นำเข้ารถ 10 ประเทศ อาเซียนฉลุย MOU ใช้มาตรฐานเดียวตรวจสอบ

สถาบันยานยนต์เดินหน้าขานรับ ข้อตกลง “APMRA” การตรวจสอบรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน เตรียมความพร้อมพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หวังรองรับปริมาณงานตรวจและทดสอบที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ของศูนย์ทดสอบยานยนต์และศูนย์ทดสอบยางล้อ โดยผู้อำนวยการ สถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยได้บรรลุข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Type Approval for Automotive Products : APMRA) และได้มีการลงนามในข้อตกลงครบทั้ง 10 ประเทศแล้วเมื่อ วันที่ 16 มกราคม 2564 ซึ่งประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้ เนื่องจากมีความพร้อมในการผลิต ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์หลายประเภท และเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน สำหรับข้อตกลงยอมรับร่วม APMRA เป็นข้อตกลงที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกยอมรับผลการตรวจสอบรับรองจาก technical service ที่ได้รับการแต่งตั้ง จากคณะกรรมการยานยนต์อาเซียน (ASEAN Automotive Committee : AAC) ที่อยู่ภายใต้คณะทำงานด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วน (Automotive Products Working Group : APWG) และนำผลการตรวจสอบรับรองไปใช้ในการจดทะเบียนหรือขออนุญาตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยานยนต์หรือชิ้นส่วนยานยนต์ ในท้องตลาด กับหน่วยควบคุมกฎระเบียบ ของประเทศสมาชิกโดยไม่มีการตรวจหรือทดสอบซ้ำ

ที่มา : นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 1 – 4 เม.ย. 2564

Moody’s รายงานการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งของกัมพูชา

ฝ่ายบริการนักลงทุนของ Moody’s ประกาศถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ 6 ประเทศ ในกลุ่มอาเซียนรวมถึงกัมพูชา โดยในรายงานภายในอาเซียนฉบับเดือนมีนาคมสถาบันจัดอันดับของสหรัฐฯกล่าวว่าแนวโน้มด้านเครดิตเรตติ้งของกัมพูชายังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับ B2 โดยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่จัดเครดิตเรตติ้งอยู่ที่ Baa2, มาเลเซียถูกจัดอยู่ในอันดับ A3, สิงคโปร์ Aaa และไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ Baa1 ในขณะเดียวกันสำหรับ สปป.ลาว ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ Caa2 ซึ่งถือเป็นเรตติ้งที่อยู่ในทิศทางลบ จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนสำหรับเวียดนามอยู่ที่อันดับ Ba3

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50831628/moodys-says-outlook-stable-for-cambodias-credit-rating/

สถานการณ์โลจิสติกส์กัมพูชาหลังการประชุมด้านการขนส่งอาเซียนครั้งที่ 40

แม้กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนจะได้มีการลงนามข้อตกลงด้านการขนส่งแล้ว 4 ฉบับภายในภูมิภาคเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันส่งผลทำให้การดำเนินการตามกรอบข้อตกลงล่าช้าเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยกรอบข้อตกลงเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าระหว่างกัมพูชาและไทยตกลงที่จะกำหนดให้มีรถบรรทุกผ่านแดนจำนวน 150 คันต่อประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนและเป็นการเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งในการประชุมคณะทำงานอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งอาเซียนครั้งที่ 40 โดยเน้นที่สถานการณ์ปัจจุบันของการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างประเทศต่างๆในภูมิภาค รวมถึงการฟื้นฟูการขนส่งในภูมิภาคของประเทศสมาชิกอาเซียน ไปจนถึงการทบทวนข้อเสนอแนะและแนวทางในการปฏิบัติด้านการขนส่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50831298/logistics-transportation-scrutinised-at-40th-asean-meeting/

นายกฯ ประชุมคกก.ดิจิทัลนัดแรก มุ่งพัฒนาสู่ดิจิทัลไทยแลนด์-ดิจิทัลอาเซียนเต็มรูปแบบ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาต่างๆของประเทศ โครงสร้างดิจิทัลพื้นฐานเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งวันนี้เดินหน้าไปสู่ 5G ที่ผ่านมารัฐบาลวางโครงการอินเตอร์เน็ตประชารัฐทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบายเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงานทุกภาคส่วน นำมาสู่การเป็นดิจิทัลไทยแลนด์และดิจิทัลอาเซียนเต็มรูปแบบตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3210753

นายกฯ ปลื้มโครงสร้างพื้นฐาน 5 จี ไทยอันดับ 1 ในอาเซียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) ว่าวันนี้เป็นการประชุมดีอีเอส หารือเกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์แผนแม่บทต่างๆ ในการดำเนินการแผนต่างๆ ซึ่งวันนี้ก็มีความก้าวหน้าโดยจากการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลของประเทศ การใช้ประโยชน์จากดิจิทัลในเรื่องของการบริหารจัดการหลายๆอย่าง เพื่อให้สะดวกต่อการให้บริการประชาชน และเพื่อเป็นการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐบนฐานข้อมูลเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบคลาวด์ (Cloud) หรืออะไรต่างๆ ก็ได้มีการหารือกันในที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว ที่จะต้องดำเนินเดินหน้าต่อไป โดยถือเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล ในการดำเนินการในฐานะเป็นผู้กำหนดนโยบายลงไปยังกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่เราเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน 5 จี

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/97130

‘กรมเจรจาฯ’ ลงใต้หนุนสินค้าช้างเผือกปัตตานี ใช้ประโยชน์จาก FTA เจาะตลาดอาเซียน

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี พบผู้ประกอบการสินค้าศักยภาพ ทั้งประมงพื้นบ้าน ทอผ้า และเลี้ยงปลาสลิด แนะพัฒนาผลิตภัณฑ์ ยกระดับสินค้าเฉพาะถิ่น ชี้! โอกาสเจาะตลาดอาเซียนสูง โดยเฉพาะประเทศแถบชายแดนใต้ อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย พร้อมชี้ช่องใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออกเพิ่มเพื่อเพิ่มแต้มต่อทางการค้าและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าไทย การลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้ทราบถึงความสามารถในการผลิตสินค้าท้องถิ่นที่มีศักยภาพ โดยกรมฯ ได้ให้ข้อมูลและองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ ทั้งเรื่องกฎระเบียบทางการค้าระหว่างประเทศ การจัดทำแผนธุรกิจ การตลาด และด้านบุคลากร พร้อมทั้งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการท้องถิ่นให้มีมาตรฐานเทียบเคียงต่างประเทศ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/beco/3208192

กัมพูชาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีในเมียนมา

โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาได้กล่าวถ้อยแถลงแสดงถึงความสนับสนุนของกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาวิกฤตในเมียนมาอย่างสันติ โดยในฐานะเพื่อนและสมาชิกของประชาคมอาเซียนกัมพูชาก็เช่นเดียวกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประชาคมอื่น ๆ ซึ่งได้ร่วมติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดและเสียใจกับความรุนแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิต รวมถึงในขณะที่กัมพูชาเคารพหลักการสำคัญในการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก กัมพูชาได้ให้การสนับสนุน ถ้อยแถลงของประธานอาเซียนเกี่ยวกับการพัฒนาในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่ออกเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2021 และ ถ้อยแถลงของประธานเกี่ยวกับการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2021 ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤตในเมียนมาอย่างสันติวิธี โดยกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือเมียนมาบนเส้นทางสู่ภาวะปกติในทุกบทบาทและในรูปแบบใด ๆ ก็ตามที่สอดคล้องกับหลักการของกลุ่มสมาคมอาเซียน และให้เป็นที่ยอมรับของทุกคน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50822768/cambodia-supports-peaceful-solution-to-current-crisis-in-myanmar/

มณฑลจื้อเจียงรุกจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ เร่งดันไทยเป็นประตูการค้าบุกอาเซียน

สำนักงานพาณิชย์แห่งมณฑลจื้อเจียงจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ 2021 Zhejiang Export Online Fair (Thailand ? Hardware &Electromachanical) ฝ่าวิกฤติโควิด-19 โดยตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าในการขยายตลาดอาเซียน ภายหลังความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP มีผลบังคับใช้งาน 2021 Zhejiang Export Online Fair (Thailand – Hardware&Electromachanical Products) ได้รับความสนใจจากบริษัทผู้ผลิตชั้นนำด้านเครื่องจักร เครื่องมือกล และอุปกรณ์ จากมณฑลจื้อเจียงกว่า 40 บริษัท ที่มองหาพันธมิตรและคู่ค้าในประเทศไทย นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในรูปแบบออนไลน์แล้ว ยังมีการเจรจาธุรกิจออนไลน์ผ่านโปรแกรมซูมกับผู้ประกอบการไทยตลอดระยะเวลา 5 วันของการจัดงาน โดยคาดว่าจะมีการประชุมเจรจาธุรกิจออนไลน์ไม่ต่ำกว่า 200 รอบ และนำไปสู่มูลค่าการซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านดอลลาร์ภายหลังการลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ได้นำไปสู่การลดภาษีของสินค้ากว่า 90% เป็นศูนย์ ซึ่งเอื้อประโยชน์ทางการค้าระหว่างจีนและอาเซียนเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันมูลค่าการค้าอาเซียน-จีนมีมูลค่าเกือบ 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนเป็นเกือบ 60% ของการค้าในภูมิภาคเอเซีย และ 13% ของมูลค่าการค้าโลก ซึ่งถือได้ว่าเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากสหภาพยุโรป และ เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำหรับการเปิดประตูสู่การค้ากับประเทศสมาชิกอาเซียนได้เป็นอย่างดี

  ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3207095

รมต.อาเซียน เร่งแผนฟื้นศก.หลังโควิด เน้นลดอุปสรรค-ขยายบัญชีสินค้าจำเป็น-เตรียมการค้าดิจิทัล

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 27 ที่ประชุมเห็นชอบแผนดำเนินการสำคัญทางเศรษฐกิจของอาเซียน (Priority Economic Deliverable: PED) ตามข้อเสนอของบรูไนดารุสซาลาม ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ภายใต้แนวคิด “We share, We prepare, We prosper” ซึ่งมียุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการฟื้นฟู อาทิ การจัดทำเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ของประเทศสมาชิกอาเซียน การจัดทำแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการประกาศเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา 2) ด้านการเป็นดิจิทัล อาทิ การจัดทำแผนงานเพื่อดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ปี 2564 – 2568 และ 3) ด้านความยั่งยืน อาทิ การจัดทำกรอบการส่งเสริมผู้ผลิตรายย่อย สหกรณ์ และ MSMEs ของอาเซียน ในด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ การจัดทำกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนของอาเซียน นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูของอาเซียนภายหลังโควิด-19 เน้นการลดอุปสรรคการค้า เชื่อมโยงสินค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะตกลงขยายบัญชีสินค้าจำเป็นเพิ่มเติมจากยาและเวชภัณฑ์ เพื่อไม่ให้มีข้อจำกัดด้านการไหลเวียนของสินค้าที่จำเป็นในช่วงโควิด-19 การเร่งเตรียมความพร้อมด้านการค้าดิจิทัล และหาทางให้อาเซียนขยายความสำคัญของการอยู่ในห่วงโซ่มูลค่าโลก (Global Value Chain)

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3205639

ต่างประเทศ – อาเซียนจี้พม่าเปิดคุย-หยุดโหด

วันที่ 2 มี.ค. เอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มประเทศอาเซียนมีแนวโน้มจะกดดันคณะรัฐประหารของเมียนมาให้หยุดปราบปรามผู้ประท้วงอย่างนองเลือด หลังจากการปราบปรามเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ. มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย หลังจากสหประชาชาติประณาม อาเซียนถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างยาวนานกรณีนิ่งเฉยไม่ทำอะไรในยามเผชิญวิกฤต เพราะยึดติดกับหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของสมาชิก กระทั่งสิงคโปร์ ชาติที่ลงทุนใน เมียนมามากที่สุดเริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลัง นายวิเวียน บาลากริชนัน รมว.การต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวต่อรัฐสภาว่าการใช้กำลังอย่างรุนแรงต่อพลเรือนดังกล่าวน่าตกใจอย่างยิ่ง เราเรียกร้องให้ทหารเมียนมาอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด ขณะเดียวกันกระตุ้นให้เมียนมาหวนสู่เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย สำหรับเวทีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการวันที่ 2 มี.ค. แหล่งข่าวจากนักการทูตเผยว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหลายคนมีแนวโน้มที่จะขอให้ทหารเมียนมาหยุดความรุนแรง หยุดทำร้ายประชาชน โดยอาเซียนจะขอให้กองทัพพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี ผู้นำเมียนมาด้วย

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/newspaper/newspaper-inside-pages/news_6059441