ADB คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโตช้าลงในปีนี้

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของกัมพูชาในปี 2020 เป็นลบร้อยละ 4 จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ติดลบร้อยละ 5.4 ในเดือนมิถุนายนเนื่องจากผลการดำเนินงานทางการด้านการเกษตรที่ดีขึ้นและปริมาณการผลิตสินค้าที่นอกเหนือจากภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่เพิ่มขึ้น โดยเสริมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ร้อยละ 5.9 ในปี 2021 แต่อย่างไรก็ตามการคาดการณ์นี้ยังไม่เป็นที่แน่นอนและจะขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อนข้างคงที่ที่ร้อยละ 2.1 ในปี 2020 ก่อนจะลดลงเหลือร้อยละ 1.8 ในปี 2021 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ต่ำทำให้ต้นทุนการขนส่งและการผลิตลดลง โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาระบุว่าการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีจากสภาพอากาศเลวร้ายยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50765972/adb-revised-forecast-says-economy-to-plunge-this-year/

ผลกระทบของ COVID-19 สู่การหยุดชะงักทางเศรษฐกิจของกัมพูชา

ผู้ประกอบการรายย่อย, ขนาดเล็กและขนาดกลาง (MSMEs) กำลังเผชิญกับการหยุดชะงักของการดำเนินกิจการและการหยุดชะงักของยอดขายรวมถึงการบริการที่ลดลงอันเป็นผลมาจาก COVID-19 โดย MSMEs ถือเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจมาอย่างยาวนานในกัมพูชา ซึ่งในกัมพูชา MSMEs ถูกระบุว่ามีบทบาทสำคัญในการสร้างงาน การสร้างรายได้ ให้กับประชากรที่อยู่ในช่วงผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะ MSMEs ในกัมพูชามีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 70 ของการจ้างงานทั้งหมด และมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 58 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่ง Angkor Research and Consulting. ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมโดยร่วมมือกับ Future Forum เพื่อทำการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยข้อมูลที่พบในการศึกษาชี้ให้เห็นว่ารายได้สุทธิเฉลี่ยของผู้ประกอบการในครัวเรือนลดลงร้อยละ 56 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ซึ่งในระดับจังหวัดผลสำรวจระบุว่ากรุงพนมเปญและกัมปงสปือได้รับผลกระทบเชิงลบมากที่สุดระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน ในขณะที่กำปอตได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งจากการขนส่งที่แย่ลงสู่การท่องเที่ยวที่ทรุดตัวอย่างหนัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50765790/economic-disruption-of-covid-19/

รัฐบาสปป.ลาว พยายามหาวิธีป้องกันผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำ

ในการประชุมประจำเดือนของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. เจ้าหน้าที่ได้รับการกระตุ้นให้ดำเนินมาตรการอย่างเคร่งครัดและติดตามผู้คนที่เข้ามาในสปป.ลาวอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกสอง เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้วิเคราะห์ผลกระทบที่เป็นไปได้ของการตกต่ำของเศรษฐกิจโลกที่มีต่อสปป.ลาว กำหนดนโยบายและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการอย่างเข้มแข็งเพื่อต่อต้านการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและการประพฤติมิชอบทางสังคมที่เพิ่มขึ้น ให้สื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวและหน่วยงานอื่น ๆ ชี้แจงประเด็นที่เป็นความกังวลของสาธารณชน มีการผลักดันให้หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐมีการจัดเก็บรายได้มากขึ้น ได้มีการอภิปรายร่างรายงานแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า กระทรวงการวางแผนและการลงทุนได้รับคำแนะนำให้ทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังและภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อสรุปรายงานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 9 เดือนสำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี สมาชิกคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบในหลักการแผนแม่บท 5 ปีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลตั้งแต่ปี 64-68 ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพของการบริหารงานของรัฐและเสริมสร้างการบริหารจัดการขององค์กรเอกชน นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับข้าราชการพลเรือนในปี 63 การมีข้าราชการใหม่ในปี 64 และร่างยุทธศาสตร์ชาติเพื่อส่งเสริมโอกาสในการจ้างงานในพื้นที่ชนบท

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_seeks_183.php

คลังสวนแวต 9% ทำของแพง-เศรษฐกิจเจ๊งหนักกว่าเดิม

คลังแจงขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 9% ชี้ทำของแพง ซ้ำเติมชาวบ้าน เศรษฐกิจเจ๊งหนักกว่าเดิม พร้อมการันตีฐานะคลังไทยแกร่ง ถังไม่แตก นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีนายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง เสนอให้ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 9% เพื่อดูแลเศรษฐกิจว่า การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจะต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม เพราะหากขึ้นไปแล้วจะทำให้สินค้าและบริการแพงขึ้น อำนาจการซื้อประชาชนลดลง และซ้ำเติมประชาชนในยุคไวรัสโควิดเพิ่มอีก โดยประเมินว่าหากขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 9% จะทำให้เศรษฐกิจหดตัวยิ่งกว่าเดิม จีดีพีจะลดลงอย่างน้อย 0.6% ต่อปี  พร้อมทั้งขอยืนยันว่า กระทรวงการคลังมีเงินคงคลังที่เข้มแข็ง และเพียงพอต่อการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐ รวมถึงใช้ดูแลฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศจากโควิด ตลอดจนยังสามารถบริหารจัดการหนี้ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐได้ ทั้งนี้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ครม.มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 30 ก.ย.64 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นให้มีการบริโภคของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/794224

ห้างฯ ยอมเฉือนเนื้อหั่นราคาระบายสต็อกครึ่งปีหลัง

นักการตลาด ชี้ ครึ่งหลังปีนี้ห้างใช้หมัดเด็ด ยอมขายขาดทุนดึงคนเข้าห้าง แห่กระหน่ำแคมเปญแรงลดสูงสุด 80% ช่วยกระตุ้นตลาด ระบายสต็อกเก่า นายชลิต ลิมปนะเวช อุปนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าขณะนี้บรรดาผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าต่างออกมาใช้กลยุทธ์ ยอมขายขาดทุนเพื่อเป็นตัวดึงดูดคนเข้าห้าง สำหรับช่วยระบายสต็อกสินค้าเก่าและกระตุ้นยอดขายชดเชยในช่วงที่ปิดให้บริการชั่วคราวไป 2 เดือน ซึ่งเห็นได้จากการที่ห้างยักษ์ใหญ่ต่างๆออกมากจัดแคมเปญ ลดราคา ตรึงราคา สินค้าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลังนี้เกือบทุกค่าย นายสเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารสินค้า และรักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์ เงินเพิ่ม มาโรบินสัน โดยจับมือร่วมกับพันธมิตรแบรนด์สินค้าชั้นนำ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องครัว และของใช้ในบ้าน ของใช้และของเล่นเด็กทั้งหมด 100 แบรนด์ รวม 10,000 รายการ เพื่อจำหน่ายสินค้าในราคาที่คุ้มค่า เช่น ตรึงราคาสินค้านาน 6 เดือน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค และกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายให้คึกคักขึ้น ทั้งนี้กลยุทธ์ดังกล่าวประกอบด้วย ราคาดี ถูกจริง ไม่มีการปรับราคาสินค้าขึ้นหรือลดลงในเวลา 6 เดือน ,จำหน่ายสินค้าราคาถูกหมดแล้วหมดเลย ,ซื้อมากลดมาก และจำหน่ายสินค้าลิมิเต็ด อิดิชั่น ในราคาพิเศษ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่โรบินสันเท่านั้น รายงานข่าวจาก บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้จัดแคมเปญ ไอคอนสยาม ช้อปปิ้ง ดับเบิ้ลโบนัส นำสินค้ามาลดราคาสูงสุด 80% พร้อมมอบของรางวัลและบัตรกำนัลต่างๆ อาทิ  กิ๊ฟว้อยเชอร์ 1,000 บาท บัตรชมภาพยนตร์ เพื่อต้อนรับวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 3-7 ก.ย.นี้ ที่ห้างไอคอนสยาม และในช่วงเดียวกันนี้ห้างสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังได้จัดแคมเปญ เซลสุดพลังรับวันหยุดยาวตลอด5 วันเต็ม ยกกองทัพสินค้าแบรนด์ดังทั้งไทยและระดับอินเตอร์มาลดราคาสูงสุด 70% เพื่อให้คนไทยได้ปลดปล่อยพลังช้อปแบรนด์สินค้ามากมาย น.ส.นงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการใหญ่การตลาด คอปเปอร์เรท โปรโมชั่นทบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์ได้จัดแคมเปญ พกพอยท์ มาช้อปเวอร์ โดยสมาชิกเอ็ม การ์ด นำคะแนนสะสมมาแลกเป็นคูปงส่วนลดได้สูงสุด 40% เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/792801

เมียนมาปล่อยสินเชื่อ 100 พันล้านจัต เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากพิษ COVID-19

ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ COVID-19 (CERP) ได้ประกาศกองทุนสินเชื่อใหม่ 100 พันล้านจัต เป้าหมายเพื่อช่วยเหลือธุรกิจในภาคเกษตรปศุสัตว์ การส่งออก / นำเข้า การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) หน่วยงานต่างประเทศ และโรงเรียนอาชีวศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตามความล้มเหลวในการชำระคืนเงินกู้จะส่งผลให้ถูกเรียกเก็บเงินตามกฎหมายและธุรกิจจะส่งผลลบต่อเครดิตบูโรและเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับเงินกู้จาก MFI ตามประกาศของคณะกรรมการ CERP เงินกู้ยืมจากกองทุนสามารถสมัครได้ที่สหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพเมียมา สำนักงานใหญ่ ภูมิภาค และสำนักงานของรัฐ ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมถึง 10 สิงหาคม 2563 เงินกู้นี้จะใช้สำหรับการจ่ายค่าแรงและการดำเนินธุรกิจเท่านั้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/covid-19-relief-plan-committee-myanmar-announces-new-k100b-loan-programme.html

สื่อนอกชี้ความท้าทาย ครม.ใหม่ เศรษฐกิจไทยตกต่ำสุดในอาเซียน

เดอะ นิคเคอิ เอเชียน รีวิว สื่อใหญ่ของญี่ปุ่น รายงานนำเสนอมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสภาวะ “เปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนขุนพลกลางสนามรบ” ผ่านบทความ Thailand’s rulers must act fast to reverse COVID-19 economic damage ที่เขียนโดยวิลเลียม พีเซค (William Pesek) สื่อมวลชนที่คร่ำหวอด ว่า ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายสุดโหดและเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ใครจะเข้ามาเป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจไทย หรือ โผคณะรัฐมนตรีใหม่ (ครม.) จะมีใครบ้าง จะไม่สำคัญเท่ากับการที่ไทยจะต้องปรับตัวเองให้ไว ปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง และขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ริเริ่มไว้ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด การไหลออกของรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ๆ รวมทั้งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอย่าง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดูเหมือนว่าเหตุผลส่วนหนึ่งจะมาจากผลการทำงาน เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 นี้ ซึ่งเป็นปีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนรัฐนาวามาครบ 1 ปี จะหดตัวที่ร้อยละ -8.1 ทำให้เป็นไปได้ที่ไทยจะกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดในอาเซียน แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่า ในอีกแง่หนึ่งการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ น่าจะเป็นความพยายามสร้างความมั่นคงทางการเมือง มากกว่าจะด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/world/442806

การเติบโตของเมียนมาที่ลดลงกว่าที่คาดไว้ในในปีนี้

เศรษฐกิจเมียนมามีแนวโน้มขยายตัวเพียง 4.3% ในปีงบประมาณ 2562-2563 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของรัฐบาลที่ 7 ผลมาจากการระบาดของ COVID-19 การขยายตัวทางเศรษฐกิจชดเชยการเติบโตของจีดีพีที่ 6% ในช่วงหกเดือนแรกของปีงบประมาณซึ่งส่งผลให้ผลผลิตรวมมีเพียง 74.5 ล้านล้านจัตระหว่างตุลาคม 2562 ถึงมีนาคม 2563 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 63% จากเดิมที่ 119 ล้านล้านจัตในช่วงเวลาดังกล่าว ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นาย U Set Aung รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนกระทรวงการคลังและอุตสาหกรรมรายงานจากกองทุนของรัฐและเงินกู้ระหว่างประเทศจำนวน 2.8 ล้านล้านจัตถูกนำไปใช้ในการดำเนินการตามแผนบรรเทาเศรษฐกิจ COVID-19 ในปีงบประมาณ 2562-2563 เงินทุนดังกล่าวถูกนำไปใช้ในการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ปรับปรุงระบบการดูแลสุขภาพ เงินสดและอาหารให้กับครัวเรือนที่ยากจนและสนับสนุนภาคเกษตรและปศุสัตว์

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/steeper-growth-decline-expected-myanmar-year-govt.html

เศรษฐกิจภาพรวมของกัมพูชาซบเซาในช่วงครึ่งปีแรก

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาซบเซาในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 เนื่องจากผลกระทบของการระบาด COVID-19 โดยคาดการณ์ว่า GDP ของประเทศจะหดตัวมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.9 ในปีนี้ ซึ่งผู้ว่าการ NBC กล่าวว่าเสาหลักของเศรษฐกิจกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว หรือภาคการผลิตภายในประเทศได้รับผลกระทบอยู่บ้างบางส่วน อย่างไรก็ตามภาคเกษตรกลับเติบโตเล็กน้อยใน ขณะที่ภาคการเงินก็ยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ในทิศทางที่มีกำไร ซึ่งในรายงานครึ่งปีแรกของปี 2020 ที่เผยแพร่โดย NBC กล่าวว่าภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยภาคการผลิตหดตัวร้อยละ 11 เมื่อเทียบปีต่อปีเนื่องจากการหยุดชะงักของอุปทานด้านวัตถุดิบขั้นพื้นฐานที่เข้มงวดขึ้น อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกลดลงร้อยละ 12.5 ​​และเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลงร้อยละ 10 แต่การผลิตสำหรับตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 ซึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลผลิตภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21.7 เมื่อเทียบเป็นรายปีเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกที่ขยายตัวและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ลดลง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50744787/cambodias-economy-stagnant-in-first-half/

สมัชชาแห่งชาติปรับลดเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจหลังการระบาด Covid-19

รัฐบาลสปป.ลาวคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อีกครั้งหลังจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากการระบาดใหญ่ของ Covid-19 คณะรัฐมนตรีกำลังสรุปรายงานและคาดว่าจะลดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ของประเทศจากร้อยละ 6.4 เหลือร้อยละ 3.3 ในปี 2563 ตามสรุปรายงานของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติได้ส่งรายงานของเดือนเมษายนที่ระบุว่าจากการระบาดใหญ่ของ Covid-19 ส่งผลในทุกภาคส่วนของประเทศทั้ง แรงงานที่ตกงานจนอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 23 ภาคธุรกิจประสบปัญหาจนต้องปิดตัวรวมถึงภาคการท่องเที่ยวสูญเสียเงินมากกว่า 450,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสองเดือนแรกของปี 2563 ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ GDP ของสปป.ลาวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.3 ในปี 2563 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี

ที่มา : https://laotiantimes.com/2020/06/23/national-assembly-to-address-gdp-target-amid-economic-downturn/