กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรในช่วง 5 เดือนแรกรวมกว่า 4.1 ล้านตัน

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรประมาณกว่า 4.1 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 1.1 ล้านตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กล่าวโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง ซึ่งเป็นการส่งออกข้าวเปลือกมากที่สุดจำนวน 1.6 ล้านตัน มันสำปะหลัง 1.2 ล้านตัน เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 800,000 ตันและข้าวโพด 134,000 ตัน ส่วนสินค้าส่งออกอื่น ๆ ได้แก่ ถั่ว 11,000 ตัน กล้วย 197,588 ตัน ส้มโอ 21,118 ตัน มะม่วง 152,090 ตัน น้ำมันปาล์ม 19,916 ตัน พริกไทย 6,800 ตัน พริก 56,500 ตัน และแยมมะม่วง 10,500 ตัน โดยตลาดหลักสำคัญสำหรับสินค้าเกษตรของกัมพูชา ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป ประเทศในกลุ่มอาเซียน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ อีกมากมาย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50862233/4-1-million-tonnes-of-agricultural-products-exported-in-first-five-months/

กัมพูชารายงานความคืบหน้าโครงการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในพนมเปญ

ทางการกล่าวว่าการก่อสร้างสนามบินพนมเปญแห่งใหม่ที่มีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 40 ในเดือนพฤษภาคม ภายใต้การดำเนินการตามแผนที่วางไว้แม้จะกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยสนามบินตั้งอยู่ในจังหวัดกันดาลคาบเกี่ยวกับจังหวัดตาแก้วบนพื้นที่กว่า 2,600 เฮกตาร์ มีกำหนดจะเริ่มเปิดดำเนินการในปี 2023 ซึ่งเมื่อสนามบินแห่งใหม่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดกันดาลเนื่องจากสนามบินแห่งนี้ถือเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะรองรับผู้โดยสารที่เดินทางมายังกัมพูชาได้มากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50861152/new-phnom-penh-international-airport-construction-now-40-percent-complete/

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชาขยายโครงการปรับโครงสร้างหนี้ถึงสิ้นปี

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ออกมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบทางด้านการเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการคงปริมาณเงินทุนสำรองของสถาบันการเงินภายใรประเทศไว้ที่ร้อยละ 7 เพื่อเป็นการรองรับกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตและทำการขยายการปรับโครงสร้างหนี้ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ล็อกดาวน์สามารถทำการขอรีไฟแนนซ์ได้ถึง 3 ครั้งในช่วงระยะเวลาผ่อนผันนี้ตามประกาศของ NBC ทั้งยังสนับสนุนให้สถาบันการเงินพิจารณาลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมเป็นรายกรณีตามความเหมาะสม โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชา (CMA) รายงานว่าภายในเดือนเมษายนมียอดเงินกู้รวมสูงถึงประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ที่ขอทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในสถาบันทางการเงินที่เป็นสมาชิก CMA

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50861450/nbc-extends-loan-restructures-to-end-of-year/

ทิศทาง CLMV หลัง COVID-19

โดย BRD Analysis I ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

ประเด็นสำคัญ

  • เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นที่สุดใน CLMV ขณะที่รัฐประหารทำให้เศรษฐกิจเมียนมาซึ่งเคยขยายตัวสูงกลับถดถอยและกลายเป็นประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่ำที่สุดในกลุ่ม
  • นโยบายภาครัฐของกัมพูชาเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้โรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายการลงทุนในระยะข้างหน้า พร้อมกับผลักดันอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทดแทนเสื้อผ้าสำเร็จรูป
  • การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ใน สปป.ลาว ต้องอาศัยนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังน้ำยังคงเป็นเป้าหมายหลัก ขณะที่การลงทุนภาคการผลิตมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากโครงการรถไฟจีน – สปป.ลาว
  • ความขัดแย้งในเมียนมาทำให้ธุรกิจต่างชาติต้องเน้นประคองธุรกิจ และการลงทุนใหม่มีแนวโน้มชะลอตัวรุนแรง

————————————————————————————————————————————————————

ทิศทางเศรษฐกิจของ CLMV

กัมพูชา :เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้จำกัดในระยะสั้น แม้ภาคส่งออกจะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ขณะที่การลงทุน โดยเฉพาะจากจีน มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ภาคท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศยังคงต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวอีก 1-2 ปี

สปป.ลาว : การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจขึ้นกับปัจจัยสนับสนุนภายนอก เนื่องจากภาครัฐประสบปัญหาหนี้สาธารณะในระดับสูง ทำให้ไม่มีเครื่องมือที่ใช้ สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องลดการใช้จ่ายภาครัฐลง จึงต้องหวังพึ่งการลงทุนจากต่างประเทศเป็นหลัก

เมียนมา : ยากต่อการคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจ เนื่องจากรัฐประหารเปลี่ยนทิศทางของประเทศไปโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวกว่า 4% ตั้งแต่ ปี 2566 จากความคาดหวังว่าความวุ่นวายในประเทศจะคลี่คลายลงได้

เวียดนาม : มีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นที่สุดใน CLMVโดยรัฐบาลตั้งเป้าเศรษฐกิจขยายตัว 6.5-7.0% ระหว่างปี 2564-2568 และจะเป็นประเทศที่มีรายได้ ปานกลางค่อนข้างสูงภายในปี 2573

————————————————————————————————————————————————————

ทิศทางธุรกิจและอุตสาหกรรม

กัมพูชา : การดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่นอกเหนือจากเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยมีอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้

ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ : การลงทุนมีแนวโน้มขยายตัว โดยการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของกัมพูชา (สัดส่วนราว 5% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด) ในปี 2563 ขยายตัวราว 220% เนื่องจากความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของโลกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะดึงดูดการลงทุนเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า

โรงไฟฟ้า : การลงทุนมีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากกัมพูชายังมี Supply ของไฟฟ้าไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ โดยโรงไฟฟ้าที่มีศักยภาพการลงทุน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

สปป.ลาว : การลงทุนใหม่ต้องอาศัยนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ทั้งนี้ สปป.ลาว ยังคาดหวังกับการลงทุน ดังนี้

ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำ : ยังคงเป็นธุรกิจเป้าหมายของรัฐบาล สปป.ลาว แต่โครงการใหม่ในระยะข้างหน้าต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด เนื่องจากรัฐบาลเผชิญข้อจำกัดทางการเงิน

ภาคการผลิตที่ได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยง สปป.ลาว กับประเทศเพื่อนบ้าน : โครงการรถไฟจีน – สปป.ลาว ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2564 จะดึงดูดการลงทุนในภาคการผลิตของ สปป.ลาว ได้ในอนาคต

เมียนมา : ธุรกิจต่างชาติในเมียนมาเน้นประคองธุรกิจ ขณะที่การลงทุนใหม่มีแนวโน้มชะลอตัวรุนแรง

ภาคการผลิต : การผลิตเพื่อส่งออก (เสื้อผ้าสำเร็จรูป) หยุดชะงัก เนื่องจากผู้นำเข้า โดยเฉพาะชาติตะวันตก หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมกับเมียนมา จนผู้ประกอบการต่างชาติบางส่วนอาจถอนการลงทุน ขณะที่การผลิตที่เน้นตลาดในประเทศ เผชิญกับความต้องการที่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจเมียนมา

โรงไฟฟ้า : นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน และเป็นโอกาสที่จีนจะมีบทบาทในเมียนมามากขึ้น

เวียดนาม : หลายอุตสาหกรรมในเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสการลงทุนของไทย อาทิ

อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป : เนื่องจากความต้องการอาหารที่มีความปลอดภัยและถูกสุขอนามัยเพิ่มขึ้น ประกอบกับรัฐบาลให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าและยกระดับการผลิตสินค้าเกษตร

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ : มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามการขยายตัวของภาคการผลิตในเวียดนาม ซึ่งรวมถึงบรรจุภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม

โรงไฟฟ้า : ยังเติบโตจากความต้องการใช้ ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.6% และ 7.2% ในช่วงปี 2564-2568 และ 2569-2573 ตามล าดับ ซึ่งเวียดนามจะลดการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและเพิ่มพลังงานหมุนเวียน

https://kmc.exim.go.th/detail/hot-issues/20210512113428ที่มา :

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาเริ่มมองหาการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวทองคอนกล่าวว่ากระทรวงการท่องเที่ยวกำลังวางแผนสำหรับการฟื้นฟูการท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยจะเริ่มประเมินสถานภาพของภาคบริการด้านการท่องเที่ยวในทุกจุดหมายปลายทาง ร่วมกับการสร้างมาตรฐานการให้บริการการท่องเที่ยวภายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรวดเร็ว เพื่อรับรองความปลอดภัยและคุณภาพของแต่ละจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งกระทรวงจะทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนตามกำหนดให้สามารถเดินทางมายังกัมพูชาได้ในฐานะนักท่องเที่ยว ร่วมถึงต้องเร่งทำการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานภาคบริการและประชาชนภายในประเทศให้ได้ครอบคลุมที่สุดเพื่อเป็นการจำกัดการแพร่ระบาดและถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50860035/tourism-ministry-eyes-return-of-intl-tourists/

รัฐบาลกัมพูชาวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19

รัฐบาลกัมพูชาวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสิ้นสุดวิกฤตโควิด-19 ที่คาดว่าจะทุเลาลงในช่วงปี 2021-2023 ในการประชุมนานาชาติครั้งที่ 26 ว่าด้วยอนาคตของเอเชียภายใต้หัวข้อ “การจัดการยุคใหม่หลังวิกฤตโควิด: บทบาทของเอเชียภายใต้การเปลี่ยนแปลงโลก” ซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวว่ารัฐบาลกัมพูชามุ่งมั่นที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการปฏิรูปเชิงลึกที่มุ่งสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมที่เข้มแข็งและยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยรัฐบาลได้เตรียมและวางแผนที่จะเปิดตัวแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 สำหรับปี 2021-2023 เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจกลับมาใกล้เคียงกับศักยภาพการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้นนอกจากนี้รัฐบาลยังว่างแผนพัฒนาโดยนำมาตรการปฏิรูปที่สำคัญในด้านโครงสร้างการลงทุนและธุรกิจ ไปจนถึงการส่งเสริมและพัฒนาดิจิทัลในภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความยืดหยุ่นโดยการเสริมสร้างความพร้อมและการตอบสนองในอนาคต โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบการคุ้มครองสุขภาพและสังคมที่เข้มแข็ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50859901/reform-at-heart-of-govt-plans-for-economic-recovery/

บริษัทน้ำมันในกัมพูชากำหนดส่งมอบน้ำมันดิบครั้งแรกในเดือนนี้

Kris Energy บริษัทจากทางสิงคโปร์ที่ดำเนินการขุดเจาะน้ำมันในกัมพูชา วางแผนจัดส่งน้ำมันดิบไปยังตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกในเดือนนี้ ปริมาณมากถึง 300,000 บาร์เรล ตามข้อมูลของอำนวยการใหญ่ด้านปิโตรเลียมของกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน โดยเกือบ 5 เดือนหลังจากการขุดเจาะน้ำมันดิบครั้งแรกออกจากพื้นที่อัปสราแปลง A ในน่านน้ำกัมพูชาในอ่าวไทย ซึ่งบ่อน้ำมันทั้ง 5 แห่งในบล็อก A เขตอัปสราได้เริ่มทำการสูบน้ำมันอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 2,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งยังต่ำกว่าปริมาณที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 7,500 บาร์เรลต่อวัน ที่คาดการณ์ไว้โดย Kris Energy ซึ่งหลังจากไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้บริษัทจึงได้นำที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม Netherland, Sewell & Associates Inc (NSAI) มาประเมินสถานการณ์ในระยะถัดไปใหม่ถึงปริมาณน้ำมันดิบที่คาดว่าจะผลิตได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50859589/first-crude-oil-shipment-due-this-month

CMA กล่าวถึงปริมาณการขอปรับโครงสร้างสินเชื่อเพิ่มขึ้นในกัมพูชา

จำนวนบัญชีผู้ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้สินในกลุ่มของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของสมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชา (CMA) มีมูลค่ารวมถึงประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ณ เดือนเมษายน ตามข้อมูลของ CMA โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2021 มีการขอรีไฟแนนซ์มากกว่า 35,800 บัญชีเงินกู้ มูลค่ากว่า 176 ล้านดอลลาร์ รวมถึงปริมาณการขอสินเชื่อขยายตัวสูงถึง 7 เท่า ในช่วงเดือนเมษายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ซึ่งผู้อำนวยการบริหารของ CMA เรียกร้องให้สมาชิกทุกรายดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาโดยการช่วยปรับปรุงโครงสร้างเงินกู้ภายใต้ความเหมาะสม ทั้งธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ยังกล่าวว่าสถาบันการเงินทุกแห่งควรดำเนินการปรับโครงสร้างเงินกู้ต่อไปจนถึงกลางปี ​​2021 เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศจากผลกระทบของการแพร่ระบาดที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และการขนส่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50859588/cma-loan-restructures-increasing/