ดันไทยตั้งสถาบันฯไมซ์อาเซียน

ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยในงาน MICE Standards Day 2020 ว่าอีกภารกิจสำคัญของทีเส็บนอกเหนือจากการดึงดูดงานประชุมสัมมนานานาชาติมาจัดในไทยแล้ว คือการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล โดยวางเป้าหมายให้ไทย เป็นศูนย์กลางการศึกษาไมซ์แห่งอาเซียน เป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ในภูมิภาคเอเชียด้วยมาตรฐานสากล และเป็นผู้นำของการจัดงานอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย ดังนั้น ทีเส็บ จึงตั้งเป้าหมายให้ไทย จัดตั้ง “ASEAN MICE Institute” เพื่อเป็นหน่วยงาน ที่มีหน้าที่กำหนดรับรองมาตรฐานต่างๆ รวมถึง ออกแบบหลักสูตรพัฒนาผู้ประกอบการ ไมซ์ทั้งระดับบุคคล และองค์กรให้มีศักยภาพที่แข่งขันได้ในระดับนานาชาติ โดยทั้งนี้ในปัจจุบัน ทีเส็บพัฒนามาตรฐานต่างๆ โดยมีผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Thailand MICE Venue Standard (TMVS) รวมทั้งสิ้น 453 แห่ง และผู้เชี่ยวชาญด้านไมซ์มืออาชีพ (MICE Professionals) จำนวน 941 ท่าน MICE Coach กว่า 900 ท่าน และชมรม เยาวชนไมซ์ (Student Chapter) จำนวน 17 มหาวิทยาลัย 241 ท่าน

ที่มา : นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 13 ก.พ. 2563

รถไฟเชื่อมระหว่างกัมพูชาและไทยใกล้ที่จะเปิดทำการในเร็วๆนี้

เจ้าหน้าที่การรถไฟของกัมพูชาและไทยจะประชุมเพื่อหารือเรื่องการขนส่งทางรถไฟข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ โดยปลัดกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกล่าวว่าข้อตกลงด้านการขนส่งทางรถไฟข้ามพรมแดนได้ลงนามไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการหรือเปิดทำการ ซึ่งการเชื่อมต่อใหม่จะช่วยให้การขนส่งสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุน ปรับปรุงความปลอดภัย ลดปัญหาการจราจรติดขัดและมีส่วนช่วยในการพัฒนาของทั้งสองประเทศรวมทั้งเพิ่มการเชื่อมโยงเพิ่มเติมกับสมาชิกอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งรัฐบาลของทั้งสองประเทศคาดหวังว่าจะปรับปรุงการขนส่งและส่งเสริมการค้า นอกจากนี้ยังเปิดตัวสะพานมิตรภาพ Stung Bot – Ban Nong Ian เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศอีกด้วย  โดยเส้นทางรถไฟสายเหนือจะเชื่อมต่อกัมพูชาและไทยเริ่มต้นที่กรุงพนมเปญและเดินทางไปยังปอยเปตที่ชายแดนไทยระยะทาง 386 กิโลเมตร ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยอยู่ที่ 9.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ ปี 2562 เพิ่มขึ้นจาก 8.39 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50689585/cambodia-thailand-railway-a-stop-nearer-being-ready

ตลท.ผนึกตลาดหุ้นอาเซียน ปรับเว็บไซต์ Asean Exchanges ชูรีเสิร์ชกว่า 3,600 บจ.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ผนึกกลุ่มตลาดหลักทรัพย์อาเซียน ปรับโฉมเว็บไซต์ Asean Exchanges ศูนย์รวมข้อมูลกว่า 3,600 หลักทรัพย์อาเซียน เพิ่มบทวิเคราะห์ชูความน่าสนใจ โดยกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่ากลุ่มตลาดหลักทรัพย์อาเซียน 6 แห่ง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย ร่วมเผยแพร่ข้อมูลไฮไลท์ตลาดหุ้นอาเซียน ผ่านเว็บไซต์ www.aseanexchanges.org ปรับโฉมใหม่โดยรวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์ทั้ง 6 แห่ง ครบถ้วนในแหล่งเดียว ครอบคลุมกว่า 3,600 หลักทรัพย์ พร้อมรวมบทวิเคราะห์ เครื่องมือคัดเลือกหลักทรัพย์ ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างหลักทรัพย์แต่ละประเทศ ข่าวสารทางการเงิน หวังดึงดูดการลงทุนจากผู้ลงทุนรายย่อย และสถาบัน จากทั้งในภูมิภาคและจากทั่วโลก ทั้งนี้ปัจจุบันบริบททางเศรษฐกิจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีทำให้การเงินการลงทุนทั้งโลกเกิดความเชื่อมโยงกัน โดยมีเครื่องมือคัดเลือกหลักทรัพย์ โดยสามารถเลือกเปรียบเทียบหลักทรัพย์อาเซียนตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม อัตราเงินปันผลตอบแทน อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น ข้อมูล กลุ่มอุตสาหกรรม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ความเคลื่อนไหวของดัชนีที่เกี่ยวข้อง อาทิ MSCI ASEAN และ FTSE ASEAN ข่าวสารทางการเงิน เป็นต้น

ที่มา : นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 ก.พ. 2563

e-Form D ลดหย่อนภาษีศุลกากรเอื้อการค้านอาเซียนมี

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้ให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Form D ภายใต้ ASEAN Single Window (ASW) อย่างเต็มรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมโยง e-Form D กับประเทศสมาชิกอาเซียนครบ 10 ประเทศแล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. ประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว ได้เริ่มบริการแล้วส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ สามารถใช้ e-Form D ประกอบการดำเนินพิธีการทางศุลกากรเพื่อขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีลดหย่อน/ยกเว้นภาษีนำเข้า ณ ประเทศอาเซียนปลายทาง ช่วยเอื้อให้การค้าขายภายในอาเซียนมีความคล่องตัว และเพิ่มมูลค่าการค้าขายในอาเซียนและนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการเจรจากับประเทศคู่ค้าภายใต้กรอบ FTA อื่นๆ โดยเฉพาะกรอบความตกลงอาเซียนและประเทศคู่เจรจา (ASEAN Plus)

ที่มา : https://www.kaohoon.com/content/339885

นักเศรษฐศาสตร์แนะอาเซียนพึ่งตนเองหนุนศก.โต

นักเศรษฐศาสตร์แนะชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยเฉพาะเวียดนามว่าให้พึ่งพาเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของตนเอง โดยเฉพาะการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศท่ามกลางภาวะไม่แน่นอนและปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ จากรายงานเศรษฐกิจของธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า ภูมิภาคอาเซียนถือว่าได้เปรียบภูมิภาคอื่นที่มีการลงทุนใหม่ๆในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แต่ละประเทศกำหนดไว้ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ดีขึ้น ประกอบกับภูมิภาคเอเซียอยู่ตรงกลางในการเชื่อมโยงทางภูมิประเทศ จึงเป็นโอกาสและความท้าทายรวมไปถึงจำนวนประชากรรวมกันกว่า 642 ล้านคน ด้วยเหตุนี้ อาเซียนจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมากและเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นักเศรษฐศาสตร์แนะนำว่าทุกประเทศในอาเซียนควรสามัคคีกันและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาด้านนวัตกรรมและการลงทุนใหม่ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ทีมวิจัยเศรษฐกิจของเอชเอสบีซีเวียดนาม มั่นใจว่าเศรษฐกิจของอาเซียนจะสนับสนุนให้จีดีพีโลกขยายตัวมากถึง 8% หากดำเนินปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างแท้จริงและลดข้อจำกัดทางการค้าที่มิใช้ภาษี รวมถึงเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกๆด้วยอีกด้วย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/863884

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดเวทีสัมมนาด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนในปี 2564

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเดือนมกราคม 2564 โดยผู้นำในภาคธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญที่สำคัญจะมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ซึ่ง Asean Tourism Forum (ATF) ครั้งที่ 39 มีกำหนดที่จะเริ่มการประชุมตั้งแต่ 17-23 มกราคมในกรุงพนมเปญตามประกาศของกระทรวงการท่องเที่ยว โดยวาระรายละเอียดยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยว การประชุมทางเทคนิคของเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวอาเซียน การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวอาเซียนและการแสดงต่างๆ ซึ่งกัมพูชาหวังว่า ATF จะเป็นส่วนช่วยในการแสดงผลิตภัณฑ์และบริการที่มีศักยภาพของกัมพูชาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมายังกัมพูชา โดยสิ่งที่สำคัญในการมารวมตัวกันคือสามารถปรับปรุงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศในภูมิภาคเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยว และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จะแสวงหาโอกาสการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50679156/nation-to-host-crucial-asean-tourism-forum-in-year-2001

คาดราคาเนื้อสุกรอาเซียนพุ่งรับอหิวาต์หมูระบาดหนัก

องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ เผยโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ระบาดทั่วเอเชีย โดยมี “เวียดนามและฟิลิปปินส์” แพร่รุนแรงที่สุด ส่งผลราคาเนื้อหมูในอาเซียนปรับตัวเพิ่มขึ้น สำนักข่าวบีบีซี รายงานอ้างการเปิดเผยของกระทรวงเกษตรอินโดนีเซีย ที่ระบุว่า มีหมูเกือบ 30,000 ตัว ต้องตายลงเพราะติดเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในจังหวัดสุมาตราเหนือ จนถึงขณะนี้ การระบาดที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในจีน นาย ชาห์รูล ยาซิน ลิมโป รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย กล่าวว่าทางการกำลังรับมือกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงการแยกพื้นที่ที่เป็นปัญหาเหล่านั้นออกมา ด้านสมาคมของผู้ผลิตเนื้อหมูของออสเตรเลีย ประเมินว่า การระบาดนี้อาจจะสร้างความเสียหายราว 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 4.17 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จากอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ กล่าวว่าในช่วงไม่กี่เดือนนี้ราคาน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน แต่ว่าความพยายามด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของจีน เริ่มเห็นผลแล้ว และคาดว่าอุตสาหกรรมเนื้อหมูในจีนได้ผ่านจุดวิกฤตมาแล้ว แต่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/859450

SEAC ชวนเช็คสุขภาพเศรษฐกิจเมียนมา เดินหน้าพัฒนาศักยภาพธุรกิจอาเซียน ในงาน Scaling Your

เมียนมาเป็นหนึ่งในประเทศในอาเซียนที่มีสถิติการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ตั้งแต่ปี 2557–2561 สูงถึง 7.2% และคาดการณ์ว่าในปีนี้ จะเติบโตขึ้นอีก 6.6% ปัจจัยมาจากองค์ประกอบหลายส่วน ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทิศทางที่ดีขึ้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเขตเศรษฐกิจพิเศษ และกฎหมายการลงทุนของชาวต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ดัชนีความน่าเชื่อถือและสภาพเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศดีขึ้น แต่ยังคงเผชิญกับปัฐหาอีกมากมาย ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการ SEAC (Southeast Asia Center) ระบุว่า SEAC ต้องการเข้าไปพัฒนาศักยภาพของคนและองค์กร โดยทางองค์กรได้มีโอกาสเข้าไปดำเนินธุรกิจในเมียนมา ทำให้เข้าใจภาพรวมของธุรกิจ ซึ่งการปรับขยาย (Scale) คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างแท้จริง ประกอบการปรับวิธีและรูปแบบการทำงานให้ใช้ทรัพยากรที่น้อย โดยมี 3 ส่วนสำคัญ คือ กรอบความคิด (Mindset) การทดลองและลงมือทำตามวิถี (Design Thinking) และการพัฒนาทักษะที่จำเป็น สำหรับอาเซียนถือเป็นภูมิภาคที่มีขีดความสามารถ หากเลือกกลยุทธ์ทางธุรกิจได้ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์สำคัญ ทาง SEAC พร้อมจะช่วยเติมศักยภาพให้กับคนและองค์กรในภูมิภาคนี้

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3078088

บริษัทจากดูไบมองกัมพูชาเป็นตลาดชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนตะวันออก

หอการค้าดูไบประกาศว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในตลาดอันดับต้นๆในอาเซียนสำหรับผู้ส่งออกดูไบ โดยกัมพูชาได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียนตามแถลงการณ์ที่ออกโดยหอการค้าดูไบ ซึ่งหอการค้าแห่งดูไบได้จัดสัมมนาทางธุรกิจในดูไบเพื่อมองหาแนวโน้มการค้าโลกและโอกาสทางการตลาด โดยการจัดตั้งเส้นทางการบินระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มการไหลเวียนทางการค้าระดับทวิภาคีและลดต้นทุนการค้าทำให้ตลาดอาเซียนน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ส่งออกในดูไบ ซึ่งหน่วยงานด้านการค้าได้เน้นถึงความต้องการของผู้ค้าในดูไบมุ่งเน้นไปที่ตลาดนอกเหนือจากตะวันออกกลางและภูมิภาคแอฟริกาเหนือ โดยหอการค้ากล่าวว่าประชากรที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอาเซียนและการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งการส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คือเสื้อผ้าและรองเท้า โดย Mubadala Petroleum ซึ่งเป็น บริษัท สำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซระหว่างประเทศได้เปิดเผยแผนการที่จะลงทุนในประเทศกัมพูชา บริษัท เป็น บริษัท ในเครือของ Mubadala Investment Company

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670252/cambodia-identified-as-a-top-asean-market-for-dubai-firms/

ส่งออกอัญมณีเครื่องประดับ แรงไม่หยุด10เดือนเพิ่ม37.59% ผลจากทองคำ-พลอยสี-ตลาดอาเซียน

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 10 เดือนของปี2562 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 13,974.58 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.59 หากหักทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกมีมูลค่า6,900.81 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.24 โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในช่วง 10 เดือนของปีนี้เพิ่มขึ้น ยังคงมาจากการส่งออกทองคำที่ยังคงขยายตัว แม้ว่าเฉพาะเดือน ต.ค.2562 จะชะลอตัวลง เป็นผลจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และนักลงทุนมีการเทขายทองคำออก รวมไปถึงหันไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงแทน ทั้งนี้หากดูเป็นรายสินค้า พลอยสียังคงเป็นสินค้าดาวรุ่ง ทั้งพลอยก้อน พลอยเนื้อแข็งเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน สำหรับตลาดส่งออกที่ขยายตัวสูง ได้แก่ อาเซียน อินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่วนฮ่องกงที่ยังคงเป็นตลาดอันดับ 1 แต่มีการชะลอตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการประท้วง นักท่องเที่ยวลด ทำให้ร้านค้าปลีกหลายรายปิดตัวลง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และขยายตัวในการส่งออกไปยังตลาดที่เติบโตได้ดีอยู่ ประกอบกับใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และสร้างมูลค่าสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/ news_1782723