บริษัทข้ามชาติจีน-เวียนดนาม ลงนามข้อตกลง ‘โครงการเวียงจันทน์ โลจิสติกส์พาร์ค (VLP) เฟส 2’

บริษัทข้ามชาติจีน-เวียนดนาม ได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการออกแบบและการก่อสร้างโครงการเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค (VLP) เฟส 2 ซึ่งจะเพิ่มความสะดวก ลดต้นทุนการขนส่งในการค้าขาย และมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างรายได้จำนวนมากให้กับรัฐบาล โดยเป็นการลงทุนระหว่างบริษัท Vietnam Logistics Park บริษัท China Construction Science and Industry Corporation., Ltd. โครงการ VLP เป็นโครงการที่มีความสำคัญกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์แห่งชาติของรัฐบาลลาว โดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 327 เฮกตาร์ เริ่มตั้งแต่โรงไฟฟ้าดงโพสีบนถนนดงโพธิ์-เชียงดา จนถึงสี่แยกใหม่ในหมู่บ้านนาห้วยเตย และแบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ การกักกันพืชและสัตว์ สถานที่จัดเก็บน้ำมัน การผลิตและการแปรรูปเพื่อการส่งออก สวนโลจิสติกส์ การค้าเสรี การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ฮาลาล และพื้นที่บริหารจัดการและสำนักงาน คาดว่าเขตโลจิสติกส์ทั้งหมดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการลงทุนของเอกชนลาวทั้งหมด และคาดว่าการก่อสร้างจะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_09_Phase_y24.php

VinFast ของเวียดนามจะสร้างโรงงาน EV มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในอินเดีย

“วินฟาสต์” (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนามมีแผนลงทุนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์รายใหญ่อันดับสามของโลก สื่ออินเดียเผย VinFast และรัฐบาลทมิฬนาฑูลงนาม MOU จัดตั้งโรงงานผลิตแห่งแรกของบริษัทในอินเดียที่ Thoothukudi ซึ่งเป็นไปตามแผนวางจำหน่ายของ VinFast ใน 50 ประเทศทั่วโลกรวมถึงสหรัฐอเมริกาและตลาดสำคัญอื่น ๆ โดยนับว่าเป็นการบุกตลาดครั้งแรกของ VinFast ในอินเดีย และเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจไปทั่วโลกซึ่งรวมถึงการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังสหรัฐอเมริกา และกำลังสร้างโรงงาน EV มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ในนอร์ธแคโรไลนา ซึ่งมีกำหนดเริ่มการผลิตในปีนี้

ที่มา : https://www.mreport.co.th/news/news/industry-movement/117-vinfast-to-build-ev-plant-in-india

‘เวียดนาม’ เผยยอดขายรถยนต์ดิ่งลงฮวบ แม้ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนรถยนต์ลดลงครึ่งหนึ่ง

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่าในปี 2566 นับเป็นปีที่มีความท้าทายแก่ตลาดรถยนต์เวียดนาม เนื่องจากยอดขายรถยนต์ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ 50% ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และได้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองทั่วโลก

อย่างไรก็ดีคาดการณ์ว่าในปีนี้ เศรษฐกิจและอุปสงค์จะกลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะทำให้ตลาดรถยนต์มีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายและผู้ผลิตรถยนต์ที่จะนำกลยุทธ์ทางธุรกิจมาใช้และยกระดับความสามารถทางการแข่งขัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/auto-sales-plunge-despite-registration-fee-cut-by-half-2237979.html

‘เวียดนาม’ เผยดัชนีภาคอุตสาหกรรม โต 3.1%

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) รายงานว่าดัชนีภาคอุตสาหกรรมและแปรรูป ประจำเดือน ธ.ค.66 เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ระบุว่าดัชนีเพิ่มขึ้นเพียง 1.8% ในปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตที่ 7.1% จากปีก่อน ในขณะเดียวกัน มูลค่าเพิ่มของภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.62% ทั้งนี้ กระทรวงฯ มองว่าตัวเลขอัตราการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมทั้งประเทศที่เผชิญกับความท้าทายและอุปสรรรค โดยมูลค่าเพิ่มการผลิตเติบโตในอัตราที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่ปี 2554-2566 และมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไม่มากนัก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/sales-index-of-processingmanufacturing-up-31/276097.vnp

‘สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด’ คาด GDP เวียดนาม ปี 67 โต 6.7%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม ในปี 2567 อยู่ที่ 6.7% (6.2% และ 6.9% ในช่วงครึ่งแรกและครึ่งหลังของปี ตามลำดับ) ในขณะที่นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประจำประเทศไทยและเวียดนาม มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามยังคงอยู่อยู่ในระยะกลาง พร้อมกับคงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/standard-chartered-forecasts-vietnams-2024-gdp-growth-at-67/276076.vnp

‘รายได้เฉลี่ยของคนงานเวียดนาม’ เพิ่มขึ้น 6.9% ปี 66

สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่ารายได้เฉลี่ยของคนงานเวียดนามในปี 2566 อยู่ที่  7.1 ล้านดองต่อคนต่อเดือน (หรือมากกว่า 291 ดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้เฉลี่ยของคนงานเพศชายและเพศหญิงอยู่ที่ 8.1 ล้านดอง และ 6 ล้านดอง ตามลำดับ โดยสาเหตุที่รายได้ของคนงานปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากภาคธุรกิจมีการผลิตมากขึ้นและกิจกรรมทางธุรกิจฟื้นตัวจากยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-labourers-average-income-up-69-in-2023/275932.vnp

‘เวียดนาม’ ทำสถิติส่งออกข้าวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปี 66

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) รายงานว่าผลผลิตข้าวในประเทศอยู่ที่ 43.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.9% เป็นไปตามความต้องการในประเทศและการส่งออก โดยจากตัวเลขสถิติในปี 2566 แสดงให้เห็นว่าเวียดนามประสบความสำเร็จในการส่งออกข้าว ทั้งด้านปริมาณการส่งออกและราคาที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สถานการณ์ในปีนี้ คาดการณ์ว่าทิศทางการส่งออกข้าวจะเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ อาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญที่ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดหาวัตถุดิบและอาหาร รวมถึงบางประเทศได้ระงับการส่งออกธัญพืช เช่น อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรชั้นนำ โดยเฉพาะข้าว เวียดนามยังคงสามารถรับประกันความมั่นคงด้านอาหารของชาติและการเติบโตของการส่งออกได้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/rice-export-soars-to-record-high-in-2023/275926.vnp

‘เวียดนาม’ เผย ปี 66 ยอดลงทุนไปต่างประเทศดิ่งลงฮวบ 21.2%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในปี 2566 ยอดการลงทุนเวียดนามในต่างประเทศ มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 420.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จำแนกออกเป็นโครงการที่จดทะเบียนใหม่ 124 โครงการ ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 282.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ภาคการค้าส่งค้าปลีก คิดเป็นสัดส่วน 37.3% ของการลงทุนทั้งหมด รองลงมาภาคเทคโนโลยีและการสื่อสาร (28.7%) โดยแคนาดาเป็นแหล่งการลงทุนชั้นนำของเวียดนาม ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากเวียดนามอยู่ที่ 150.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยสิงคโปร์ (122.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสปป.ลาว (116.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-2023-outbound-investments-dip-21-2-y-o-y/