4 เดือนแรกของปี กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโตกว่า 613%

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1.72 ล้านคน ขยายตัววกว่าร้อยละ 613 จากจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 241,485 คน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 มิ.ย.) ซึ่งประเทศไทยติดอันดับหนึ่งในชาร์ตนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังกัมพูชาในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนปีนี้ ตามมาด้วยเวียดนามและจีน โดยรายงานระบุเพิ่มเติมว่าในจำนวนดังกล่าวคิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 570,021 คน เวียดนาม 289,643 คน และชาวจีน 184,009 คน

ด้าน Thong Khon รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาตั้งเป้าหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้มากกว่า 4 ล้านคน ภายในปี 2023 สำหรับภาคการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักที่สนับสนุนเศรษฐกิจกัมพูชา โดยกัมพูชามีแหล่งมรดกโลก 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานโบราณคดีอังกอร์ในจังหวัดเสียมราฐทางตะวันตกเฉียงเหนือ ปราสาทพระวิหารในจังหวัดพระวิหารทางตะวันตกเฉียงเหนือ และปราสาทสมโบร์ไพรกุกในจังหวัดกำปงธมทางตอนกลางของประเทศ นอกจากนี้ยังเมีเมืองชายฝั่งที่ทอดยาวกว่า 450 กม. ผ่าน 4 จังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ ได้แก่ สีหนุวิลล์ กัมปอต แกบ และเกาะกง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501308550/cambodia-records-513-percent-increase-in-tourist-arrivals-in-1st-4-months/

“องค์กรระดับโลก” มองแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามไปในทิศทางที่เป็นบวก

ธนาคารโลก (WB) คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่ 6% ในปี 2566 ชะลอตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้ว่าเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ขณะที่ธนาคารโลกรายงานว่าสถานการณ์การค้าทั่วโลกในปีนี้ อยู่ในทิศทางที่เป็นลบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบางประเทศที่พึ่งพาภาคการค้าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม ทั้งนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD), ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และธนาคารพัฒนาเอเชีย คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในปีนี้ จะขยายตัว 6.5% อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ ได้แก่ เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง การดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดในหลายประเทศ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวช้า การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก ความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/reputable-organisations-optimistic-about-vietnam-s-economic-outlook-2154134.html

จับตาเวียดนามวิกฤตหนักไฟฟ้าส่อขาดแคลน

“เวียดนาม” ประเทศ “น่าลงทุน” และมีศักยภาพการพัฒนาอันดับต้น ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้…กำลังเผชิญวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนอย่างหนักมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และส่อแววยืดเยื้อไปจนถึงฤดูร้อนในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ถึงขั้นต้องประกาศเวียนดับไฟฟ้าทั่วประเทศเพื่อรับมือกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบางพื้นที่อาจต้องดับไฟฟ้านานกว่า 7 ชั่วโมง ทั้งที่ประเทศเวียดนามมีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งในระบบมากถึง 80,704 เมกะวัตต์ ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 45,434 เมกะวัตต์ สะท้อนถึงปัญหาความมั่นคงระบบไฟฟ้าและคุณภาพไฟฟ้าของเวียดนามที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต ความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล

ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/392968/

ภาคธุรกิจ สปป.ลาว-จีน ร่วมส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วมกัน

การประชุมด้านการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงเศรษฐกิจและการค้ากุ้ยหยาง-เวียงจันทน์ จัดโดยสำนักการค้าเทศบาลกุ้ยหยาง ร่วมกับสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติ สปป.ลาว (LNCCI) ซึ่งจัดขึ้น ณ เวียงจันทน์ ด้าน Atsaphangthong Siphandone นายกเทศมนตรีเวียงจันทน์ รวมถึง Manothong Vongxay รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ (MOIC) ของ สปป.ลาว ได้เข้าร่วมและเป็นสักขีพยานในการลงนามส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันกับ Ma Ningyu รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลกุ้ยหยางและนายกเทศมนตรีของกุ้ยหยาง โดยหวังว่าจะเป็นการพัฒนาให้รากฐานอุตสาหกรรมมีความมั่นคง และสร้างความได้เปรียบทางระบบนิเวศที่โดดเด่นกับประเทศในกลุ่มสมาชิก RCEP ที่เป็นตลาดสำคัญสำหรับจีน ผ่านการใช้ประโยชน์บนทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน เป็นช่องทางในการขนส่งสำคัญ ภายใต้โครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 (BRI) เพื่อใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งฐานอุตสาหกรรม และนโยบายที่เอื้ออำนวย รวมถึงการขยายการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_laochina111.php

นายกฯ ฮุน เซน คาดเศรษฐกิจกัมพูชาขยายตัว 5.6% ปีนี้

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 มิ.ย.) ว่า เศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 5.6 ในปี 2023 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.2 ในปี 2022 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้คลี่คลายลง ส่งผลให้ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวภายในประเทศกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ขณะที่ธนาคารโลกได้กล่าวเสริมในระหว่างการอัพเดทภาวะเศรษฐกิจในช่วงเดือนพฤษภาคมว่าเศรษฐกิจของกัมพูชายังคงแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มมีการฟื้นตัวหลังจากที่ทางการจีนได้ผ่อนคลายมาตรการด้านการเดินทาง รวมถึงภาคการเกษตรที่เริ่มเห็นถึงการขยายตัวด้านการส่งออก อีกทั้งข้อตกลงความหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP), ข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) และข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-สาธารณรัฐเกาหลี จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501306466/cambodias-economy-projected-to-grow-by-5-6-pct-this-year-say-prime-minister-hun-sen/

อุปทูตจีนคนใหม่เข้าพบไทยสร้างไทย หารือเรื่องรัฐบาลใหม่ มุ่งสานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ-การค้า

วันที่ 9 มิ.ย.66 Mr. Wu Zhiwu อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และคณะ ได้เข้าพบพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งนำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคฯ โดยได้หารือร่วมกันถึงประเด็นเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ ความร่วมมือไทย-จีน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และเส้นทางสายไหมทางทะเล ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ จากการพูดคุย คุณหญิงสุดารัตน์ให้ความเชื่อมั่นว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ตั้งเป้าหมายในการสร้างบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ โดยยึดหลักการของสหประชาชาติ มุ่งเน้นสันติภาพถาวร และประโยชน์จากทำเลที่ตั้งเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของโลก โดยหลังจากเริ่มต้นโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) เมื่อปี 2556 มี 149 ประเทศ และ 32 องค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วม ส่งผลให้ปริมาณการค้าระหว่างจีนและประเทศบนเส้นทาง BRI มีมูลค่าสะสมถึง 11 ล้านล้านดอลลาร์ มีการลงทุนโดยตรงกว่า 161.3 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ จีนถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยกว่าทศวรรษ โดยในปี 2565 มีมูลค่าการค้า 105,404.29 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.53 แม้จะอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ก็ตาม ในขณะที่การค้าระหว่างอาเซียน-จีนในปี 2564 มีมูลค่ากว่า 660,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.04

ที่มา : https://www.naewna.com/politic/736440

“THG” อัดงบ 170 ล้านบาท รุกลงทุนธุรกิจคลินิกในเวียดนาม

นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ และ Ms.Nguyen Thi Mai และ คุณวรศักดิ์ มานิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมิตรไมตรีการแพทย์ จำกัด ร่วมพิธีลงนามข้อตกลงการพัฒนาคลินิกสุขภาพในเวียดนาม ด้วยมูลค่ากว่า 170 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการลูกค้าที่มีฐานะสูงในเวียดนาม ตลอดจนมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีความสนใจในการดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย ทั้งนี้ นพ. ธนาธิป ศุภประดิษฐ์. ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (THG) กล่าวว่ากลุ่มลูกค้าเวียดนามที่มีกำลังซื้อสูง เล็งมองหาการให้บริการทางการแพทย์โดยหมอไทย และเวียดนามยังเป็นตลาดการแพทย์ที่มีแนวโน้มสดใส พร้อมกับเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัท THG คาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากโครงการดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 20% โดยมีระยะเวลาคืนทุน 4.5 ปี

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/business/2588951/thg-invests-in-vietnam-clinic

กัมพูชา-เวียดนาม ลงนามข้อตกลงส่งเสริมการค้าระหว่างกัน

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา Pan Sorasak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนาย Nguyen Hong Dien รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเวียดนาม ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากทั้งสองกระทรวงเข้าร่วมในพิธีลงนาม ซึ่งการลงนามในข้อตกลงส่งเสริมการค้าในระดับทวิภาคีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมระหว่างประเทศ และคาดว่าข้อตกลงนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รวมถึงจะเป็นการส่งเสริมการลงทุน และเพิ่มการค้าทวิภาคีในระยะถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสินค้าและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งทั้งสองประเทศพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้าทวิภาคีระหว่างกันในทุกมิติ สำหรับการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 2,430 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501301992/cambodia-vietnam-sign-trade-enhancement-pact/

อัตราการจ้างงานกัมพูชาพุ่งแตะ 99.3% พุ่งติดอันดับโลก

อัตราการจ้างงานของกัมพูชายังคงแข็งแกร่ง ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 99.3 ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการจ้างงานที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรายงานโดย Ith Samheng รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพ ในขณะเขาร่วมงานกับสำนักงานจัดหางานแห่งชาติ (NEA) โดยเป็นประธานในการบรรยายเรื่อง “ตลาดแรงงานและการพัฒนาเศรษฐกิจ” ณ Royal School of Administration ซึ่งกระทรวงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการพัฒนาตลาดแรงงาน เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคม ผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และนโยบายระดับชาติที่สำคัญที่กำหนดโดยรัฐบาล

ด้าน Vichet Lor รองประธานสมาคมการค้าชาวจีนในกัมพูชา ระบุเสริมว่า แรงงานโดยส่วนใหญ่ของกัมพูชาเป็นคนวัยหนุ่มสาวที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี คิดเป็นกว่าร้อยละ 65 ของประชากรในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501301991/cambodias-99-3-job-rate-among-worlds-best/

เศรษฐกิจ “ค้าชายแดน-ผ่านแดน”ฟื้นดันส่งออกโต1.49แสนล้าน

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนเมษายน 2566 มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดน 149,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.17% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกผ่านแดนไปจีนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน (178.23%) คิดเป็นมูลค่า 33,341 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนและผ่านแดน เดือนเมษายน 2566 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 149,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.17% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 90,783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.30% และการนำเข้ามูลค่า 59,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.57% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสิ้น 31,755 ล้านบาท    ทั้งนี้สาเหตุที่การค้าผ่านแดนและชายแดนขยายตัวต่อเนื่องมาจากเศรษฐกิจการค้าชายแดนและผ่านแดนกลับมาฟื้นตัวและมีการเปิดด่านมากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยว คู่ค้า สามารถเดินทางเข้าออกได้สะดวกมากขึ้น

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/economy/566706