สปป.ลาวสำรวจทางด่วนสายใหม่เชื่อมไทย-จีน

นักสำรวจกำลังออกแบบเส้นทางสำหรับทางด่วนสายใหม่ในประเทศลาว ซึ่งจะลดเวลาการเดินทางระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยที่เชื่อมต่อกับห้วยไซ ในแขวงบ่อแก้วของสปป.ลาวและโบเต็น ในแขวงหลวงน้ำทาที่มีพรมแดนติดกับจีน ทางด่วนได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลลาวในปี 2563 โดยมีมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ทางหลวงความยาว 180 กิโลเมตรจะช่วยให้ยานพาหนะสามารถเดินทางได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และการขับรถจากไทยไปยังจีนผ่านลาวจะใช้เวลาน้อยลงนำมาซึ่งประโยชน์ด้านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/business/2143227/laos-surveys-new-expressway-linking-thailand-china

ครม.อนุมัติทางด่วนบ่อแก้ว-บ่อเต็นเชื่อมจีน-ไทย

รัฐบาลอนุมัติการก่อสร้างทางด่วนระหว่างแขวงบ่อแก้วและแขวงบ่อเต็น ซึ่งจะเชื่อมโยงจีนและไทยและสปป.ลาว ทางพิเศษบ่อแก้ว-บ่อเต็น ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงโยธาธิการและคมนาคม โดยจะวิ่งจากบ่อเต็นที่ชายแดนลาว-จีนในแขวงหลวงน้ำทาและต่อไปยังชายแดนลาว-ไทยในเขตห้วยทราย แขวงบ่อแก้วการก่อสร้างทางด่วนระยะทาง 176.3 กม. คาดว่าจะมีมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยให้ยานพาหนะสามารถเดินทางได้ 80 กม. ต่อชั่วโมง และลดเวลาการเดินทางระหว่างบ่อเต็นและห้วยทรายให้เหลือเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โครงการนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการเปลี่ยนลาวจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นทางเชื่อมทางบกภายในภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt127.php

บทบาท จีน ใน CLMV หลังโควิด…อิทธิพลทางเศรษฐกิจยังคงเข้มข้น

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

บทบาททางเศรษฐกิจของจีนในกลุ่มประเทศ CLMV ในช่วงที่ผ่านมา นับว่าโดดเด่นมาก โดยเฉพาะด้านการค้า   ซึ่งเป็นผลจากยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่จีนพยายามเข้ามาสร้างอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านความเชื่อมโยงทางกายภาพ (Physical connectivity) และความเชื่อมโยงทางสถาบัน (Institutional connectivity) ซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นมูลค่าการค้าระหว่างกลุ่มประเทศ CLMV กับจีนให้เร่งตัวขึ้น อิทธิพลของความเชื่อมโยงทางกายภาพ ที่แน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างจีนกับ CLMV เ​กิดจากยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (BRI)   อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รวมถึงการลงทุนก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งใหม่  ซึ่งมีส่วนดึงดูด FDI จีนให้มาตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมในพื้นที่ รวมถึงอุตสาหกรรมบริการที่ตอบสนองความเป็นเมือง  ในขณะที่อิทธิพลของความเชื่อมโยงทางสถาบัน อาทิ การผ่อนคลายกฎระเบียบที่เอื้อประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศ ก็มีส่วนช่วยให้กิจกรรมการค้าระหว่างกลุ่มประเทศ CLMV กับจีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ อันมีจุดเริ่มต้นจากสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ  ยังถูกท้าทายด้วยความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลกซึ่งเกิดจากปัจจัยที่ไม่อาจคาดเดา  อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด19 ซึ่งอาจส่งผลให้จีนรวมถึงบริษัทต่างชาติในจีนหันมาให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านในฐานะห่วงโซ่อุปทานแห่งใหม่ เพื่อลดและกระจายความเสี่ยงด้านปฏิบัติการจากการที่ฐานการผลิตกระจุกตัวอยู่ในจีน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยคานอิทธิพลทางอ้อมในด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของจีนจะมากขึ้นหรือน้อยลงหลังโควิด ยังคงขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ของจีนและท่าทีของกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีต่อจีนภายใต้ความขัดแย้งของสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างสหรัฐฯ และจีน  โดยคาดว่ากลุ่ม CLMV น่าจะอยู่ในฐานะแหล่งการผลิตสินค้าทางการเกษตร รวมถึงอาหาร ซึ่งตอบโจทย์ความมั่นคงทางด้านอาหารของจีน 

นอกจากนี้ CLMV ยังมีแนวโน้มได้รับการกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นในทิศทางที่เร่งตัวขึ้น โดยเวียดนามยังคงมีศักยภาพในการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเข้มข้นอย่างอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แต่อาจพยายามปรับสมดุล FDI ให้รองรับนักลงทุนสัญชาติอื่นที่มีศักยภาพสูงมากกว่าดึงดูด FDI จากจีนเป็นหลัก

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/China-CLMV-01-07-21.aspx

เยอรมนีมอบเงินเพิ่มเติม 5.5 ล้านยูโรสำหรับการพัฒนาชนบทให้สปป.ลาว

รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจะยังคงสนับสนุนรัฐบาลสปป.ลาวในการปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชนบทในแขวงหัวพันด้วยเงินรวม 5.5 ล้านยูโร (มากกว่า 62 พันล้านกีบ) ภายใต้โครงการพัฒนาชนบทระยะที่ 3 (RDP III) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาระหว่างรัฐบาลระหว่างสปป.ลาวและเยอรมนีเมื่อปีที่แล้ว ประชากรสปป.ลาวมากกว่าหนึ่งในสามอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท และชุมชนในชนบทเหล่านี้ประสบกับอัตราความยากจนที่สูงเนื่องจากการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานอย่างจำกัด ตั้งแต่ปี 1994 รัฐบาลเยอรมันให้คำมั่นที่จะสนับสนุนลาวในด้านการพัฒนาชนบท ภายใต้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลาว-เยอรมัน เกือบ 100 ล้านยูโรได้ถูกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานผ่าน KfW การสนับสนุนเบื้องต้นมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานจากขั้นตอนก่อนหน้าของโครงการ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Germany126.php

กระทรวงเกษตรและป่าเร่งกระตุ้นส่งออกโคไปจีน

กระทรวงเกษตรและป่าไม้ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโค ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอกชนผลิตโคเพื่อส่งออกไปยังจีนมากขึ้น กรมวิชาการเกษตรและป่าไม้ทั่วประเทศได้รับคำสั่งให้เปิดตัวแคมเปญประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งให้เกษตรกรและผู้ผลิตทราบเกี่ยวกับการเปิดตลาดโคของจีนอย่างเป็นทางการ ภายใต้ข้อตกลงที่ลงนามระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ สปป.ลาวได้รับโควตาจำนวน 500,000 ตัวเพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน ทั้งนี้การเลี้ยงโคของสปป.ลาวต้องเป็นตามมาตรฐานของทางจีนกำหนด เป็นความท้าทายที่สำคัญของสปป.ลาวในการปรับปรุงพัฒนาการเลี้ยงโคให้มีประสิทธิภาพรวมถึงการพัฒนาระบบเกษตรโดยรวม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry_125.php

เวียดนาม สปป.ลาว ลงนามสัญญาความร่วมมือ

เวียดนามและสปป.ลาวได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สนธิสัญญาดังกล่าวได้รับการลงนามหลังจากการประชุมระหว่างเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคปฏิวัติประชาชนลาว (LPRP) และเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู่จ่อง ในบรรดาข้อตกลงที่ลงนาม ได้แก่ ข้อตกลงเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ความร่วมมือเวียดนาม-ลาวสำหรับปี 2564-2573 และความร่วมมือทวิภาคีในปี 2564-2568 มีการลงนามข้อตกลงหลายประการในด้านการลงทุน ธุรกิจ ข้อมูล วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2021-06/28/c_1310032347.htm

‘สัมพันธ์เวียดนาม-สปป.ลาว’ ส่งผลการค้าเฟื่องฟู

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เผยว่าการค้าเทวีภาคีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2559-2563 ได้บรรลุเป้าหมายมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อปี 2563 กิจกรรมการค้าเกิดอุปสรรค เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด อย่างไรก็ดี ก็สามารถกลับมาฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2564 ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม ยอดการค้าระหว่างเวียดนามกับสปป.ลาว อยู่ที่ 570.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ การค้าระหว่างเวียดนามกับสปป.ลาว ยังได้รับประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี ทำให้อัตราภาษีศุลากากรอยู่ที่ 0% ด้วยเหคุนี้ ทางกระทรวงจึงแนะนำให้ผู้ประกอบการเวียดนามเข้ามาลงทุนในสปป.ลาว เพื่อยกระดับการส่งสินค้าและบริการไปยังตลาดนี้ โดยเวียดนามถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 3 ในสปป.ลาว และส่วนใหญ่จะลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงาน การธนาคารและอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-laos-enjoy-flourishing-trade-ties/203731.vnp