สนง.สถิติเวียดนาม เผย CPI เดือนก.พ. ลดลง 0.17%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงร้อยละ 0.14 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว เนื่องมาจากความต้องการสินค้าลดลง หลังจากช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ (เต็ด), ราคาน้ำมันที่ลดลง และการระบาดของไวรัสโควิด-19 จากการแพร่ระบาดไวรัสดังกล่าวส่งผลให้กิจกรรมของภาคการท่องเที่ยวและเทศกาลลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจโรงแรมและบริการด้านความบันเทิง ซึ่งกลุ่มสินค้าและบริการ 11 รายการที่อยู่ในตะกร้าสินค้า โดยมีสินค้า 6 รายการที่ราคาลดลงทำสถิติ ได้แก่ บริการขนส่ง (2.5%), การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, เครื่องดื่มและบุหรี่, เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า, วัสดุที่อยู่อาศัยและบริการโทรคมนาคมและไปรษณีย์ ขณะเดียวกัน กลุ่มสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ บริการจัดงานเลี้ยง (0.26%), สินค้าและบริการอื่นๆ, แพทยศาสตร์และบริการทางการแพทย์, เครื่องใช้ในครัวเรือนและการศึกษา ทั้งนี้ ราคาทองคำในเดือน ก.พ. เคลื่อนไหวตามราคาทองคำโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 จากเดือน ม.ค. ที่แตะระดับราว 4.45 ล้านดองต่อตำลึง สาเหตุมาจากนักลงทุนย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะผลกระทบที่ไวรัสโควิด-19 มีผลต่อเศรษฐกิจ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราดองต่อดอลลาร์สหรัฐ ยังคงอยู่ในระดับคงที่ อยู่ที่ 23,300 ดอง/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.17 จากเดือน ม.ค.

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/february-cpi-falls-by-017-percent-410755.vov

เจาะตลาดเวียดนาม 5 ช่องทางการขายที่คุณต้องรู้

โดย IH DIGITAL

เวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วยประชากรกว่า 90 ล้านคนและส่วนใหญ่ก็เป็นหนุ่มสาววัยทำงานที่กำลังช่วยพัฒนาประเทศ แน่นอนว่าด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจ ย่อมทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของชาวเวียดนามเพิ่มมากขึ้นและต้องมีนักลงทุนที่อยากไปเจาะตลาดเวียดนาม ทั้ง 5 ช่องทางนี้ เหมาะกับผู้ประกอบการ ดังนี้

  1. ใช้ผู้แทน/ตัวแทนจำหน่าย เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ที่มีประสบการส่งออกน้อย ควรเลือกใช้ตัวแทนจำหน่าย (Distributor)
  2. เปิดร้านค้าใน E-Commerce เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการขายของออนไลน์เป็นอย่างดี เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมในเวียดนาม ได้แก่ Lazada, Shopee, TIKI, LOTTE, Sendo.VN
  3. เปิดร้านค้าผ่าน Social Media คล้ายกันกับข้อที่ 2 – ผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังไม่เชี่ยวชาญในด้าน E-Commerce สามารถขายได้บนช่องทาง Social Media โดยแพลทฟอร์มที่ได้รับความนิยมในเวียดนามคือ FACEBOOK และ Instagram
  4. การส่งออก สำหรับบริษัทขนาดใหญ่หรือผู้ที่มีประสบการณ์การส่งออกสูง
  5. ก่อตั้งบริษัทการค้า เหมาะสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีภาพลักษณ์ของแบรนด์มั่งคงและน่าเชี่อถือในตลาดเวียดนาม

แต่อย่างไรก็ตาม แผนการตลาดเป็นปัจจัยสำคัญมาก ผู้ประกอบการอาจเลือกการโปรโมทสินค้าด้วยการแจก หรือให้ส่วนลดพิเศษต่าง ๆ ที่ดูฮาร์ดเซลส์ เมื่อเข้าสู่ตลาดเวียดนามในระยะแรก ส่วนในระยะยาวอาจใช้โฆษณา ป้ายประกาศ หรือช่องทางออนไลน์เพื่อให้คนเวียดนามจดจำตัวสินค้าและซื้อมาบริโภค  “สิ่งที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะพลาดคือไม่ได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับแผนการตลาด”

ที่มา : https://www.ihdigital.co.th/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-5-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97/

ภาคเกษตร ป่าไม้และประมง เกินดุลการค้า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้

ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ภาคเกษตร ประมงและประมงเวียดนาม มียอดเกินดุลการค้ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงอยู่ที่ 5.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.8 ขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงอยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตลาดส่งออกสินค้าเกษตร ป่าและประมงรายใหญ่ของเวียดนาม คือ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและอาเซียน ทั้งนี้ ทางกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) ระบุว่าได้ทำการประสานงานกับหนวยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการค้าในตลาดใหม่และกระตุ้นยอดขายในประเทศ ขณะเดียวกัน คาดว่ายอดส่งออกสินค้าดังกล่าวในปี 2563 อยู่ที่ 41.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าภาคการเกษตร ป่าไม้และประมง ขยายตัวร้อยละ 2.01 ในปี 2562

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/agro-forestry-fishery-sector-runs-trade-surplus-in-two-months/169295.vnp

การลงทุนจากต่างชาติลดลง 23.6% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่ายอดการลงทุนจากต่างชาติลดลงร้อยละ 23.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 6.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการลงทุนจากต่างชาติมีการเบิกจ่ายเงินทุน 2.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5 โดยโครงการใหม่มีจำนวน 500 โครงการที่จดทะเบียน ด้วยมูลค่าจดทะเบียนรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนมีจำนวนอยู่ 151 โครงการ ด้วยเงินทุน 638.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นในธุรกิจเวียดนามอยู่ที่ 827.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญร้อยละ 84 ซึ่งภาคการผลิตพลังงานมีการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด รองลงมาภาคการแปรรูปและการผลิต ค้าส่งค้าปลีก และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด รองลงมาจีน และเกาหลีใต้ เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-investment-falls-23-6-percent-in-first-two-months/169297.vnp

ยอดขายรถจักรยานยนต์เวียดนามสูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน

ถึงแม้ว่ายอดขายรถจักรยานยนต์เวียดนามติดอยู่ในอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียน เมื่อปีที่แล้ว แต่ความต้องการในประเทศกลับลดลงเมื่อเทียบกับการเติบโตของภูมิภาคใกล้เคียงกัน โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาด เปิดเผยว่าเวียดนามมียอดขายอยู่ที่ 3.27 ล้านคัน เป็นรองอินโดนีเซียที่มียอดขายเพียง 6.53 ล้านคัน สำหรับยอดขายในประเทศนั้น ลดลงร้อยละ 3.7 ในปี 2561 ขณะที่ ยอดขายในภูมิภาคอาเซียนขยายตัวร้อยละ 3.1 เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอินโดนีเซียและมาเลเซีย  เมื่อจำแนกเป็นยี่ห้อรถจักรยานยนต์ พบว่าฮอนด้าทำสถิติยอดขายสูงสุดอยู่ที่ 2.57 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และยังคงครองผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ เวียดนามติดอยู่ในอันดับที่ 4 ที่มีการบริโภครถจักรยานยนต์ ตามมาด้วยอินเดีย จีนและอินโดนีเซีย ตามลำดับ เป็นต้น นอกจากนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม ระบุว่าตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามยังคงเติบโต ถึงแม้คาดว่าในครั้งก่อน ตลาดจะอยู่ในช่วงอิ่มตัว ด้วยข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานและภาษีที่สูง แต่พบว่ายังมีความความต้องการสินค้าประเภทนี้อยู่และข้อจำกัดของรถยนต์ ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯมองว่าตลาดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า ซึ่งยอดขายชะลอตัวอยู่ที่ราว 3 – 3.5 ล้านคันต่อปี

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnams-motorbike-sales-second-highest-in-asean-410556.vov

ไทยตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กจากเวียดนาม

หน่วยงานกำกับดูแลมาตรการค้าของเวียดนาม (TRAV) ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าประเทศไทยเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กของเวียดนาม ในอัตราร้อยละ 6.79 -51.61 ของราคาสินค้ารวมค่าประกันภัยและค่าระวาง (CIF) สำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กจากเวียดนาม ซึ่งทางสำนักงานการค้าเวียดนามในไทยได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสรุปการพิจารณาการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กและท่อเหล็กกล้าที่มีแหล่งกำเนิดจากเวียดนาม (HS Code 169) เนื่องจากปกป้องภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเรื่องการทุ่มตลาด ดำเนินเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่ถูกนำมาใช้เป็นเวลาสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และสมาชิกสามารถดำเนินการตรวขสอบได้ทุกๆปี ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลมาตรการค้าของเวียดนามให้คำแนะนำผู้ประกอบการส่งออกชาวเวียดนามในการทบทวนหลักฐาน เพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องและได้รับผลประโยชน์

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/thailand-imposes-antidumping-duty-on-vietnamese-steel-products-410542.vov

ผู้ค้าออนไลน์เร่งปรับราคาหน้ากากและเจลล้างมือ

จากข้อมูลของสำนักงานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่ามีการละเมิดในเว็บไซค์อีคอมเมิร์ซ ได้แก่ Sendo, Shopee, Lazada, Tiki, chotot, vatgia และ fado เป็นต้น ผู้ขายออนไลน์ถูกกล่าวหาว่าใช้ผลประโยชน์จากการแพร่ระบาดชองไวรัสโคโรนา ในการปรับขึ้นราคาสินค้าอนามัย ซึ่งทางสำนักงานระบุว่าได้ดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านค้าขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ตั้งราคาสูงมากเกินไป เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตรวจสอบผู้ขายออนไลน์ทั้งหมด 463,865 ราย พบว่ามีผู้ละเมิด 5,200 รายที่เพิ่มราคาสินค้า 21,000 ชิ้น ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนม.ค. สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 2,600 ราย และจำนวนผู้ติดเชื้อราว 79,000 ราย ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในท้องถิ่นและความต้องการของสินค้าสุขอนามัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลของกันตาร์ เวิล์ดพาแนล (Kantar Worldpanel) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์และบริการจัดส่ง มองว่าการเติบโตฐานลูกค้าและการมใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้แรงหนุนจากความสนใจของผู้ซื้อรายใหม่ที่ยังไม่เคยซื้อของออนไลน์หรือการใช้จ่ายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/online-sellers-fined-for-hiking-prices-of-face-masks-hand-sanitiser/169152.vnp