จำนวนนักเรียนในระดับมัธยมปลายของ สปป.ลาว ลดลงต่อเนื่อง จากปัญหาเศรษฐกิจ

กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา สปป.ลาว เผยจำนวนนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายระหว่างเกรด 4 และเกรด 7 ทั่วประเทศลาวลดลงเป็นปีที่สามติดต่อกัน สะท้อนจากจำนวนนักเรียนที่ทำการสอบเข้าระดับมัธยมปลายมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษในปีการศึกษานี้ โดยจำนวนนักเรียนชั้นเกรด 4 ที่เข้าสอบมีเพียง 68,850 คน ซึ่งลดลงจาก 76,322 คนในปีที่แล้ว และ 83,544 คนในปี 2565 ส่วนจำนวนนักเรียนชั้นเกรด 7 ที่เข้าสอบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เหลือเพียง 46,744 คน จาก 50,276 คนในปีที่แล้ว และ 55,828 คนในปี 2565 ปัจจัยหลักเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ค่าจ้างที่ต่ำ และอัตราเงินเฟ้อมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่ออัตราการออกกลางคันของนักเรียน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/06/05/decline-in-secondary-school-enrollments-continues-for-third-consecutive-year/

รัฐบาล สปป.ลาว สั่งทุกหน่วยงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง

รัฐบาล สปป.ลาว เรียกร้องให้หน่วยงานกลางและระดับท้องถิ่นเร่งดำเนินการเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์และมาตรการทางเศรษฐกิจที่มุ่งแก้ไขความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ ท่ามกลางความกังวลที่เกิดจากความวุ่นวายทั่วโลกและแรงกดดันทางเศรษฐกิจภายในประเทศ แนวทางหลักที่ต้องปฏิบัติคือลดการพึ่งพาการนำเข้าและเพิ่มการบริโภคสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ เนื่องจากการพึ่งพาสินค้านำเข้าในสัดส่วนที่มาก ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศขยายตัว จนอัตราเงินเฟ้อมีระดับที่สูงในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_99_govt_y24.php

AMRO คาด GDP กัมพูชาโต หนุนโดยการส่งออกและการท่องเที่ยว

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 2024 โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการส่งออกและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 5.6 ในปี 2024 และร้อยละ 5.9 ในปี 2025 กล่าวโดย Jinho Choi นักเศรษฐศาสตร์ประจำสำนักงาน AMRO อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวนี้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงภายนอกและจุดอ่อนภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวและคุณภาพสินเชื่อที่ปรับตัวลดลง ขณะที่การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2024 โดยแรงขับเคลื่อนมากจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในตลาดหลักของประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะเดียวกัน ภาคการผลิตนอกเหนือจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ คาดว่าจะรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนจากการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มั่นคง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501494147/amro-forecasts-rosier-growth-for-cambodia-in-2024/

‘เวียดนาม’ เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรม สัญญาณฟื้นตัว

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ทำการประเมินสถานการณ์ของภาคอุตสาหกรรมพบว่าดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ม.ค.-เม.ย. เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะสาขาการผลิตและแปรรูปที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 6.3% เนื่องจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ ตลอดจนการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ในขณะที่ตลาดโลกค่อยๆกลับมาฟื้นตัวและปรับตัวจากการหยุดชะงักในปี 2565 และปี 2566 ทำให้ยอดคำสั่งซื้อส่งออกใหม่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ นาย Dao Phan Long ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องกลของเวียดนาม กล่าวว่าความพยายามของประเทศพัฒนาแล้วในการกระจายห่วงโซ่อุปทานและการลงทุน ช่วยให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก อย่างไรก็ดี จากการคาดการ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงภาวะเงินเฟ้อสูง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในพื้นที่ต่างๆ ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/industrial-production-shows-signs-of-recovery-post287518.vnp

‘นายกฯ เวียดนาม’ สั่งจัดงบประมาณปี 68 มุ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

นายฟาม มินห์ จิญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ลงนามคำสั่งว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และจัดทำงบประมาณปี 2568 โดยตั้งข้อสังเกตไว้ว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในปีหน้านั้น ได้มีการร่างขึ้นมาแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ที่รวดเร็วและคาดการณ์ไม่ได้ ในขณะที่ในปี 2568 ถือเป็นปีที่สำคัญของเวียดนาม เนื่องจากตรงกันกับช่วงการประชุมสมัชชาของพรรคทุกระดับ ก่อนที่จะไปสู่การประชุมสมัชชาพรรคแห่งชาติครั้งที่ 14

ทั้งนี้ ตามแผนการทำงานดังกล่าว ทางนายกฯ เรียกร้องให้กระทรวง หน่วยงานกลางและท้องถิ่น ระบุประเด็นหลักของแผนพัฒนาปี 2568 และตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถบรรลุเป้าหมายได้และแนวทางการแก้ไข รวมถึงชี้แจงรายละเอียดของเนื้อหา ระยะเวลาและความคืบหน้า ในขณะเดียวกัน การจัดทำแผนงบประมาณปี 2568 ต้องมีรายละเอียดของการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดเก็บงบประมาณ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pm-orders-building-socio-economic-development-plans-budget-estimates-for-2025-post287427.vnp

‘เวียดนาม’ พึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศมากเกินไป จำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน มีสัดส่วนราว 90% ของการส่งออกรวม และมีสัดส่วน 25.8% ของจำนวนงานทั้งหมดในประเทศ ในขณะที่การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของการลงทุนทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนสภาพจากการลงทุนของรัฐไปเป็นของการลงทุนที่มิใช้รัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไปยังภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป ทั้งนี้ ธุรกิจข้ามชาติหรือธุรกิจ FDI เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากธุรกิจในประเทศประสบปัญหากับการยกระดับขีดความสามารถทางด้านการผลิตและการบริหาร รวมถึงการขาดเทคโนโลยีขั้นสูงและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1656090/vn-too-heavily-dependent-on-fdi-must-improve-industrial-ecosystem.html

ค่าจ้างขั้นต่ำใน สปป.ลาว ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากขึ้น

ค่าแรงขั้นต่ำใน สปป.ลาวปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 ล้าน กีบ หรือประมาณ 75 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากอัตราก่อนหน้าที่มีค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 1.3 ล้านกีบ หรือประมาณ 61 ดอลลาร์สหรัฐ โดยแรงงานบางส่วนได้สะท้อนว่าไม่สมดุลกับค่าครองชีพ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำมันและค่าอาหาร รวมๆ กันต้องใช้เงินกว่า 3 ล้านกีบ ทำให้ค่าจ้างที่ได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ นอกจากนี้ ค่าแรงขั้นต่ำ สปป.ลาว ยังมีระดับท้ายๆ ของประเทศในอาเซียน ทำให้เกิดการไหลออกของจำนวนแรงงาน จนทำให้แรงงานในประเทศมีไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ยังทำให้จำนวนนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่เรียนจบมีจำนวนลดลง ซึ่งจะส่งผลในระยะยาวต่อการพัฒนาประเทศ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/17/inadequate-minimum-wage-deepens-economic-woes-in-laos-fueling-labor-shortages-school-dropouts/

สปป.ลาว คาด จีดีพี ปี 2567 โตได้ 4.7% ท่ามกลางความท้าทายหลายประการ

การประชุมผู้บริหารพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ครั้งที่ 8 โดยมีนายทองลุด สีสุลิด เลขาธิการพรรคและประธานพรรคฯ เป็นประธานในที่ประชุม ได้พูดคุยถึงเศรษฐกิจของ สปป.ลาว โดยคาดว่าจีดีพีจะเติบโตที่ 4.7% ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วท่ามกลางความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยภาคอุตสาหกรรมและบริการการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นพร้อมกับการผลิตที่เพิ่มขึ้น มีส่วนสนับสนุนเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ สำหรับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่ในประเทศลาว และสั่งให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อจัดการกับอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง การอ่อนค่าของเงินกีบ และต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงการเงินและปัญหาทางเศรษฐกิจ  แม้จะมีข้อกังวลนี้ แต่ธุรกิจต่างๆ ก็เริ่มขึ้นราคาหลังจากที่รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% ที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง โดยแตะ 24.92% ในเดือนเมษายน แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจาก 24.98% ในเดือนมีนาคม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_94_Economy_y24.php

‘สถาบันวิจัย’ คาดเศรษฐกิจเวียดนามปีนี้ ขยายตัว 6%

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและนโยบายของเวียดนาม (VEPR) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2567 จะขยายตัว 5.6% – 6% โดยได้ปัจจัยหนุนมาจากการส่งออก การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้ จะเห็นได้ว่าทิศทางของเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสแรก บ่งชี้ให้เห็นสัญญาณเชิงบวก อย่างไรก็ดียังมีความไม่แน่นอนอยู่ นอกจากนี้ เวียดนามยังได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออก การลงทุนจากต่างประเทศและการผลิตของภาคอุตสาหกรรม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655818/vepr-forecasts-vietnamese-economy-growth-at-below-6-per-cent.html

‘เวียดนาม’ ดาวรุ่งในอินโดแปซิฟิก

สำนักงานพัฒนาการส่งออกแคนาดา (EDC) เผยแพร่บทความเรื่อง ‘การทำธุรกิจในเวียดนาม: จับตาดาวรุ่งในอินโดแปซิฟิก’ รายงานว่าเวียดนามกลายมาเป็นดินแดนแห่งมังกร รวมถึงกลายมาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าในอุดมคติ ในขณะที่จากข้อมูลของการประชุม World Economic Forum (WEF) เปิดเผยว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 8% ต่อปีแบบทบต้นในปีที่แล้ว และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม ขยายตัว 5% โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้า จะขยายตัว 6% และ 7% ตามลำดับ ด้วยเหตุนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจจึงทำให้สำนักงานฯ เลือกเวียดนามเป็นตัวแทนดาวรุ่งในเอเชียแปซิฟิก

นอกจากนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่าถึงแม้ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้น แต่ค่าแรงของเวียดนามยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก อีกทั้งการเติบโตของคนชนชั้นกลางเวียดนาม แซงหน้าประเทศในภูมิภาค ถึงแม้ว่าขนาดของเศรษฐกิจเวียดนามจะมีขนาดเล็กกว่าประเทศเพื่อนบ้านบางแห่ง แต่ประชากรเวียดนามมีจำนวนเกือบ 100 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่ากลุ่มประชากรครึ่งหนึ่งมีอายุต่ำกว่า 30 ปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-rising-star-in-indo-pacific-canadian-agency-post286074.vnp