คาดการณ์เศรษฐกิจเมียนมาปี 64 หดตัว (-)0.5% ถึง (-)2.5% หลังกองทัพเมียนมายึดอำนาจรัฐบาล ส่งผลให้การค้าชายแดนไทย-เมียนมาหดตัวอีกเป็นปีที่ 5

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมากับประเทศกับมหาอำนาจชาติตะวันตกที่มีพลวัตรที่ดีขึ้นเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจเมียนมาให้เติบโตได้ในระดับสูงตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยการลงทุนจากต่างประเทศเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดการส่งออก และเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจเมียนมาจากสังคมเกษตร เข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งก่อให้เกิดการจ้างงานและยกระดับกำลังซื้อของภาคประชาชนอย่างมหาศาล ดังนั้น การเข้ายึดอำนาจรัฐบาลของกองทัพเมียนมาในครั้งนี้ ย่อมก่อให้เกิดความชะงักงันในความสัมพันธ์กับมหาอำนาจชาติตะวันตก และอาจนำไปสู่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

ในด้านการค้า นับตั้งแต่เมียนมาได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหภาพยุโรป การส่งออกของเมียนมาไปสหภาพยุโรปก็เติบโตมากกว่า 10 เท่าในช่วงเวลาเพียง 6 ปี ส่วนการส่งออกของเมียนมาไปสหรัฐ ฯ ก็เติบโตขึ้น 5 เท่าภายใน 3 ปี จะเห็นได้ว่าสิทธิพิเศษทางการค้าทำให้การส่งออกของเมียนมาไปยังสหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ในด้านการลงทุน การเข้ายึดอำนาจของกองทัพเมียนมาไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย หลังจากกองทัพของเมียนมาเข้ายึดอำนาจรัฐบาล เหตุการณ์นี้ได้ทำเกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเสี่ยงที่จะถูกถอดถอนสิทธิประโยชน์ทางการค้าจากทั้งสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะชะลอหรือยุติการลงทุนในเมียนมา และทำให้เม็ดเงินลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มหดตัวลงในระยะยาว

ในด้านภาพรวมทางเศรษฐกิจเมียนมา การเข้ายึดอำนาจของกองทัพเมียนมาจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ตลอดจน ฐานะทางการเงินของภาครัฐ รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อการควบคุมการระบาดของโควิด เช่น ทำให้เกิดความล่าช้าในการแจกจ่ายวัคซีน ประกอบกับความเสี่ยงในการสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้าระหว่างเมียนมา กับ EU และสหรัฐ ฯ ที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลเป็นวงกว้าง ครอบคลุมถึงการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม ที่มีการจ้างงานกว่า 1 ล้านตำแหน่งในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และตัดเย็บเสื้อผ้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมียนมาจะอยู่ในกรอบ (-)0.5% ถึง (-)2.5% ในปี 2564

สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย จะเกิดขึ้นผ่านทาง 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ การค้าชายแดน และ การเคลื่อนย้ายแรงงานเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย โดยการเข้ายึดอำนาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย ซึ่งอาจทำให้มีมาตรการตรวจสอบคนหรือสินค้าข้ามพรมแดนที่เข้มงวดขึ้นจากเดิม สุดท้ายนี้ อุปสรรคในการเคลื่อนย้ายแรงงานเมียนมาข้ามพรมแดนอาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายในภาคธุรกิจต่าง ๆ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Myanmar-z3186.aspx

เวิลด์แบงก์เตือนรัฐประหารเมียนมากระทบพัฒนาประเทศ

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา หลังจากกองทัพได้ก่อรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจรัฐบาล โดยเวิลด์แบงก์เตือนว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในเมียนมามีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย และจะสร้างความเสียหายต่อแนวโน้มการพัฒนาประเทศ มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนในเมียนมา ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ของเวิลด์แบงก์และบรรดาพันธมิตร เราได้รับผลกระทบจากการถูกปิดช่องทางการสื่อสารทั้งภายในเมียนมาและกับต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจรัฐบาลเมื่อวานนี้ พร้อมกับควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและผู้นำคนอื่นๆ และได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 ปี โดยกองทัพได้มอบอำนาจการปกครองให้กับนายพลมิน อ่อง หล่าย ขณะที่สัญญาว่าจะจัดการจัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังจากนั้น นอกจากนี้ เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเมียนมา จะลดลงเพียง 0.5% ในปีงบประมาณ 2562/2563 จากระดับ 0.68% ของปีงบประมาณก่อนหน้า อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจเมียนมาอาจหดตัวรุนแรงถึง 2.5% หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงยืดเยื้อ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/920433

โรงงาน Suzuki ในย่างกุ้ง ยังเดินสายการผลิตตามปกติ

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Suzuki ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Thilawa ยังเปิดดำเนินการตามปกติแม้จะมีข่าวลือแพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดียในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 64 ว่าจะปิดตัวลงท่ามกลางความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ แต่ตัวแทนจากคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ Thilawa (SEZ) ได้ออกมาสยบข่าวลือดังกล่าว กระนั้นการผลิตได้หยุดชะงักในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากขาดการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแต่ได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ยังยืนยันด้วยว่า บริษัท โตโยต้า กำลังจะมีพิธีเปิดดำเนินการในเดือนนี้ คณะกรรมการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่านักลงทุนใน Thilawa SEZ ไม่มีแผนที่ถอนการลงทุนอย่างแน่นอน โดยบริษัท ซูซูกิ ได้ลงทุนราว 800 – 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเมียนมาและคาดว่าการผลิตแบบ CKD (Completely Knocked-Down) จะเริ่มขึ้นเมื่อโรงงานแห่งใหม่เสร็จสมบูรณ์ในปี 66

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/business-usual-suzuki-facility-yangon.html

การเมืองเมียนมายังน่าห่วง ผู้ค้าข้าวใน Bayintnaung หยุดการซื้อขายชั่วคราว

ผู้ค้าส่งข้าวศูนย์ค้าระงับการซื้อขายส่งพร้อมทั้งจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมาอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร นาย U Than Oo เลขานุการของ Bayintnaung Wholesales Center กล่าวว่าการสื่อสารรวมถึงรถบรรทุกถูกตัดขาดจึงต้องหยุดการค้าขายไว้ก่อน ส่วนที่ถูกส่งขายไปแล้วจำเป็นต้องลดราคา 500 จัตต่อถุงเพื่อระบายสินค้า ขณะนี้ผู้ค้ากำลังเฝ้าสังเกตสถานการณ์และรอคำชึ้แจงเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 64 พบว่ายอดขายสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตรวมไปถึงตลาดในย่างกุ้งเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้คนกักตุนอาหารและสิ่งจำเป็นในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนี้

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/bayintnaung-rice-wholesalers-halts-trade-observe-situation.html

ไซต์งานก่อสร้างในย่างกุ้งหยุดกระทันหัน หวั่นกระทบแรงงานจำนวนมาก

อุตสาหกรรมการก่อสร้างของย่างกุ้งหยุดชะงักตามปัญหาการเชื่อมต่อและการขนส่ง สมาคมผู้ประกอบการการก่อสร้างแห่งเมียนมาเผยไซต์ก่อสร้างในเขตย่างกุ้งได้ระงับชั่วคราวและกำลังรอการพัฒนาเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการดำเนินการต่อไป ปัจจุบันไม่มีการเชื่อมต่อ (โทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต) และประชาชนไม่สามารถถอนเงินที่ธนาคารได้คนงานยังไม่สามารถเดินทางไปที่ทำงานได้เนื่องจากไม่มีรถประจำทางกระทบต่อคนทั้งประเทศ โดยมีแรงงานในอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ได้รับค่าจ้างรายวัน คนงานเหล่านี้มักจะถอนเงินสดทุกวันที่ธนาคารหลังเลิกงาน ทั้งนี้ผู้เที่เกี่ยวข้องยังไม่มีแผนที่ประชุมหรือเจรจาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/yangon-construction-sites-cease-operations.html

อนาคตเศรษฐกิจเมียนมา ความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้ง

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) เผยสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและนักลงทุนต้องรอดูว่าจะคลี่คลายอย่างไรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศและเกิดการประท้วงเกิดขึ้นในต่างประเทศ จากสถานการณ์ปัจจุบันนักลงทุนอาจตัดสินใจถอนการลงทุนออกจากเมียนมา หากมองแนวโน้มของสถานการณ์คาดจะมีการปราบปรามโดยกองทัพมากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดความไม่สงบและความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สหรัฐฯ ยืนยันสนับสนุนสถาบันประชาธิปไตยของเมียนมาและเรียกร้องให้กองทัพยึดมั่นในประชาธิปไตยและปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวซึ่งรวมถึงนางอองซานซูจี เนื่องจากเอเชียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกทั้งหมดของเมียนมารโดยมีตลาดหลักคือจีนและไทยการส่งออกทั้งหมดไปภูมิภาคนี้จะลดผลกระทบของการคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกได้ บริษัทวิจัยได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของ GDP เหลือ 2% สำหรับปีงบประมาณ 63-64 และปีงบประมาณ 64-65 จากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้คือ 5.6% และ 6% แนวโน้มการเติบโตของประเทศขึ้นอยู่กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งอาจล่าช้าหรือยกเลิกได้ทั้งหมดหากมีการใช้มาตรการคว่ำบาตร

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/umfcci-vice-chair-says-impacts-economy-uncertain.html