‘เวียดนาม’ เดินหน้าสร้างเสถียรภาพและขยายพื้นที่การเติบโตทางเศรษฐกิจ

รัฐบาลเวียดนามกำหนดให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการเร่งรัดและการทำลายข้อจำกัด เพื่อเอาชนะความยากลำบากและความท้าทาย โดยใช้ความมั่นคงเป็นพื้นฐานในการส่งเสริมการพัฒนา และการพัฒนาเป็นฐานสำหรับความมั่นคง เป้าหมายคือการบรรลุผลสูงสุดตามแผน 5 ปี 2564-2568

รองนายกรัฐมนตรี โฮ ดึ๊ก ฟ็อก (Ho Duc Phoc) ระบุว่าในปี 2567 สถานการณ์โลกและภูมิภาคยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน แม้จะมีความท้าทาย แต่เศรษฐกิจของเวียดนามยังคงฟื้นตัว โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ประมาณ 7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่สภาแห่งชาติกำหนดไว้ที่ 6-6.5%

สำหรับงบประมาณของรัฐในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.96 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้น 15.6% จากปีที่แล้ว โดยรายได้ภายในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านดอง คิดเป็น 85% ของรายได้ทั้งหมด การประมาณการนี้แสดงถึงความยั่งยืนและความสามารถในการรับมือกับผลกระทบในบริบทของสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงมีความเสี่ยงและความท้าทาย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/building-larger-and-more-stable-growth-space-post143720.html

‘ยูโอบี’ ชี้เศรษฐกิจเวียดนามโตต่อเนื่อง ปี 68

ธนาคารยูโอบี (UOB) ประเมินทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2568 ขยายตัว 7% ได้แรงหนุนมาจากปัจจัยเชิงบวกหลายประการ ได้แก่ ผลผลิตอุตสาหกรรม การใช้จ่ายของผู้บริโภค และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี ยังคงมีความไม่แน่นอนที่ถือว่าเป็นความเสี่ยงสำคัญ เนื่องจากเวียดนามพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1690369/viet-nam-to-see-continued-positive-growth-in-2025-says-uob.html

‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เติบโตดี จากแรงหนุนลงทุน-การบริโภค

นายอดัม ซัมดิน (Adam Samdin) ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์ขององค์กรวิจัยพยากรณ์เศรษฐกิจระดับโลก ‘Oxford Economics’ กล่าวว่าเศราฐกิจเวียดนามมีการเติบโตที่โดดเด่น ได้แรงหนุนมาจากภาคการผลิตที่แข็งแกร่งและอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัวไปข้างหน้า แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามนั้น แทนที่จะพึ่งพาอุปสงค์ภายนอก กลับกันเวียดนามได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะไตรมาสที่ 3-4

นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ มีส่วนสำคัญต่อการสนับสนุนการส่งออกของเวียดนามประมาณ 75% เนื่องมาจากธุรกิจที่ลงทุนจากต่างประเทศ ได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล ซึ่งได้สร้างเงื่อนไขเชิงโครงสร้างที่เอื้อประโยชน์ต่อการส่งออกของประเทศ รวมถึงยังตั้งข้อสังเกตว่าการเติบโตของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทข้ามชาติกระจายตลาด เพื่อลดความเสี่ยง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-economy-thrives-on-investment-and-consumption-growth-drivers-post1147117.vov

เศรษฐกิจเวียดนามปี 2567 โตเร่งขึ้นมาที่ 7.09% คาด GDP ปี 2568 โต 6.8% ท่ามกลางความเสี่ยงสงครามการค้ารอบใหม่

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

เศรษฐกิจเวียดนามปี 2567 เติบโตเร่งขึ้นมาที่ 7.09% สูงกว่า 5.05% ในปี 2566 โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของการส่งออก (14.32%) การลงทุนในภาพรวม (7.02%) และการบริโภคในประเทศ (6.57%) ทั้งนี้ เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 4/2567 เติบโตเร่งขึ้นมาที่ 7.55%YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ยผลการสำรวจของ Bloomberg ที่ 6.7% จากปัจจัยหนุนหลักคือการส่งออกที่เร่งตัวขึ้น

ภาคการส่งออกเวียดนามฟื้นตัวในปี 2567 โดยเติบโตเร่งขึ้นมาที่ 14.32% เนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์โลกในภาพรวม นำโดยความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

เศรษฐกิจเวียดนามปี 2568 คาดเติบโตที่ 6.8% ท่ามกลางความเสี่ยงสงครามการค้ารอบใหม่ โดยมีปัจจัยหนุนดังนี้

  • เม็ดเงิน FDI คาดยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากมองว่าเวียดนามมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนในสงครามการค้ารอบใหม่
  • การส่งออกยังคงเติบโตในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะโตชะลอมาที่ 12.0% ในปี 2568 ตามภาวะเศรษฐกิจหลักของโลกที่ชะลอลงและมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐในช่วงครึ่งหลังของปี ส่งผลให้การส่งออกเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี ก่อนภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามมีความเสี่ยงสูงจากผลกระทบการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เนื่องจากพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มากที่สุดในอาเซียนคิดเป็นสัดส่วน 22.4% ของ GDP โดยสินค้าที่เสี่ยงได้รับผลกระทบสูง ได้แก่ เสื้อผ้าเฟอร์นิเจอร์ ของเล่น และเครื่องหนัง

อ่านต่อได้ที่ : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Vietnam-GDP-EBR4113-07-01-2025.aspx

 

‘GDP’ เวียดนาม ปี 67 โตทะยาน 7.09%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม ปี 2567 ขยายตัว 7.09% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่า 5.05% เมื่อเทียบกับปี 2566 ได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่งและการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ทั้งนี้ เวียดนาม นับเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคทั่วโลก ถึงแม้ว่าได้รับผลกะทบจากพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดในเอเชียในปีที่แล้ว แต่ยอดการส่งออกในปี 2567 ขยายตัว 14.3% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 405.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ เสื้อผ้าและผลผลิตทางการเกษตร

นอกจากนี้ เวียดนามได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ อยู่ที่ 6.5% – 7%

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20250106/vietnam-s-2024-gdp-growth-quickens-to-709/83746.html

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 3/2567 โตสูงกว่าคาดที่ 7.4%YoY หนุนโดยการส่งออกและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 3/2567 โตสูงกว่าคาดที่ 7.4%YoY หนุนโดยการส่งออกและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

  • เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 3/2567 เติบโตอยู่ที่ระดับ 7.40%YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ยผลการสำรวจของ Bloomberg ที่ 6.1% และสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2567 ที่ 7.09%Y โดยมีปัจจัยหนุนจากการส่งออกและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ส่วนการบริโภคภาคครัวเรือนค่อนข้างทรงตัว
  • การส่งออกเวียดนามเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3 จากการฟื้นตัวของอุปสงค์โลกในสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องจักร และสินค้าเกษตร ส่วนการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตชะลอลง
  • ​ทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงที่เหลือของปี 2567 คาดว่าจะเติบโตชะลอลงจาก 9 เดือนแรกที่เติบโต 6.75%YoY จากการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอลง ทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาดการณ์เดิมมาอยู่ที่ 6.6% จาก 6.0% จากตัวเลขเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 3/2567 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดค่อนข้างมากเนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกซึ่งมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกทั้งปี 2024 มาอยู่ที่ระดับ 12.6% จากเดิม 7.5%
  • อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาหนี้สินอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามที่ยังไม่คลี่คลาย

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Vietnam-GDP-EBR4087-FB-07-10-24.aspx

‘IMF’ ชี้เศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวแรง เหตุได้แรงหนุนจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ

จากการหารือในประเด็น 2024 Article IV ระหว่างวันที่ 12-26 มิ.ย. นำโดยนาย Paulo Medas นักวิเคราะห์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หลังจากเผชิญกับอุปสรรคในปลายปี 2565 และต้นปี 2566

และจากการสัมภาษณ์ล่าสุดของเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวได้ดีตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรก ขยายตัว 6.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนมาจากการส่งเสริมของภาครัฐ และธนาคารแห่งชาติเวียดนาม (SBV) ที่ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย การขับเคลื่อนการลงทุนของรัฐบาลและค่าจ้าง

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคงกังวลถึงความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินและค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น บ่งชี้ให้เห็นว่าเวียดนามต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ที่มา : https://thoibaotaichinhvietnam.vn/vietnamese-economy-recovers-rapidly-thanks-to-drastic-actions-imf-expert-154872.html

‘เวียดนาม’ ส่องอนาคตสดใส ดึงดูดการลงทุน FDI

ศาสตราจารย์ ดร. เหงียน ไม นายกสมาคมวิสาหกิจการลงทุนต่างประเทศ (VAFIE) กล่าวว่ามีปัจจัยหลายประการที่ขับเคลื่อนการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจะมีสิ่งประหลาดใจที่รออยู่ข้างหน้า โดยจากข้อมูลในเดือน พ.ค. พบว่าเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ขยายตัวราว 7% สูงกว่าไตรมาสแรก แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจได้รับปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งมาจากการดึงดูดการลงทุน FDI

นอกจากนี้ เสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายดึงดูดการลงทุน FDI ของเวียดนาม ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงกลยุทธ์ในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี เป็นต้น

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเวียดนาม ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งจากการช่วยการฝึกอบรมวิศวกร 50,000 คน และแรงงาน 500,000 คน และส่งเสริมกิจการขนาดใหญ่ของเวียดนาม ได้แก่ VinGroup, FPT ที่มีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้การสนับสนุนอย่างมากต่อการดึงดูด FDI ของเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/bright-prospects-in-vietnams-fdi-attraction-post289718.vnp

‘ฮานอย’ ตั้งเป้าครึ่งปีแรก GRDP โต 6%

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติฮานอย เปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเมืองส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) เดือน ม.ค.-มิ.ย. เพิ่มขึ้น 5% และดัชนีผลผลิตอุตฯ ในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ เมืองฮานอยได้ตั้งเป้าหมายผลิตภัณฑ์ภูมิภาค (GRDP) ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเมืองฮานอยเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ยกระดับผลผลิตและขีดความสามารถทางการแข่งขัน ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน

นอกจากนี้ เมืองฮานอยมุ่งเน้นไปจะพัฒนาวัฒนธรรมและสังคม เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 70 ปีวันปลดปล่อยของเมืองหลวง รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพทางการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีการเชื่อมโยงกับทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ที่มา : https://en.nhandan.vn/hanois-grdp-estimated-to-grow-6-in-h1-post136905.html

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 2/2567 โตสูงกว่าคาด จากการลงทุนภาครัฐและการใช้จ่ายในประเทศแต่แนวโน้มยังเผชิญความเสี่ยงหลายปัจจัย

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 2/2567 เติบโตอยู่ที่ระดับ 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า consensus ที่ 5.8% และสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2567 ที่ 5.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 2/2567 โตสูงกว่าคาดจากการลงทุนภาครัฐและการใช้จ่ายในประเทศแต่แนวโน้มยังเผชิญความเสี่ยงหลายปัจจัย

  • เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 2/2567 เติบโตอยู่ที่ระดับ 6.9%YoY สูงกว่า consensus ที่ 5.8% และสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2567 ที่ 5.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนภาครัฐ แต่ก็มีปัจจัยฉุดจากการชะลอตัวของ FDI และการส่งออก
  • ทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 คาดว่าจะเติบโตชะลอลงจากครึ่งแรกที่เติบโต 6.42%YoY จากการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอลง ทั้งปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาดการณ์เดิมมาอยู่ที่ 6.2% จาก 5.8%
  • ​อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงอยู่หลายปัจจัย ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ปัญหาหนี้สินอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามที่ยังไม่คลี่คลาย ทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอง และอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Vietnam-EBR4069-KR-01-07-2024.aspx