การยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งผลราคาข้าวโพดเมียนมาตกฮวบ

Myanmar Corn Industrial Association เผย ไทยไฟเขียวนำเข้าข้าวโพดปลอดภาษี (พร้อมยื่น Form D) ผ่านด่านแม่สอด ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31  และสถานะการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับการส่งออกข้าวโพดได้สิ้นสุดไปตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาข้าวโพดตกต่ำลง ทั้งนี้เมียนมาตั้งเป้าส่งออกข้าวโพดไปไทย 1 ล้านตันในปีนี้ จนถึงขณะนี้มีการส่งออกไปแล้วประมาณ 600,000 ตัน ในปีประมาณ 62-63 มีการส่งออกข้าวโพด 2.2 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 360 ล้านดอลลาร์ ซึ่งพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดส่วนใหญ่อยู่ในรัฐชาน , คะฉิ่น, กะเหรี่ยง, มัณฑะเลย์, ซะไกง์ และมะกเว ผลผลิตข้าวโพดในประเทศอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ล้านตันต่อปี –

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/revocation-of-withholding-tax-exemption-on-corn-exports-causes-price-downtrend/#article-title

ไทยสนับสนุนสปป.ลาว ในการรับมือการแพร่ระบาดโควิด -19

สถานเอกอัครราชทูตสปป.ลาวได้มอบเงินสดและวัสดุมูลค่ากว่า 16 ล้านบาทให้กับรัฐบาลลาวเพื่อสนับสนุนความพยายามในการต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด -19 โดยเงินทุนและวัสดุอุปกรณืดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือจากประเทศไทย รัฐบาลไทยบริจาคเงินพร้อมเวชภัณฑ์รวมมูลค่ากว่า 12.8 ล้านบาท (4.1 พันล้านกีบ) โดยประกอบด้วยเงินบริจาค 2 ล้านบาท เตียงผู้ป่วย 180 เตียง หน้ากากอนามัย 50,000 ชิ้น อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) 2,370 ชิ้น เครื่องกระตุ้นหัวใจ, เครื่องตรวจสอบผู้ป่วย, เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด, เครื่องควบคุมออกซิเจนและเครื่องวัดออกซิเจนแบบพัลส์ ทั้งนี้จะยังมีการส่งมอบอีกครั้งในสิ้นเดือนนี้มูลค่ากว่า 8.5 ล้านบาท ถึงแม้สถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ในสปป.ลาวจะรุนแรงเกินการควบคุมของสาธารณสุขสปป.ลาว แต่กระนั้นสปป.ลาวได้รับความช่วยเหลือที่ดีจากพันธมิตรที่สำคัญอย่างจีนและล่าสุดไทย ซึ่งจะทำให้สปป.ลาวก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรในด้านสาธารณสุขตลอดการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการรับมือวิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Thailand_88.php

‘ไทย’ ท็อป 3 อีคอมเมิร์ซอาเซียน

ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) ได้ประกาศผลการจัดอันดับ B2C หรือ Business-to-Customer e-Commerce ประจำปี 2563 ซึ่งเป็นการวัดความพร้อมทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโจทย์การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Commerce จาก 152 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้มีความพร้อมสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง คือ สวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 42 ติดท็อป 10 ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย จากการจัดอันดับดังกล่าว พบว่า ประเทศไทยโดดเด่นในด้านความเชื่อมั่นการขนส่งไปรษณีย์ (Postal Reliability Index) โดยได้คะแนนสูงถึง 97 คะแนน เท่ากับคะแนนของสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกันนี้ ประเทศไทยยังโดดเด่นในด้านจำนวนการเปิดบัญชีธนาคาร หรือมีบัญชีธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐานของการเติบโตของอีคอมเมิร์ซด้วย ความสำเร็จในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเด็นด้านนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล กฎระเบียบและระบบต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/935012

ไตรมาสแรกของปี การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยมูลค่าแตะ 2 พันล้านดอลลาร์

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงหดตัวท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ที่ต่อสู้เพื่อจะเอาชนะต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 และทำให้การพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ โดยตัวเลขมาจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมปีนี้ ซึ่งการค้าทวิภาคีลดลงร้อยละ 21.3 สู่ 2,097 ล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าสินค้าจากไทยลดลงร้อยละ 21.3 เหลือ 1,769 ล้านเหรียญดอลลาร์ และเป็นการส่งออกที่มีปริมาณลดลงถึงร้อยละ 48.9 หรืออยู่ที่ 330 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าเกษตรสินค้าสำคัญสำหรับการส่งออกของกัมพูชาไปยังประเทศไทย ในขณะที่สินค้าส่งออกของไทยมายังกัมพูชาส่วนใหญ่ประกอบด้วยสินค้าด้านพลังงาน ปุ๋ยทางการเกษตร อาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยสำหรับปี 2020 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 7,236 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50845150/cambodia-thailands-trade-valued-via-at-2-billion-in-first-quarter/

ชงเพิ่ม “หัวหิน”เปิดรับต่างชาติไม่กักตัว 1 ต.ค.นี้

รมว.การท่องเที่ยวฯ พร้อมรับข้อเสนอเพิ่มหัวหินอีกพื้นที่เปิดรับต่างชาติฉีดวัคซีน-ไม่มีโควิดมาเที่ยว 1 แสนคน สร้างรายได้ 1,200 ล้านบาท เตรียมเสนอเข้าบอร์ดท่องเที่ยวแห่งชาติไฟเขียว 6 พ.ค.64 โดยจะดำเนินการผ่านโครงการหัวหิน รีชาร์จ ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐ การท่องเที่ยว โรงพยาบาลและสาธารณสุข และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจรถเช่า บริษัททัวร์ ฯลฯ และจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ตั้งแต่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ให้ได้ 70% ของประชากรภายใน 30 ก.ย.64 เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ พนักงานและแรงงานในภาคธุรกิจบริการกว่า 89,000 คนในพื้นที่ให้มีรายได้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/839597

ค้าชายแดนไทย-เมียนมา หยุดนำเข้ากาแฟสำเร็จรูปชั่วคราว

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาห้ามนำเข้าสินค้าอาหารจำนวน 4 รายการชั่วคราวผ่านชายแดนเมียนมา – ไทยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 64 ได้แก่ เครื่องดื่มต่างๆ กาแฟและชาแฟสำเร็จรูป นมข้นและนมข้นจืด แต่สามารถนำเข้าผ่านทางเรือแทน ตั้งแต่วันที่1 ตุลาคมถึง 2 เมษายนของปีงบประมาณ 63-64 มูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมาลดลง 370.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเมียนมามีการส่งออกสูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์และการนำเข้ามูลค่ากว่า 589.7 ล้านดอลลาร์ มูลค่าการค้ารวม 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชายแดนเมียวดีมีผลการดำเนินการดีที่สุดจากจำนวนชายแดน 7 แห่ง โดยมีมูลค่าการค้า 729.46 ล้านดอลลาร์ ซึงในปีงบประมาณ 62-63 การค้าชายแดนเมียนมา- ไทยแตะระดับสูงสุดที่ 2.28 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งการส่งออกข้าวโพดไปยังไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากถึง 1.2 ล้านตัน ปัจจุบันมีการส่งออกประมาณ 5,000-6,000 ตันถูกส่งไปยังไทยทุกวันผ่านชายแดนเมียวดี ซึ่งเมียนมาได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรภายใต้ e-Form D ในการส่งออกข้าวโพดระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31 สิงหาคมซึ่งไทยเรียกเก็บภาษีร้อยละ 73 โดยเมียนมามีเป้าหมายส่งออกข้าวโพดไปยังไทย 1 ล้านตันในปีนี้

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/food-commodities-including-instant-coffee-temporarily-banned-on-myanmar-thailand-border/

ปี 64 เศรษฐกิจเมียนมาเจอมรสุมหนัก! คาด หดตัว 8.5%

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวดี เศรษฐกิจเมียนมากลับเผชิญมรสุมทางการเมืองอย่างหนัก ภาพลักษณ์ของเมียนมาในสายตาชาติตะวันตกกำลังมีบทบาทลดน้อยลง จากการที่สหรัฐฯ ประกาศระงับความตกลงการค้าและการลงทุนกับเมียนมาที่มีมาตั้งแต่ปี 2556 ทำให้มียนมาต้องสูญเสียสิทธิพิเศษทางภาษีเป็นการทั่วไป (GSP) ของสหรัฐฯ และมีความเสี่ยงที่สหภาพยุโรปจะตัดสิทธิพิเศษทางการค้า EBA รวมถึงนานาชาติจะเพิ่มแรงกดดันด้านต่าง ๆ อันเป็นอุปสรรค์ต่อการทำธุรกิจในอนาคต

ตั้งแต่กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ได้มีการแสดงอารยะขัดขืนเป็นวงกว้างและทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงักงัน เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกตัวชะลอตัวลงมากกว่าคาด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเศรษฐกิจเมียนมาปี 2564 อาจจะหดตัวลึกขึ้นมาอยู่ที่ราว -8.5% (กรอบประมาณการ -9.8% ถึง -7.2%) หากการประท้วงไม่ขยายวงกว้างกว่านี้และทางการสามารถควบคุมสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองช่วงครึ่งปีหลังให้ดีขึ้นได้ เศรษฐกิจเมียนมาปี 2564 คาดว่าจะโน้มเอียงสู่กรอบบนประมาณการที่ -7.2% แต่หากความขัดแย้งรุนแรงลากยาวตลอดปี เศรษฐกิจอาจทรุดตัวเข้าใกล้กรอบล่างที่ -9.8%

การส่งออกผ่านชายแดนจากไทยไปเมียนมาเดือนก.พ. 2564 กลับมาหดตัวสูงที่ -21.4% ส่วนหนึ่งเพราะโควิด-19 ลุกลามอีกครั้ง และบางส่วนเพราะความไม่สงบในเมียนมาทำให้สินค้าส่วนใหญ่เริ่มหดตัวชัดเจน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าแม้ความไม่สงบในเมียนมาอาจส่งผลมายังช่องทางการค้าบริเวณพรมแดน แต่ไม่กระทบการขนส่งสินค้าข้ามแดนมากนักเพราะเมียนมาต้องพึ่งสินค้าไทยหลายชนิด ขณะเดียวกันความกังวลต่อความไม่สงบในช่วงแรกทำให้มีการเร่งกักตุนสินค้าจากไทยค่อนข้างมาก แต่ในช่วงที่เหลือของปีด้วยกำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจที่จะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ คงฉุดให้การส่งออกชายแดนไทยไปเมียนมาปีนี้หดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ที่ -6.0% มูลค่าการส่งออก 81,890 ล้านบาท (กรอบประมาณการหดตัวที่ -8.0% หากเศรษฐกิจเมียนมาทรุดตัวตลอดปี ถึงหดตัวที่ -2.9% หากครึ่งปีหลังหลังสามารถควบคุมสถานการณ์ให้กลับมาดีขึ้นได้)​

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Myanmar-Eco-23-04-2021.aspx

จุรินทร์ ฟิตจัด ดันส่งออกต่อเนื่อง เปิดไทม์ไลน์แผนจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ปี 64

จุรินทร์ ฟิตจัด ดันส่งออกต่อเนื่อง เปิดไทม์ไลน์แผนจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ปี 64 ตั้งเป้าทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท พร้อมจัดอบรมทีมเซลล์แมนจังหวัดให้เป็นแม่ไก่ไปอบรม SME ในทุกพื้นที่เพื่อเพิ่มยอดส่งออก โดยเมื่อ วันที่ 21 เมษายน 2564 ที่สถาบันพัฒนา ผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานมอบนโยบายให้กับทีม Salesman จังหวัดในรูปแบบ ออนไลน์ผ่านระบบ Webinar ภายใต้โครงการฝึกอบรมเชิง ปฏิบัติการ Salesman จังหวัด Go-inter โดยในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา การส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และมีความเห็นตรงกันว่าการส่งออกของไทยน่าจะพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว และกำลังทะยานขึ้น ตัวเลขการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากที่ประเผชิญกับวิกฤตโควิด สงครามการค้า และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตัวเลขการส่งออกที่ต่ำสุดช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ติดลบร้อยละ 22 โดยในเดือนธันวาคม 63 กลับมาบวกถึงร้อยละ 4.7 ซึ่งในปีนี้การส่งออกยังมีสัญญาณที่ดี ทะยานขึ้นเป็นลำดับ สำหรับสินค้าสำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกประกอบด้วย สินค้าเกษตร สินค้าอาหาร เครื่องใช้ในบ้าน และภาคอุตสาหกรรม อื่นๆ ตลาดสำคัญที่มีศักยภาพ รองรับสินค้าของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นอาเซียน CLMV และตลาดในทวีปออสเตรเลีย ขยายตัวได้ดี แม้การท่องเที่ยวจะติดปัญหา

ที่มา : https://www.naewna.com/business/567431

คลังชงขยายเวลา’เราชนะ’เพิ่ม1เดือน ใช้จ่ายได้ถึงสิ้นมิ.ย.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ชี้แจงว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 20 เม.ย.64 ได้เสนอขออนุมัติงบเพิ่มเติมสำหรับใช้ในโครงการเราชนะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกันได้ขยายระยะเวลาการใช้เงินเพิ่มอีก 1 เดือนด้วย จากเดิมสิ้นสุดเดือนพ.ค.64 เป็น 30 มิ.ย.64 เพื่อให้ผู้ที่เพิ่งได้รับสิทธิเราชนะบางส่วน เช่น ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้พิการ ผู้สูงวัย เพื่อให้มีโอกาสวางแผน และทยอยจับจ่ายใช้เงินได้ดีขึ้น ทั้งนี้ยังยืนยันว่าทุกคนยังได้รับวงเงิน 7,000 บาทเท่าเดิม ส่วนการใช้จ่ายปัจจุบันใช้ไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท เหลืออีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมียอดใช้จ่ายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/838071

พาณิชย์โปรโมตอาหารไทยเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงฮ่องกง

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง จัดกิจกรรมโปรโมตอาหารไทย ดึงนักธุรกิจรุ่นใหม่ ดารา เซเลบริตี้ ซึ่งได้รับการตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก ร่วมแข่งขันทำอาหารไทย เมนูยำส้มโอ พร้อมจัด Thai Food Fair ทั่วเกาะฮ่องกง ขยายตลาดสินค้าอาหารไทยในฮ่องกงเพิ่ม และในสถานการณ์โควิด-19 ร้านอาหารไทยมีการปรับตัว โดยจัดทำเมนูอาหารสำเร็จรูป ออกจำหน่าย เช่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ผัดไท และผักบุ้งไฟแดง เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ได้ยังร่วมกับห้าง 759 Store ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกรายใหญ่ใน จัดงาน In-Store Promotion ภายใต้ชื่อ Thai Food Fair ระหว่างวันที่ 9–22 เม.ย.2564 รวม 14 วัน เพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นการบริโภคอาหารไทย

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/837819