องถิ่นรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีผู้ประกอบการกว่า 100 รายที่มีโครงการลงทุนในประเทศ พร้อมกับธุรกิจเวียดนามราว 70 รายที่ได้ก่อตั้งกิจการในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง นายกฯ เวียดนาม เสนอให้นายกเทศมนตรีเซิ่ง เถา และเจ้าหน้าที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย พยายามพัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนามต่อไป โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้าและความสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/pm-calls-for-u-s-businesses-to-invest-in-vietnam/

“สหรัฐฯ” คว่ำบาตรกระทรวงกลาโหมและธนาคารเมียนมา

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่ากองทัพเมียนมาได้อาศัยทรัพยากรจากต่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานของรัสเซียหลังได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร จึงหันไปซื้อและนำเข้าอาวุธ ชิ้นส่วนและยุทธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อทำการผลิตอาวุธและสนับสนุนการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมของกองทัพเมียนมา โดยคาดว่าการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ มีมูลค่าอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2564 ทั้งนี้ ธนาคารการค้าต่างประเทศของเมียนมา (MFTB) และธนาคารการลงทุนและการพาณิชย์เมียนมา (MICB) โดนคว่ำบาตรเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี โฆษกกองทัพของเมียนมาไม่ได้กังวลต่อการคว่ำบาตรครั้งใหม่ และมองว่าไม่เป็นปัญหาหากมีธนาคารของรัฐเมียนมาก่อตั้งใหม่

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/us-places-sanctions-on-myanmars-defence-ministry-banks/

สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกสำคัญของกัมพูชา

สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) โดยรายงานของ GDCE ระบุว่าการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 3.19 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 14.3 จากมูลค่า 3.73 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 34.8 ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาที่มีมูลค่ารวม 9.18 พันล้านดอลลาร์ สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าสำหรับการเดินทาง แม้ว่าปัจจุบันกัมพูชาจะไม่ได้สิทธิพิเศษของโครงการ GSP จากสหรัฐแล้วก็ตาม โดยในปี 2023 ทางการกัมพูชาคาดว่าสถานการณ์การส่งออกอาจต้องเผชิญกับความยากลำบาก เนื่องจากคำสั่งซื้อโดยภาพรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ มีมูลค่ารวม 6.92 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปี 2021

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501307389/us-remains-cambodias-largest-export-market/