ด่านชายแดนมุต่อง “เมียนมา-ไทย” ดันส่งออกผลไม้พุ่งทะยาน เดือน พ.ค.

ตามรายงานระบุว่าผลไม้ที่จะส่งออกไปยังอำเภอมะริด เขตตะนาวศรี ผ่านด่านมุต่อง (Mawtaung) บริเวณชายแดนเมียนมา-ไทย ในเดือน พ.ค. นับว่าเป็นการส่งออกผลไม้ครั้งใหญ่ที่สุดของเมียนมา โดยผลไม้ที่นำเข้ามากที่สุด ได้แก่ ชมพู่ ส้ม สละ ขนุน และแก้วมังกร ราคาปัจจุบันของชมพู่กิโลกรัมละ 19.44 บาท ส้มกิโลกรัมละ 9.69 บาท สละกิโลกรัมละ 6.45 บาท และแก้วมังกร 6.81 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ ค่ายด่านมุต่องได้กำหนดว่าต้องนำเข้าผลไม้ 24 ตัน นับตั้งแต่วันที่ 1 – 30 พ.ค.

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-thailands-mawtaung-border-exports-most-fruits-in-may/#article-title

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าการส่งออกลิ้นจี่และลำไย รุกตลาดต่างประเทศ

คุณ Tran Quang Tan ผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้าประจำจังหวัดบั๊กซาง กล่าวว่าผลผลิตลิ้นจี่ของจังหวัดในปีนี้ คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่า 180,000 ตัน นอกเหนือจากตลาดดั้งเดิม (จีน) พบว่าตลาดอื่นๆ มีทิศทางที่ดีขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง ไทยและฮ่องกง ในขณะเดียวกัน คุณ Tran Van Hao Tan ผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมและการค้าประจำจังหวัดหายเซวือง กล่าวว่าในปัจจุบันทางจังหวัดมีพื้นที่เพาะปลูกลิ้นจี่ ประมาณ 9,000 เฮกตาร์ และจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ราว 61,000 ตันในปีนี้ โดยประมาณ 31,000 ตันเป็นลิ้นจี่สุกก่อนกำหนด

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-seeks-to-expand-overseas-markets-for-lychees-longans-post125992.html

“เวียดนาม” จำเป็นต้องสร้างแบรนด์ผลไม้สู่ระดับสากล

เวียดนามจำเป็นต้องพัฒนาแบรนด์ผลิตภัณฑ์ผลไม้ระดับประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและยกระดับความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ ถึงแม้ว่าผลไม้จะทำรายได้จากการส่งออกหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่เวียดนามยังไม่มีแบรนด์ผลไม้ที่มีชื่อเสียงเลย ทั้งนี้ หากสอบถามมุมมองของผู้บริหารบริษัท Vina T&T Import – Export Service Trading จำกัด (Vina T&T) กล่าวว่าในกรณีที่พูดถึงแอปเปิ้ล ก็จะนึกถึงสหรัฐฯ หากพูดถึงทุเรียนหมอนทอง ก็จะนึกถึงประเทศไทย และหากเปรียบเทียบกับคุณภาพของทุเรียนเวียดนาม สายพันธุ์ Ri6 กับทุเรียนที่มาจากไทยและมาเลเซีย คิดว่าทุเรียนเวียดนามจะได้รับคัดเลือกให้เป็นสินค้าส่งออกของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ดียังคงมีความบกพร่องในเรื่องของเอกลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์ ดังนั้น เวียดนามควรสร้างแบรนด์ผลไม้ที่เพิ่มสูงค่าและมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศไทย แต่สิ่งสำคัญในการสร้างแบรนด์ คือ การควบคุมหรือการรับรองมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์อย่างเข็มงวด

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1483448/vn-needs-to-build-national-brands-for-fruits.html

ราคา ‘ทุเรียนเวียดนาม’ สูงเป็นประวัติการณ์ เหตุอุปทานต่ำ

หนังสือพิมพ์เวียดนาม นิวส์ (Vietnam News) รายงานว่าราคาทุเรียนของเวียดนามพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีอุปทานต่ำในช่วงนอกฤดูกาล รายงานระบุว่าราคาจำหน่ายทุเรียนอยู่ที่ 150,000-190,000 ดองเวียดนาม (ราว 215.06-272.41 บาท) ต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าราคาในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3 เท่า โดยทุเรียนมีราคาสูง เนื่องจากเป็นผลไม้นอกฤดูกาล และมีอุปทานต่ำสวนทางกับอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ สมาคมผักและผลไม้เวียดนาม รายงานว่าทุเรียนเวียดนามมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันมากมายในตลาด เนื่องจากการส่งออกตลอดทั้งปี รวมถึงระยะทางการขนส่งทุเรียนจากเวียดนามไปยังจีนยังใช้เวลาราว 1 วันครึ่งเท่านั้น ซึ่งช่วยรับประกันความสดของผลไม้และค่าขนส่งที่ถูกกว่าบรรดาคู่แข่งของเวียดนาม

ที่มา : https://www.chiangmainews.co.th/economics/2871140/

จุรินทร์ รวมพลหามาตรการดูแลผลไม้ปี’65 รุกส่งออกดันให้โต 15%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ปี 2565 และการแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ว่าจากการประเมินผลผลิตผลไม้ทั่วประเทศปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% หรือมีปริมาณ 5.4 ล้านตัน โดยได้กำหนดมาตรการเชิงรุกในการผลักดันการส่งออกและดูแลผลไม้มี 17+1 ดูแลผลผลิตผลไม้และมีการเตรียมตลาดรองรับไว้แล้ว 450,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรผลิตผลไม้ที่ได้คุณภาพ ล้งรับซื้อตามมาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกดำเนินการเตรียมการส่งออกต่อไป สำหรับผลไม้ไทย ตลาดใหญ่คือประเทศจีน ตลาดจีนส่งออกปี 2564 มีมูลค่า 163,000 ล้านบาท ปริมาณ 2,200,000 ตัน ซึ่งการส่งออกไปจีนทำได้ 3 เส้นทางหลักมีสัดส่วน คือ ทางเรือ 51% ทางบก 48% และทางอากาศ 0.54% ขณะที่เป้าหมายการส่งออกผลไม้ในปี 2565 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 15% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 287,500 ล้านบาท

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-893317

‘อลงกรณ์’ชูชุมพรฮับผลไม้ใต้ มั่นใจรถไฟจีน-ลาวช่วยส่งออกปีนี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่ากระทรวงเกษตร มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของ จ.ชุมพร เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2565 กว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีภาคเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งพืชเศรษฐกิจหลักทำรายได้ เช่น ทุเรียน ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มะพร้าวและกาแฟโรบัสต้า รวมทั้งเศรษฐกิจภาคบริการด้านการท่องเที่ยว จึงได้วางนโยบายการพัฒนาอย่างน้อย 3 ด้าน ดังนี้ 1.นโยบายพัฒนาชุมพรเป็นมหานครผลไม้ภาคใต้ ซึ่งชุมพรเป็นจังหวัดที่ผลิตทุเรียนได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยเฉพาะการเปิดเส้นทางขนส่งผลไม้ทางรถไฟสาย จีน-ลาว จะเพิ่มการส่งออกผลไม้ได้มากขึ้นในปีนี้ จึงเร่งยกระดับการพัฒนาชุมพรเป็นฮับผลไม้ภาคใต้ 2.นโยบายพัฒนาชุมพรเป็นฮับกาแฟโรบัสต้าของประเทศ โดยสร้างแบรนด์สร้างมูลค่ากาแฟโรบัสต้าที่ชุมพร 3.นโยบายพัฒนาชุมพรเป็นประตูท่องเที่ยวเกตเวย์ทะเลใต้

ที่มา : https://www.naewna.com/local/632576

ชวน หารือ ปธ.สภาเวียดนาม เร่งแก้ปัญหาส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ช่วยเกษตรกร

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากรายงานการประชุมหารือทวิภาคีระหว่าง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กับ นายเวือง ดิ่งห์ เหวะ (H.E.Mr.Vung Finh hue) นายเวือง ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการหารือเรื่องความร่วมมือและกำจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างไทย-เวียดนาม โดยนายชวนได้หารือเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรในการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีน เพราะตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ของไทยและจะมีการส่งผลไม้จากไทยไปจีนมากกว่าช่วงเวลาอื่นของปี แต่มีปัญหาคือรถบรรทุกผลไม้ติดสะสมที่ด่านจังหวัดหล่าง เชิน (Lang Son) ของเวียดนามที่จะเข้าประเทศจีน จนทำให้ผลไม้เน่าเสียเกษตรกรเดือดร้อน ดังนั้น นายชวน จึงขอให้ประธานสภาแห่งชาติเวียดนามได้พิจารณาหาแนวทางแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาดังกล่าว

ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_2927653

รถบรรทุกผลไม้กว่า 700 คันไปจีน ต้องพบกับความเสียหายที่ด่านชายแดนมูเซ

รถบรรทุกผลไม้กว่า 700 คัน ติดอยู่ที่ประตูพรมแดน Kyinsankyawt และ Pangsaing (Kyugok) ในด่านมูเซ ทางตอนเหนือของรัฐฉานพบว่าเกิดความเสียหายในการส่งออกไปจีนเนื่องจากพบปัญหาความล่าเพราะรถมีจำนวนมาก มีรถบรรทุกสินค้าเพียง 80 คันเท่านั้นที่สามารถเข้าและออกจากประเทศจีนได้หลังจากที่คนขับถูกพบว่าติด Covid-19 และปัญหาจากสถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมา ซึ่งตอนนี้ตลาดเมลอนอยู่ในเกณฑ์ราคาดี แต่มีรถบรรทุกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าจีนได้หลังจากคนขับติดเชื้อไวรัส อีกทั้งรถบรรทุกประมาณ 600 คันติดอยู่ด้านนอก แต่มีเพียง 80 เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ และยังพบว่าธนาคารเกิดปัญหาปิดทำการ เหตุดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งชาวจีนเน้นการใช้รถตัวเองในการบรรทุก ปัจจุบันค่าขนส่งผลไม้อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านจัตต่อการบรรทุกจากพะโคหรือย่างกุ้งและ 1.4 ล้านจัตจากมัณฑะเลย์หรือเขตสะกาย

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/over-700-fruit-trucks-bound-for-china-stranded-face-damage-at-border-gates-in-muse

ไทย-จีน จับมือพัฒนามาตรฐานคุณภาพผลไม้ไทย ดันส่งออกปี 64 เพิ่ม ตั้งเป้าทะลุ 7 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 17 ก.พ.64 นายอลงกรณ์ พลบุตร  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ภายใต้นโยบายทำงานเชิงรุกยุคโควิดเพื่อขยายการส่งออกผลไม้ไทยสู่ตลาดโลกของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ จะจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาคุณภาพผลไม้เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มขึ้นในการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน โดยจะมีการประชุมร่วมกันกับผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ และอัครราชฑูตที่ปรึกษาด้านพาณิชย์ของจีนรวมทั้งหอการค้าไทย-จีนและผู้แทนภาคเอกชนของ 2 ฝ่าย ในเดือนมีนาคมที่จะถึง สำหรับประเด็นการหารือจะครอบคลุมตั้งแต่ การพัฒนามาตรฐานและคุณภาพผลไม้ไทย ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ จากฟาร์มถึงผู้บริโภค การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การขนส่งโลจิสติกส์ การส่งเสริมการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การพัฒนาการอำนวยความสะดวก บริเวณด่านส่งออก 4 ด่านได้แก่ ด่านโมฮ่าน ด่านโหยวอี้กวน ด่านตงชิงและด่านผิงเสียง รวมทั้งความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรและผู้ประกอบการ ทั้งนี้ประเทศไทยและประเทศจีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานผูกพันเสมือนพี่น้องกันและได้พัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีพิธีลงนามความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐานสอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับการนำเข้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างหอการค้าไทย-จีน และ บริษัท ซี ซี ไอ ซี (ประเทศไทย) จำกัด

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/923074

เวียดนามส่งออกผักผลไม้พุ่งขึ้น ถึงแม้ว่าการระบาดของโรค COVID-19 ไปทั่วโลก

เวียดนามส่งออกผักและผลไม้เพิ่มขึ้นไปตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้และไทย ถึงแม้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกก็ตาม มูลค่าการส่งออกของสินค้าดังกล่าวไปไทยที่ 68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 233.4, เกาหลีใต้ 67.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (21.8%), สหรัฐฯ 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.1%), ญี่ปุ่น 57.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (15.5%) และเนเธอร์แลนด์ 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9%) อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปตลาดจีนลดลงร้อยละ 29.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้มูลค่าลดลงที่ 1.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของหน่วยงานด้านการแปรรูปและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรเวียดนาม ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมียอดส่งออกผักผลไม้ที่ 9061 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะลิ้นจี่ที่มีส่วนผลักดันการส่งออกของเวียดนาช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีอียู-เวียดนาม ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิ.ค. จะช่วยกระตุ้นให้ภาคธุรกิจก้าวข้ามอุปสรรคทางภาษีและเรื่องเทคนิค เพื่อที่จะได้รับโอกาสที่ดีขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fruit-vegetable-export-picks-up-despite-covid19/178201.vnp