พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อพ.ย. หดตัว 0.44% ต่ำสุดรอบ 33 เดือน คาดปี 67 อยู่ในกรอบ -0.3 ถึง 1.7%

กระทรวงพาณิชย์ เผย เงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ย. หดตัว 0.44% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และ ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน ส่งผลเฉลี่ย 11 เดือน ขยายตัว 1.41% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนพ.ย. ขยายตัว 0.58% ส่งผลเฉลี่ย 11 เดือน ขยายตัว 1.33% พร้อมคาดปี 67 เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.3 ถึง 1.7% จากปีนี้อยู่ระหว่าง 1 – 1.7%

ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=SnhJaE5xVUFjU2M9

‘HSBC’ เผยทิศทางการส่งออกของเวียดนามฟื้นตัวต่อเนื่อง

จากข้อมูลของธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) เปิดเผยว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ การส่งออกของเวียดนามฟื้นตัวได้ดีขึ้น จากในเดือนพฤศจิกายน การส่งออกขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การส่งออกสินค้าสิ่งทอและรองเท้ายังคงซบเซา แต่หากพิจารณาสินค้าอื่นๆ ขยายตัวได้ดีขึ้น ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ (20.2%YoY) และเครื่องจักร (5%YoY) ซึ่งสินค้าเหล่านี้ยังคงมีสัญญาณเชิงบวก

ทั้งนี้ นโยบายวีซ่าของเวียดนามที่มีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม ผลักดันนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤศจิกายน เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวเกินกว่า 1 ล้านคน นับเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายน ลดลงเหลือ 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-continues-to-see-improvement-in-exports-hsbc-2224046.html

‘เวียดนาม’ เผย CPI พ.ย.66 เพิ่ม 3.45%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพฤศจิกายน ปรับตัวขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน (MoM) และ 3.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) สาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อเวียดนามปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ต้นทุนการให้บริการด้านสุขภาพและค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้นในส่วนของท้องถิ่น รวมถึงราคาข้าวในประเทศที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวขึ้น 3.22% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 4.27% โดยสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อของเวียดนามตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาจากต้นทุนของสายการบินและความต้องการในการเดินทางที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ตามมาด้วยค่าเล่าเรียน อาหารและค่าไฟฟ้าของภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 7.35%, 6.67% และ 4.55% ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1637260/november-s-cpi-grows-3-45-per-cent.html

‘ผู้เชี่ยวชาญ’ เผยเศรษฐกิจเวียดนามมีเสถียรภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์โลก

ดร.เหงียน จิ ฮิว นักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทางด้านการเงินและการธนาคาร กล่าวว่าผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เด่นชัดที่สุด คือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่ผู้ส่งออกน้ำมัน เวียดนามขายน้ำมันดิบและนำเข้าน้ำมันสำหรับกระบวนการผลิต ด้วยเหตุนี้เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พลังงาน นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์โลกที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้น ได้ผลักดันราคาสินทรัพย์ปลอดภัย รวมไปถึงทองคำและเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนกระทบต่อเงินด่องเวียดนามให้อ่อนค่าลง โดยปัจจัยเหล่านี้เกิดความยากลำบากในการควบคุมเงินเฟ้อและการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnamese-economy-stable-amidst-geopolitical-instability-2214122.html

‘Fitch Ratings’ มองเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเชิงบวก

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ (Fitch Ratings) คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามปี 2567 ขยายตัวที่ 6.3% และ 7.0% ในปี 2568 ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะกลางยังคงอยู่ในระดับที่ดีและคงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากตัวเลขสถิติของสถาบันจัดอันดับ พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ชะลอตัวลง 4.3% ท่ามกลางอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ รวมถึงปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังยืดเยื้อ นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ และยังส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ที่มา : https://dtinews.dantri.com.vn/en/news/017/86307/fitch-ratings-remains-optimistic-about-vietnam-s-economic-growth.html

ราคาอาหารใน สปป.ลาว ยังมีระดับสูง ส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน แม้อัตราเงินเฟ้อล่าสุดปรับลดลง

แม้อัตราเงินเฟ้อของลาวเดือนกันยายน 2566 ปรับลดลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 25.69% แต่ราคาสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคหลายรายการยังมีราคาที่สูงอยู่ เช่น อาหาร สินค้าด้านสุขภาพ สินค้าด้านการศึกษา และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกระทบต่อค่าครองชีพของหลายครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้นส่วนทางกับรายได้ของครอบครัว ทำให้ผู้บริโภคหลายครัวเรือนในลาวเผชิญกับความยากลำบากในการดำรงชีพ ทั้งนี้ รัฐบาลลาวได้นำเสนอนโยบายและมาตรการหลายอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อสูง รวมถึงการเพิ่มการผลิตภายในประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยว จำกัดการนำเข้าสินค้าที่สามารถผลิตได้ในประเทศ

ที่มา : https://english.news.cn/20231024/8d14428a3ae34f90b9c8d197be24cb0a/c.html

IMF ชี้การส่งออก-ท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สปป.ลาว โต 4% ในปี 2567

IMF คาดการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ปี 2567 แนะให้เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ และการส่งออก เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจลาวที่กำลังตกต่ำกลับมาขยายตัวได้ 4% ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม IMF แนะเพิ่มเติมเรื่องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีระดับสูงมากกว่า 25% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เสียงสะท้อนของประชาชนท้องถิ่นของลาว ได้สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ลดลงและความยากจนที่มีมากขึ้น จากผลของราคาสินค้าที่สูงในขณะที่ค่าจ้างเท่าเดิม อีกทั้งสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดท้องถิ่นล้วนแต่เป็นสินค้านำเข้า

ที่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/imf-growth-forecast-10232023180356.html

รัฐบาล สปป.ลาว สั่งเจ้าหน้าที่รัฐ ‘ลดการเดินทางไปต่างประเทศ’ เพื่อคลี่คลายปัญหาเงินกีบอ่อนค่า

รัฐบาล สปป.ลาว กำหนดมาตรการเพื่อลดจำนวนความต้องการสกุลเงินต่างประเทศ หนึ่งในมาตรการ คือ ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐ ลดการเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ควบคุมราคาสินค้าในตลาดท้องถิ่น ตลอดจนดำเนินการตามวาระระดับชาติในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ความท้าทายอีกประการของรัฐบาลลาว คือ การควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีระดับที่สูง เนื่องจากต้นทุนสินค้าและบริการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังสร้างความยากลำบากเพิ่มเติมในการลดความยากจนของประเทศ

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20231019/fe96906a8c2b485997cd4e092ca24049/c.html

‘รัฐบาล สปป.ลาว’ ขอภาคเอกชนร่วมมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ผู้แทนจากรัฐบาล สปป.ลาว นายกเทศมนตรีนครเวียงจันทน์ และภาคธุรกิจในนครหลวงเวียงจันทน์ร่วมประชุมระดมความคิดหาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่ลาวเผชิญอยู่ ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ สินค้ามีราคาแพง และการอ่อนค่าของเงินกีบ โดยผลการประชุมสรุปว่า ควรเร่งสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการและกลไกการแก้ไขปัญหาให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ทั้งการส่งเสริมให้เกิดการผลิตสินค้าภายในประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับสินค้านำเข้าเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า ส่งเสริมกิจการด้านการท่องเที่ยวให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงรัฐบาลควรออกนโนยบายลดราคาค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน

ที่มา : https://english.news.cn/20231018/ae565798a40548bb9eedba88bc5d26a6/c.html

เศรษฐกิจเวียดนามปีนี้คาดจะเติบโต 4.8-5.0% ต่ำกว่าเป้าหมายอัตราการเติบโตใหม่ 6.0% ที่รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าไว้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 4 จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 6.3-7.0% และส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอยู่ที่ระดับ 4.8-5.0% ในปีนี้ โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 4 คือภาคการส่งออกที่เริ่มขยายตัว และการเร่งการเบิกจ่ายการลงทุนภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการต่ออายุหุ้นกู้เดิมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจเวียดนามไปจนถึงปลายปี 2567

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ธนาคารกลางเวียดนามจะคงดอกเบี้ยนโยบายไปอีก 3 เดือน ท่ามกลางวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ยังไม่สิ้นสุด แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของเวียดนามจะลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย 4.5% แต่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลให้เกิดสถานการณ์เงินทุนไหลออกและเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินดองอ่อนค่า จึงมองว่าธนาคารกลางเวียดนามจะรอดูสถานการณ์ต่อไปและจะยังไม่ปรับดอกเบี้ยนโยบายลงในระยะ 3 เดือน ข้างหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามูลค่าการส่งออกไทยไปเวียดนามจะขยายตัวขึ้น 2.7%YoY ในไตรมาสที่ 4 และส่งผลให้มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 หดตัว -11.7%YoY โดยการขยายตัวของการส่งออกในไตรมาสที่ 4 จะเป็นผลพวงจากฐานต่ำและราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส ซึ่งน้ำมันสำเร็จรูปเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 2 ของไทยไปเวียดนาม

นอกจากนี้ ปัจจัยกดดันการส่งออกไทยไปเวียดนามในไตรมาสที่ 4 ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทไทยไปลงทุนในโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกในเวียดนาม ซึ่งจะเริ่มดำเนินกิจการตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าจะทำให้การส่งออกเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 4 ของไทยไปเวียดนาม หดตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงกลางปี 2567

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Vietnam-EB4020-12-10-2023.aspx