‘เวียดนาม’ เผย 8 เดือนแรก ทุ่มเงินต่อสู้กับโควิด-19 กว่า 827 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ รัฐบาลเวียดนามใช้เงินราว 18.8 ล้านล้านดอง (827 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะเดียวกัน จำนวนเงินอีก 2.55 ล้านล้านดอง (11.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) ได้รับการจัดสรรจากกองทุนเวียดนาม (VFVC) มีบทบาทสำคัญในการจัดหาวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งนี้ นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์  นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้สั่งให้มีการจัดส่งข้าว 74,300 ตัน เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและโควิด-19 นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ชี้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ส่งผลกระทบต่อรายรับงบประมาณลดลง ขณะเดียวกันกิจกรรมการค้าขายก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

ที่มา : http://hanoitimes.vn/over-827-million-allocated-to-covid-19-fight-in-8-months-318627.html

รัฐบาลกัมพูชาเพิ่มงบประมาณ สำหรับการจัดการปัญหาโควิด-19 เป็น 2 เท่า

รัฐบาลกัมพูชาปรับงบประมาณรายจ่ายสำหรับการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายในการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนภายในประเทศ รวมถึงการให้บริการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างสุดความสามารถ รายงานดังกล่าวถูกนำเสนอโดยกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังได้กำหนดงบประมาณสำหรับการรับมือประจำปี 2021 ไว้ที่ 719 ล้านดอลลาร์ในขั้นต้น ซึ่งต่อมางบประมาณดังกล่าวได้ขยายเป็น 1.454 พันล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน โดยรัฐบาลยังได้เพิ่มงบประมาณในการเยียวยาสำหรับผู้ได้รับผลกระทบหลังรัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์ เป็นจำนวนเงิน 335 ล้านดอลลาร์ รวมถึงโครงการสนับสนุนเงินทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 270 ล้านดอลลาร์ ถูกปรับเป็น 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อเบิกจ่ายภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50912498/govt-doubles-the-budget-for-pandemic-intervention-spending/

รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาลดโครงการการลงทุนภาครัฐ

รัฐบาลกัมพูชากำลังพิจารณาปรับลดจำนวนโครงการการลงทุนสาธารณะภายใต้งบประมาณภาครัฐ เพื่อรักษาเงินทุนสำหรับใช้ในการต่อสู้กับสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ลดรายจ่ายลงเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกว่าเพิ่มเติมว่าหากในกรณีที่จำเป็น โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับอนุมัติบางโครงการอาจจะถูกยกเลิก เพื่อดำรงเงินทุนไว้สำหรับการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 โดยปีที่แล้ว รัฐบาลกัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุนสาธารณะทั้งหมด 629 โครงการ สำหรับปี 2021-2023 ในจำนวนนี้ 203 โครงการที่กำลังดำเนินการอยู่มีมูลค่าโครงการรวม 8.397 พันล้านดอลลาร์ และเป็นโครงการใหม่ 426 โครงการที่ต้องใช้เงินทุนถึง 4.399 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50907215/government-considering-reducing-public-investment-projects/

กองทัพเมียนมา อนุมัติการลงทุนต่างชาติ ผลาญงบประมาณกว่า8.7หมื่นล้าน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน รัฐบาลทหารเมียนมา อนุมัติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( เอฟดีไอ ) หลายโครงการ มีมูลค่ารวมเกือบ 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 87,235.40 ล้านบาท โดยโครงการใหญ่ที่สุดซึ่งมีการอนุมัติ คือ การก่อสร้างโรงงานก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 77,888.75 ล้านบาท ) โดยไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า ประเทศใดได้สัมปทานโครงการดังกล่าว เช่นเดียวกับโครงการอื่นอีก 15 โครงการ ในด้านการเกษตร การผลิต และภาคบริการ ซึ่งไม่มีการระบุชัดเจนว่า ผู้เสนอราคาจากประเทศใดได้รับการอนุมัติ

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/572062

เวิลด์แบงก์เตือนรัฐประหารเมียนมากระทบพัฒนาประเทศ

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา หลังจากกองทัพได้ก่อรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจรัฐบาล โดยเวิลด์แบงก์เตือนว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในเมียนมามีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย และจะสร้างความเสียหายต่อแนวโน้มการพัฒนาประเทศ มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนในเมียนมา ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ของเวิลด์แบงก์และบรรดาพันธมิตร เราได้รับผลกระทบจากการถูกปิดช่องทางการสื่อสารทั้งภายในเมียนมาและกับต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจรัฐบาลเมื่อวานนี้ พร้อมกับควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและผู้นำคนอื่นๆ และได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 ปี โดยกองทัพได้มอบอำนาจการปกครองให้กับนายพลมิน อ่อง หล่าย ขณะที่สัญญาว่าจะจัดการจัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังจากนั้น นอกจากนี้ เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเมียนมา จะลดลงเพียง 0.5% ในปีงบประมาณ 2562/2563 จากระดับ 0.68% ของปีงบประมาณก่อนหน้า อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจเมียนมาอาจหดตัวรุนแรงถึง 2.5% หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงยืดเยื้อ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/920433

กัมพูชาเร่งดำเนินการก่อสร้างถนนโครงการ National Road 10

ถนนแห่งชาติหมายเลข 10 ซึ่งจะเชื่อมโยงพระตะบองกับจังหวัดเกาะกงขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 43.75 และมีกำหนดเปิดให้สัญจรในปี 2023 กล่าวโดยรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง ในระหว่างการเยือนรัฐมนตรีต่างประเทศได้เรียกร้องให้ China Road and Bridge Corp. (CRBC) และ WACC Technical Consulting Co. ดำเนินการก่อสร้างต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานทางเทคนิค โดยถนนมีความยาวกว่า 199 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างจังหวัดพระตะบองกับจังหวัดเกาะกงและผ่านจังหวัดโพธิสัตว์ ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าการก่อสร้างอยู่ที่ 188 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลกัมพูชาเป็นผู้ดำเนินโครงการจากเงินกู้ยืมระยะยาวของจีนร่วมกับงบประมาณของภาครัฐบาลกัมพูชา โดยมีจุดประสงค์ในการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคโดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่าสูงถึง 7.236 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปี 2019 ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50807538/national-road-10-project-construction-on-track/

อียู ให้เงินสนับสนุนอาเซียนเดินหน้าโครงการ Smart Green ASEAN Cities

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้มีมติเห็นชอบความตกลงทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อดำเนินโครงการ Smart Green ASEAN Cities เป็นความตกลงเพื่อแสดงว่าอียูจะสนับสนุนงบประมาณ 5 ล้านยูโร สำหรับการดำเนินโครงการฯเวลา 72 เดือน ที่มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมความเป็นเมืองที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับพลเมืองอาเซียน โดยสนับสนุนให้เมืองต่างๆ ในอาเซียนใช้ประโยชน์จากแนวทางเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้มีสมาชิกอาเซียน 8 ประเทศเข้าร่วมดำเนินโครงการ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และ ไทย โดยตั้งเป้าผลผลิต 3 ข้อ คือ 1.ยกระดับการออกแบบ วางแผน และดำเนินการเพื่อมุ่งสู่เมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะสำหรับเข้าร่วมดำเนินโครงการ 2.เสริมสร้างศักยภาพประเทศเพื่อการพัฒนาเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะ ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างสหภาพยุโรปและอาเซียน และ 3.ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะระหว่างสหภาพยุโรปและภายในภูมิภาคอาเซียน

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/news/2020-732378c251cb42fc3f36615ea1929c94

ปีงบฯ 63-64 เมียนมาตั้งเป้าส่งออกอาหารทะเลทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมียนมาคาดส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 63-64 แม้จะหยุดชะงักจาก COVID-19  ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณ 62-63 ถึง 17% ที่ส่งออกได้ 853 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งสูงสุดในรอบ 20 ปีในเวลานั้น เมียนมาคาดว่าจะมีความต้องการจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งแต่ซาอุดีอาระเบียได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าสินค้าประมงในปี 61  ผลิตภัณฑ์ทางทะเลส่วนใหญ่ส่งออกไปยังไทย จีน และยุโรป เมื่อเดือนที่แล้วท่าเรือของซาอุดีอาระเบียได้ยึดเรือประมงเมียนมาจำนวน 30 ตู้ มูลค่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้เนื่องจากความสับสนในเรื่องศุลกากรและข้อกำหนดของนโยบาย ทั้งนี้กระทรวงเกษตรปศุสัตว์และชลประทานของเมียนมาจะสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในท้องถิ่นและชาวประมงที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากเพื่อเลี่ยงการหยุดชะงัก

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-targets-us1b-marine-exports-fiscal-2020-21.html

รัฐบาลกัมพูชาร่างงบประมาณปี 2021 ลดลงถึง 5 ร้อยล้านดอลลาร์

รัฐบาลกัมพูชาผ่านคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติร่างงบประมาณประจำปีประมาณ 7.62 พันล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2021 โดยร่างงบประมาณประจำปี 2021 ต่อจากงบประมาณประจำปี 2020 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 8.2 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยงบประมาณประกอบด้วยรายจ่ายประจำ 4.36 พันล้านดอลลาร์ และ สำหรับรายจ่ายด้านการลงทุนอีก 3.26 พันล้านดอลลาร์ แต่งบประมาณที่เสนอยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายนมากเมื่อมีรายงานว่ารัฐบาลจะดำเนินการลดงบประมาณแผ่นดินลงเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอันเป็นผลมาจาก COVID-19 ซึ่งงบประมาณปี 2021 เป็นงบประมาณในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและการดำรงชีวิตของประชาชน ตลอดจนทรัพยากรที่มุ่งเน้นเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงหลังวิกฤต COVID-19 โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่าจีดีพีของประเทศจะหดตัวมาอยู่ที่ระดับลบร้อยละ 1.9 ในปีนี้และคาดการณ์ว่าการเติบโตในเชิงบวกจะกลับมาในปี 2021 โดยมีการประมาณการณ์การเติบโตไว้ที่ประมาณร้อยละ 3.5 เปอร์เซ็นต์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50776654/2021-draft-budget-sees-a-half-billion-reduction/

รัฐบาลประหยัดงบประมาณ 1,213 พันล้านกีบจากมูลค่าโครงการที่สูงเกินความจำเป็น

นายกรัฐมนตรีกล่าวกับรัฐสภาว่ารัฐบาลได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการที่มีราคาสูงทั่วประเทศ โดยรวมแล้วจะมีการตรวจสอบโครงการลงทุนของรัฐ 4,601 แห่งมูลค่า 103,187 พันล้านกีบ จนถึงขณะนี้คณะกรรมการได้ตรวจสอบ 672 โครงการด้วยเงินทุนการลงทุน 43,538 พันล้านกีบ ในเรื่องนี้รัฐบาลได้ประหยัดงบ 1,213 พันล้านกีบ ด้วยภาษีที่ค้างชำระ 89.36 พันล้านกีบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนกล่าวว่าการประหยัดงบประมาณหลังจากการตรวจสอบพบว่ามีการลดโครงการบางโครงการ จะลดต้นทุนการลงทุนลง นอกจากนี้พบว่าราคาต่อหน่วยของหลายโครงการมากกว่าร้อยละ 20 สูงกว่าราคาต่อหน่วยที่กำหนดโดยกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น หนึ่งในเหตุผลคือรัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาได้หลังจากที่พวกเขาทำงานเสร็จ ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากธนาคารเพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้นทุนสูงกว่าราคาต่อหน่วย โครงการที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าราคาต่อหน่วยมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องใช้ในการเจรจาเพื่อลดต้นทุน ทั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนในบางโครงการรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานนั้นสูงเกินสมควรดังนั้นรัฐบาลจึงได้เจรจาใหม่และเซ็นสัญญาใหม่กับต้นทุนที่ต่ำลง

ที่มา :http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_saves_127.php