สหรัฐผนึกอาเซียน ฟื้นเศรษฐกิจ-พัฒนายั่งยืน

ท่ามกลางวิกฤติซ้ำวิกฤติที่ทุกประเทศเผชิญอยู่ทั้งโรคระบาดโควิด-19 และผลกระทบจากสงคราม ความร่วมมือกันระหว่างประเทศต่างๆ น่าจะเป็นทางออก หรือ บรรเทาผลจากวิกฤติต่างๆ ได้ โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน สหรัฐ ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. 2565 ตามคำเชิญของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 (ASEAN-U.S. Special Summit) ร่วมกับผู้นำอาเซียนชาติต่างๆ ด้าน ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การหารือกับผู้นำและผู้แทนระดับสูงของสหรัฐ เพื่อผลักดันความร่วมมือการขับเคลื่อนการฟื้นฟู และการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค รวมทั้งเป็นโอกาสให้พบกับภาคเอกชนสหรัฐเพื่อย้ำความพร้อมของไทยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ย้ำความพร้อมของไทยในการเป็นห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็งกับสหรัฐ ด้านสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในด้านเศรษฐกิจ สหรัฐเป็นคู่ค้าสำคัญของประเทศไทย การเดินทางของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติ ได้ทราบถึงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อการเป็น Regional Hub ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมถึงโปรโมท โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพิ่มเติม

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/1003673

กัมพูชามองหาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ

กระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกัมพูชาวางแผนสนับสนุนให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ เข้ามาเปิดโชว์รูมในกัมพูชา ในขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้ใช้รถยนต์ EV เพิ่มมากขึ้น ด้าน Sun Chanthol รัฐมนตรีฯ ได้ขอให้ Patrick Murphy เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชา ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ ที่ผลิตรถยนต์ EV เข้ามาลงทุนและขยายธุรกิจยังกัมพูชา โดยปัจจุบันกัมพูชามีการใช้รถยนต์ EV เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ มีการลงทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว 47 คัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 700 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ได้มีการจะทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าไว้ที่ 7 คัน ในขณะที่สถานีชาร์จ EV มีไม่กี่แห่งที่ได้ให้บริการ ในเขตพื้นที่พนมเปญและตามจังหวัดหลัก ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ มีมูลค่า 2,226 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501064355/cambodia-seeks-us-electric-vehicle-producers-entry/

‘เวียดนาม’ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนสหรัฐฯ

จากงานสัมมนาออนไลน์ที่จัดขึ้นโดย ‘Asia Group’ เปิดเผยว่าเวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดของนักลงทุนสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก จุดมุ่งหมายของงานสัมมนาครั้งนี้เพื่อแบ่งปันโอกาสทางธุรกิจและข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนแนวโน้มทางเศรษฐกิจเวียดนาม โดยมีผู้ร่วมงานที่เป็นตัวแทนบริษัทสหรัฐฯกว่า 40 คน มาจากกลุ่มพลังงาน การเงิน เทคโนโลยีและการผลิต อาทิ Blackstone Group, Google, Facebook , Ford, UPS และ Walmart เป็นต้น ทั้งนี้ นาย ฮา กิม หง็อก เอกอัครราชทูตประจำสหรัฐฯ กล่าวถึงความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจของเวียดนามและแจ้งข้อมูลเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนสหรัฐฯ เวียดนามดำเนินการร่วมมือทางหุ้นส่วนการค้าและเครือข่ายความตกลงการค้าเสรี จะช่วยให้กิจกรรมของประเทศดีขึ้น

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/11255702-vietnam-remains-attractive-destination-for-us-investors.html

‘เวียดนาม’ มองสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. การประชุม Business Summit สหรัฐฯ-เวียดนาม ครั้งที่ 5 นาย ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามถือว่าสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดเสมอมา รวมถึงร้องขอให้ภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศทำการกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี ทั้งนี้ ตามตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ พบว่ามูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ อยู่ที่ 111 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564 โดยสหรัฐฯ เป็นผู้ซื้อสินค้าจากเวียดนามรายใหญ่ที่สุด ในขณะที่เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 9 ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยจำนวนโครงการในปัจจุบัน 1,150 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 10.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-always-regards-u-s-as-leading-partner/

ดุลยภาพใหม่ “ไทย-อาเซียน” รับ สหรัฐฯ ทัวร์ คว่ำบาตรโอลิมปิกจีน

การทำ “อาเซียน” และ “ไทย” ให้เป็น “ดุลยภาพใหม่” คือสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เคยพูดคุยที่ “สิงคโปร์” เพื่อรับมือการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจระหว่าง “สหรัฐ-จีน” สร้างความสมดุล ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ 10 ประเทศสมาชิก โดยล่าสุดสหรัฐฯ มีแผนการมาเยือน 3 ประเทศ แกนหลักของ “อาเซียน” อย่าง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ไทย ของ “แอนโทนี บลิงเคน” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ในระหว่าง 13 -16 ธ.ค.นี้ โดยเป้าหมายแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ เพราะบางประเทศก็กำลังจะมีการเลือกตั้ง ในขณะที่บางประเทศก็อยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่าน โดยเป้าหมายแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเพราะบางประเทศก็กำลังจะมีการเลือกตั้ง ในขณะที่บางประเทศก็อยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่าน รวมถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับประเทศในเอเชีย หวังแก้ปัญหาและปรับความเข้าใจ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/politics/977558

บริษัทในสหรัฐฯ ยืนยันการขยายธุรกิจในกัมพูชา

บริษัทในสหรัฐฯ ยืนยันที่จะขยายธุรกิจและอัดฉีดการลงทุนเพิ่มเติมในกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของกัมพูชาในระยะถัดไป รายงานโดยรองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการระดับภูมิภาคของ U.S.-ASEAN Business Council ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการประชุมเสมือนจริงระหว่าง รมว.พาณิชย์กัมพูชา นอกจากนี้ การเข้าร่วมการประชุมยังมีตัวแทนจากสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชาและบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้แก่ConocoPhillips, FordMotor, Amazon, Walmart, Pernod Ricard, Visa และ Jhpiego โดยปัจจุบันการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50964563/u-s-companies-confirm-business-expansion-in-cambodia/

‘ประยุทธ์’ ประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ย้ำร่วมมือด้านวัคซีน-สิ่งแวดล้อม-พัฒนาดิจิทัล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกาฯ ครั้งที่ 9 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน เข้าร่วมด้วย โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวถึงความสำคัญระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนที่มีความสำคัญมากขึ้นว่า สหรัฐฯ สนับสนุนแนวคิด AOIP และเห็นว่าการก้าวผ่านศตวรรษที่ 21 ต้องร่วมมือกันเพื่อสู้กับโควิด-19 รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการสร้างความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ร่วมกัน และการผลิตเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งมุ่งหวังที่จะได้ร่วมกับอาเซียนเพื่อประโยชน์ร่วมกันต่อไป ตลอดจนยืนยันที่จะมีความช่วยเหลือให้กับอาเซียนอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อสนับสนุนอาเซียนให้ Build Back Better ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสนอแนวทางความร่วมมือของอาเซียน-สหรัฐฯ ใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.ความร่วมมือในการกระจายวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว 2.การให้ความสำคัญกับการเติบโตสีเขียว เพื่อก้าวไปสู่ “Next Normal” อย่างยั่งยืน และ 3.การพัฒนาด้านดิจิทัล

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/politics/news_6698213

สหรัฐฯ สนับสนุนโครงการฉีดวัคซีนโควิดในสปป.ลาว

รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขด้วยการแจกจ่ายวัคซีนโควิด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของโครงการฉีดวัคซีน และช่วยให้แน่ใจว่าผู้มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนทุกคน การสนับสนุนขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) มูลค่ากว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯบ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อรัฐบาลลาวในช่วงเวลาที่ยากลำบากและท้าทายเหล่านี้ การสนับสนุนจากสหรัฐฯ จะช่วยให้รัฐบาลเอาชนะความท้าทายที่พบในการควบคุมการระบาดของ Covid โดยให้ความช่วยเหลือในการแจกจ่ายวัคซีนและกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ที่ต้องการการฉีดวัคซีนมากที่สุด โครงการนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าการฉีดวัคซีนจะดำเนินการอย่างทันท่วงทีตามนโยบายและแผนของฝ่ายต่าง ๆ รวมถึงเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_USsupports_180.php

‘เวียดนาม’ กลายเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของห่วงโซ่อุปทานสหรัฐฯ

จากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ Dau Tu (Investment) ระบุว่าซีอีโอ 90 คน จากบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เร่งบริจาควัคซีนให้กับเวียดนาม เนื่องจากเวียดนามเผชิญกับการระบาดของไวรัสที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซีอีโอของบริษัทต่างๆ ได้แก่ Adidas, Coach, Gap, Hanesbrands, Nike, VF และ Under Amour ได้เน้นย้ำว่าเวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและซัพพลายเชนที่สำคัญของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศผู้ผลิตเสื้อผ้า รองเท้าและอุปกรณ์การเดินทางรายใหญ่อันดับ 2 ของตลาดสหรัฐฯ นอกจากนี้เวียดนามยังเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่สำหรับวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าของสหรัฐฯ และแรงงานสหรัฐฯกว่า 3 ล้านคนเชื่อมโยวผ่านห่วงโซ่คุณค่ากับคนเวียดนามอีกหลายล้านคน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-an-important-link-of-us-supply-chain/206996.vnp

สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าพลาสติกรายใหญ่ของเวียดนาม ในครึ่งแรกของปีนี้

กรมศุลกากรของเวียดนาม (GDC) รายงานว่าสหรัฐอเมริกาเป็นจุดหมายปลางทางของผลิตภัณฑ์พลาสติกของเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คิดเป็นสัดส่วน 36.5% ของปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมด เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติก ประมาณ 2.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 41.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี รองจากสหรัฐแล้วนั้น ญี่ปุ่นเป็นผู้นำเข้าพลาสติกรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มสินค้าดังกล่าว คิดเป็น 14.3% ของทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เผยว่าบริษัท FDI เป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกหลักของประเทศ ขณะที่ธุรกิจในประเทศส่วนใหญ่จะจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก ชิ้นส่วนและส่วนประกอบที่มีมูลค่าน้อยให้กับพาร์ทเนอร์ต่างชาติ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/foreign-investment-poured-in-vietnam-despite-covid-19-883511.vov