‘ยูโอบี’ คาดเศรษฐกิจเวียดนามครึ่งปีหลัง ฟื้นตัวต่อเนื่อง

ธนาคารยูโอบี (UOB) เปิดเผยรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามว่ามีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เป็นผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งแรกของปี และเมื่อพิจารณาการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในไตรมาสก่อน พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ และไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัว 5.66% และ 6.72% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ จะได้รับปัจจัยหนุนมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมและบริการ รวมถึงการค้าต่างประเทศที่กลับมาดีขึ้น ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือน พ.ค. อยู่ที่ระดับ 50.3 และการผลิตภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการเติบโตเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในปีนี้

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-economic-recovery-momentum-to-continue-in-h2-uob/

‘เมย์แบงก์’ ชี้เวียดนามติดอันดับ 6 ประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน

จากข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาดเมย์แบงก์ (Maybank Research Pte Ltd) คาดการณ์ว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของ 6 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม จะฟื้นตัว 4.5% และ 4.7% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ จาก 4% ในปี 2566 ในขณะที่ตามรายงาน ‘ASEAN Frontiers: The New Trailblazers’ ระบุว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ได้แรงหนุนมาจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เมย์แบงก์ยังเปิดเผยว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศูนย์ข้อมูลและความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ผลักดันให้กิจกรรมการค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อ นอกจากนี้ เมย์แบงก์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าอาเซียนจะกลายมาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของโลก เนื่องจากบริษัทข้ามชาติ (MNC) ต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานการผลิตออกจากประเทศจีน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-among-six-asean-countries-with-good-economic-growth-maybank-post1100769.vov

รองประธานสภา สปป.ลาว กังวลการจัดสรรงบดำเนินโครงการของรัฐและการบริหารหนี้ของประเทศ

นายสมมาศ พลเสนา รองประธานสภาแห่งชาติลาว เปิดเผยถึงการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการของรัฐและการบริการหนี้ค่อยข้างช้าและนโยบายสนับสนุนการเกษตรยังอ่อนแอ นอกจากนี้ ผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่นไม่ได้ช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงขอเน้นย้ำถึงความจำเป็นของกระบวนการที่มีความคล่องตัวเพื่อช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยสังเกตว่าแม้ว่าเงินฝากธนาคารจะอยู่ที่ 63% ของ GDP แต่มีการออกเงินกู้เพียงเล็กน้อย โดยการประชุมสภาฯ จะเริ่มอีกครั้งในวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจะนำความก้าวหน้าในการจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของประเทศ เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราการออกจากโรงเรียนกลางคัน การขาดแคลนครูและแรงงาน และการค้ายาเสพติด มาเป็นวาระในการประชุม

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/06/11/prime-minister-highlights-economic-growth-despite-challenges/

‘ธุรกิจเวียดนาม’ เผชิญกับอุปสรรคสำแดงสินค้านำเข้า เหตุลดภาษี VAT

รองเลขาธิการหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) กล่าวว่าผู้ประกอบการเผชิญกับอุปสรรคจากการสำแดงสินค้าที่มีการนำเข้า ซึ่งปัจจุบันเวียดนามกำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ที่ 8% จากเดิมอยู่ที่ 10% หรือปรับลดอัตราภาษี 2% เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวให้กับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์และผู้นำธุรกิจ เรียกร้องให้รัฐบาลขยายโครงการสนับสนุนในครั้งนี้ไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและธุรกิจในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าว ถือว่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากปัญหาทางด้านเอกสารที่มีการจำแนกแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้ประกอบการบางรายไม่ทราบว่าสินค้าและบริการของธุรกิจตนเองได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี ถึงแม้ว่าจะปรึกษาหน่วยงานด้านภาษีแล้วก็ตาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1657165/businesses-face-difficulties-in-declaring-goods-eligible-for-vat-cut.html

เมียนมาตั้งเป้าส่งออกทะลุเป้าท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา รายงานว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังช่วยแก้ไขปัญหาของบริษัทที่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำโดยร่วมมือกับสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บรรลุและเกินเป้าหมายการส่งออกของประเทศ รวมถึงการส่งออกหลัก เช่น ข้าว ถั่ว ข้าวโพด และยางพารา ตามที่ ก.ล.ต. กำหนด เพื่อการส่งออกตามข้อกำหนดเป้าหมาย เจ้าหน้าที่ยังได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่พบในการส่งออกโดยประสานงานกับสมาคมต่างๆ เช่น สหภาพเมียนมา สหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรม สมาพันธ์ข้าวเมียนมา ถั่ว ข้าวโพด และงา สมาคมพ่อค้าเมล็ดพันธุ์พืช, สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปแห่งเมียนมา, สมาคมอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา, สมาคมผู้ปลูกและผู้ผลิตยางแห่งเมียนมา และสมาคมผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์ประมงและส่งออกแห่งเมียนมา อย่างไรก็ดี ในบรรดาการส่งออกต่างประเทศ ข้าว 2.5 ล้านตันถูกกำหนดให้ส่งออกในปีงบประมาณ 2567-2568 จากสถิติที่รายงานวันที่ 4 มิถุนายน 2567 ซึ่งเรือบรรทุกข้าว 8 ลำจอดเทียบท่าที่ท่าเรือระหว่างประเทศ 8 แห่งเพื่อส่งออกข้าว โดยข้าวทั้งหมด 135,920 ตัน แบ่งเป็นข้าว 12,500 ตันจากท่าเรือ Alone International Port Termina 12,500 ตันจากท่าเรือนานาชาติย่างกุ้ง 10,000 ตันจากท่าเรือเมียนมา (เดิมชื่อท่าเรือโบ ออง จ่อ) 9,800 ตันจากท่าเรือนานาชาติวิลมาร์และท่าเรือ Sule Pagoda Wharves จำนวน 91,120 ตันจะถูกส่งออก นอกจากนี้ เรืออีก 4 ลำกำลังจะเทียบท่าที่ท่าเรือนานาชาติย่างกุ้งเพื่อส่งออกข้าว 74,000 ตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-aims-to-surpass-national-export-targets-amid-economic-growth/

จำนวนนักเรียนในระดับมัธยมปลายของ สปป.ลาว ลดลงต่อเนื่อง จากปัญหาเศรษฐกิจ

กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา สปป.ลาว เผยจำนวนนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายระหว่างเกรด 4 และเกรด 7 ทั่วประเทศลาวลดลงเป็นปีที่สามติดต่อกัน สะท้อนจากจำนวนนักเรียนที่ทำการสอบเข้าระดับมัธยมปลายมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษในปีการศึกษานี้ โดยจำนวนนักเรียนชั้นเกรด 4 ที่เข้าสอบมีเพียง 68,850 คน ซึ่งลดลงจาก 76,322 คนในปีที่แล้ว และ 83,544 คนในปี 2565 ส่วนจำนวนนักเรียนชั้นเกรด 7 ที่เข้าสอบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เหลือเพียง 46,744 คน จาก 50,276 คนในปีที่แล้ว และ 55,828 คนในปี 2565 ปัจจัยหลักเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ค่าจ้างที่ต่ำ และอัตราเงินเฟ้อมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่ออัตราการออกกลางคันของนักเรียน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/06/05/decline-in-secondary-school-enrollments-continues-for-third-consecutive-year/

รัฐบาล สปป.ลาว สั่งทุกหน่วยงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง

รัฐบาล สปป.ลาว เรียกร้องให้หน่วยงานกลางและระดับท้องถิ่นเร่งดำเนินการเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์และมาตรการทางเศรษฐกิจที่มุ่งแก้ไขความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ ท่ามกลางความกังวลที่เกิดจากความวุ่นวายทั่วโลกและแรงกดดันทางเศรษฐกิจภายในประเทศ แนวทางหลักที่ต้องปฏิบัติคือลดการพึ่งพาการนำเข้าและเพิ่มการบริโภคสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ เนื่องจากการพึ่งพาสินค้านำเข้าในสัดส่วนที่มาก ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศขยายตัว จนอัตราเงินเฟ้อมีระดับที่สูงในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_99_govt_y24.php

AMRO คาด GDP กัมพูชาโต หนุนโดยการส่งออกและการท่องเที่ยว

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 2024 โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการส่งออกและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 5.6 ในปี 2024 และร้อยละ 5.9 ในปี 2025 กล่าวโดย Jinho Choi นักเศรษฐศาสตร์ประจำสำนักงาน AMRO อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวนี้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงภายนอกและจุดอ่อนภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวและคุณภาพสินเชื่อที่ปรับตัวลดลง ขณะที่การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2024 โดยแรงขับเคลื่อนมากจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในตลาดหลักของประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะเดียวกัน ภาคการผลิตนอกเหนือจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ คาดว่าจะรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนจากการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มั่นคง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501494147/amro-forecasts-rosier-growth-for-cambodia-in-2024/

‘เวียดนาม’ เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรม สัญญาณฟื้นตัว

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ทำการประเมินสถานการณ์ของภาคอุตสาหกรรมพบว่าดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ม.ค.-เม.ย. เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะสาขาการผลิตและแปรรูปที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 6.3% เนื่องจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ ตลอดจนการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ในขณะที่ตลาดโลกค่อยๆกลับมาฟื้นตัวและปรับตัวจากการหยุดชะงักในปี 2565 และปี 2566 ทำให้ยอดคำสั่งซื้อส่งออกใหม่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ นาย Dao Phan Long ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องกลของเวียดนาม กล่าวว่าความพยายามของประเทศพัฒนาแล้วในการกระจายห่วงโซ่อุปทานและการลงทุน ช่วยให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก อย่างไรก็ดี จากการคาดการ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงภาวะเงินเฟ้อสูง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในพื้นที่ต่างๆ ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/industrial-production-shows-signs-of-recovery-post287518.vnp

‘นายกฯ เวียดนาม’ สั่งจัดงบประมาณปี 68 มุ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

นายฟาม มินห์ จิญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ลงนามคำสั่งว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และจัดทำงบประมาณปี 2568 โดยตั้งข้อสังเกตไว้ว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในปีหน้านั้น ได้มีการร่างขึ้นมาแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ที่รวดเร็วและคาดการณ์ไม่ได้ ในขณะที่ในปี 2568 ถือเป็นปีที่สำคัญของเวียดนาม เนื่องจากตรงกันกับช่วงการประชุมสมัชชาของพรรคทุกระดับ ก่อนที่จะไปสู่การประชุมสมัชชาพรรคแห่งชาติครั้งที่ 14

ทั้งนี้ ตามแผนการทำงานดังกล่าว ทางนายกฯ เรียกร้องให้กระทรวง หน่วยงานกลางและท้องถิ่น ระบุประเด็นหลักของแผนพัฒนาปี 2568 และตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถบรรลุเป้าหมายได้และแนวทางการแก้ไข รวมถึงชี้แจงรายละเอียดของเนื้อหา ระยะเวลาและความคืบหน้า ในขณะเดียวกัน การจัดทำแผนงบประมาณปี 2568 ต้องมีรายละเอียดของการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดเก็บงบประมาณ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pm-orders-building-socio-economic-development-plans-budget-estimates-for-2025-post287427.vnp