เวียดนามเผยเกินดุลการค้าประมาณ 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนของปีนี้

จากรายงานประจำเดือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ย. เวียดนามเกินดุลการค้าราว 16.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาคการลงทุนในประเทศมียอดขาดดุลการค้าถึง 10.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาข้างต้น ในขณะที่ ภาคการลงทุนจากต่างประเทศมียอดเกินดุลการค้า 27.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ภาคการลงทุนในประเทศยังคงเป็นแรงสนับสนุนทางการค้าที่โดดเด่นของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการส่งออก 71.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.4 ของมูลค่าส่งออกรวม อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ย. มูลค่าการส่งออกของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 27.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ประมาณ 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ ช่วง 9 เดือนของปีนี้ เวียดนามส่งออกสินค้า 30 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อชิ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93.1 ของมูลค่าการส่งออกรวม

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-trade-surplus-expands-to-nearly-us17-billion-in-9-month-314349.html

เวียดนามเผยเงินเฟ้อเดือนก.ย.ชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 5 ปี เหลือ 0.12%

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้วและร้อยละ 0.01 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559-2563 ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ 6 ใน 11 รายการที่มีผลต่อเงินเฟ้อ ชี้ให้เห็นถึงราคาในกลุ่มการศึกษาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน CPI ในไตรมาสที่สาม ขยายตัวร้อยละ 3.81 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ราคาทองคำในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดไปยังทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในเดือนก.ย.ลดลงร้อยละ 0.33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.37 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.และร้อยละ 30.33 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-september-inflation-slows-to-5-year-low-at-012-314350.html

INFOGRAPHIC : เวียดนามเผยเม็ดเงินลงทุน FDI 21.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) อยู่ที่ประมาณ 21.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 18.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน) แบ่งออกเป็น 1,947 โครงการใหม่ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 10.36 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ, 798 โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนต่ำกว่า 5.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 5,172 โครงการที่มาจากการซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติด้วยมูลค่ารวม 5.73 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นักลงทุนต่างชาติอัดฉีดเงินทุนไปยังภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปมากที่สุด ด้วยมูลค่าราว 9.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.7 ของเงินลงทุนรวม รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า แก๊สและน้ำ มูลค่ามากกว่า 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (20.3% ของเงินลงทุนรวม), ภาคอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าราว 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (15.1% ของเงินลงทุนรวม), การค้าปลีกค้าส่งและซ่อมยานยนต์ มูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (6.1% ของเงินลงทุนรวม) และภาคอื่นๆ ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-reaching-212-billion-usd-in-first-nine-months/187681.vnp

เวียดนาม, ไทยจะก้าวเป็นผู้ผลิตแล็ปท็อปชั้นนำของโลก

สำนักข่าวญี่ปุ่น Nikkei Asian Review ได้อ้างรายงานของ Market Intelligence & Consulting Institute (MIC) กล่าวว่าในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะผลิตแล็ปท็อปครึ่งหนึ่งของโลกในปี 2573 โดยคาดว่าเวียดนามและไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญของภูมิภาค สำหรับบทความดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงต้นทุนแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้นในจีน ประกอบกับทั่วโลกต้องการที่จะลดการพึ่งพามากเกินไปในภูมิภาคเดียวและปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงก็ตกไปอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ในปี 2562 ตลาด PC ทั่วโลกที่มีจำนวนอยู่ที่ 160 ล้านชิ้น ซึ่งกว่าร้อยละ 90 มาจากจีน และส่วนใหญ่จะผลิตสินค้าในไต้หวัน ในขณะที่ มีเพียงส่วนน้อยที่ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น ระบุว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้กระตุ้นให้เกิดการสื่อสารทางไกลและเรียนออนไลน์มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ความต้องการคอมพิวเตอร์ ‘Chromebook’ ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

 ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-thailand-to-emerge-as-leading-laptop-producers-781897.vov

เวียดนามเผยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังเป็นเป้าสำคัญของเงินทุนจากต่างชาติ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) ระบุว่าปริมาณเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามายังเวียดนาม ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 20 ก.ย. อยู่ที่ 21.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนเงินทุนดังกล่าว มาจากการเบิกจ่ายของนักลงทุนต่างชาติ 13.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ 1,947 โครงการใหม่ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 10.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.6 ในแง่ของมูลค่า และร้อยละ 29.4 ในแง่ของจำนวนโครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นที่สนใจมากที่สุดของนักลงทุนต่างชาติ ด้วยมูลค่า 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.6 ของเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า, ภาคอสังหาริมทรัพย์และการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ นอกจากนี้ ในบรรดา 111 ประเทศทั่วโลกที่ลงทุนมายังเวียดนาม พบว่าสิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยมูลค่า 6.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 ของเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาเกาหลีใต้, จีน, ญี่ปุ่น, ไทยและไต้หวัน เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-capital-still-heads-to-manufacturing-processing/187665.vnp

เอสแอนด์พี คาดเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเร็วที่สุด เป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิก

จากรายงานของ S&P Global Ratings เปิดเผยว่าเวียดนามอาจเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดอันดับ 2 ในเอเชีย-แปซิฟิก รองจากจีน ซึ่งทางสถาบันได้ปรับลดการเติบโตของ GDP เวียดนาม อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ในปีนี้ จากเดิมร้อยละ 1.2 “เศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ดี เป็นผลมาจากการค้าโลกที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่ ภาคการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ดิ่งลงหายไป” ในภาพรวมแล้ว เวียดนามจะเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำที่ฟื้นตัวหลังจากโควิด-19 และคาดว่าในปี 2564 GDP จะโตสูงถึงร้อยละ 11.2 สูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2563 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.5 จากเดิมร้อยละ 1.8 เพราะว่าอุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่งเกินคาดไว้ในระดับปานกลาง

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-economy-likely-second-fastest-growing-in-asia-pacific-sp-global-ratings-314323.html

รัฐมนตรีการค้า เผย GDP เวียดนามโต 300% จากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ

นาย Tran Tuan Anh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม กล่าวว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามและปริมาณการค้า จะเติบโตสูงถึงร้อยละ 300 และ 350 ตามลำดับ เนื่องจากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และได้กล่าวเพิ่มเติมว่าข้อตกลง FTA ที่ลงนามได้ช่วยให้ขยายตลาดและกระจายไปยังตลาดส่งออก-นำเข้า รวมถึงพัฒนาบริการทางการเงินให้ดีขึ้นจากการสนับสนุนของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนของปีนี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ราว 337.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 175.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้า 161.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ผลประโยชน์จากการเข้าร่วมกับกลุ่มเศรษฐกิจ ช่วยให้เวียดนามเปิดกว้างทางการลงทุนได้อีกมากและยกระดับสภาพแวดล้อมในการลงทุน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวแก่นักลงทุนและธุรกิจต่างชาติ

ที่มา : https://vnexplorer.net/gdp-grows-by-300-thanks-to-active-economic-integration-trade-minister-says-a202099878.html

เวียดนามเผย FTA เป็นกุญแจสำคัญในการหาตลาดใหม่

ข้อตกลงการค้าเสรี หรือเรียกอีกชื่อว่า FTA มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการค้าและการดำเนินธุรกิจ รวมถึงช่วยให้สินค้าและบริการของเวียดนามไปยังตลาดใหม่ๆ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ปัจจุบันมีสมาชิก 11 ประเทศ ซึ่งมูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามกับสมาชิกดังกล่าว ในปี 2562 อยู่ที่ 77.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายและปัญหาหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไขก่อนลงนาม FTA ได้อย่างเต็มศักยภาพ ยกตัวอย่างเช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าธุรกิจเกษตรส่วนใหญ่ของเวียดนามยังคงเน้นการส่งออกจำนวนมาก ที่ไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพเท่าไรนักก็ต่อเมื่อไม่กระทบต่อความสามารถทางการแข่งขัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ธุรกิจได้รับความเสี่ยงที่จะไม่ผ่านมาตรฐานการนำเข้าของกลุ่มประเทศ นอกจากนี้ จีน อินเดียและกลุ่มประเทศในอาเซียน ยังผลิตสินค้าและบริการที่คล้ายคลึงกันหรือในบางกรณีที่แข่งขันโดยตรงกับสินค้าของเวียดนาม ในขณะที่ ข้อตกลงการค้าเสรี ‘CPTPP’ และ ‘EVFTA’ ถือเป็นก้าวสำคัญของเวียดนามในการดำเนินงานระดับโลกและการพัฒนาของประเทศ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/772719/ftas-key-to-help-find-new-markets.html