เมียนมาวางแผนส่งออกข้าวนึ่งและข้าวหักเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2567-2568

ตามที่ U Ye Min Aung ประธานสมาพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ระบุว่า MRF ตั้งใจที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เช่น ผงข้าวและเส้นก๋วยเตี๋ยว รวมถึงข้าวนึ่งและข้าวหักในปีงบประมาณ 2567-2568 ซึ่งการบริโภคข้าวในประเทศของเมียนมาปัจจุบันอยู่ที่ 10 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ประเทศผลิตได้ 12-14 ล้านตันต่อปี ซึ่งจำกัดความสามารถในการส่งออกเพียง 3 ล้านตันต่อปี ดังนั้นบุคลากรที่เกี่ยวข้องจึงมุ่งเน้นการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างรายได้มากขึ้นแทนที่จะส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นตัน อย่างไรก็ตาม ประธานสมาพันธ์ฯ ยังกล่าวอีกว่า MRF จะเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งออกข้าวนึ่งและข้าวหักเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมของปีงบประมาณนี้ ในขณะที่ข้าวขาวมีกำหนดส่งออกโดยมีข้อจำกัดเพื่อให้แน่ใจว่าสต๊อกข้าวเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 2566-2567 รายได้จากการส่งออกข้าวไม่ได้ลดลง ถึงแม้ว่าการส่งออกข้าวจะลดลง 500,000 ตันก็ตาม เนื่องจากราคาข้าวทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ประเทศจึงมีรายได้สูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในบางเดือน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-plans-to-export-more-parboiled-rice-broken-rice-in-2024-25fy/#article-title

‘เวียดนาม-จีน’ ยอดค้าชายแดนพุ่ง โอกาสเติบโตสูงในอนาคต

คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจประตูชายแดนดงดัง-ลางเซิน เปิดเผยว่าสัปดาห์แรกของปีนี้ มีรถบรรทุกขนส่งสินค้าผ่านด่านชายแดน 6 แห่งในจังหวัดหลั่งเซิน จำนวนมากกว่า 300 คัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และมีรถบรรทุกสินค้าส่งออกเฉลี่ย 400 คัน และรถบรรทุกสินค้านำเข้าประมาณ 800 คัน โดยตัวแทนของคณะกรรมการระบุว่าความต้องการของตลาดจีนสำหรับสินค้าเกษตรและผลไม้สดของเวียดนามมีมากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในขณะที่ผู้ประกอบการเวียดนามจำเป็นที่จะต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและชิ้นส่วนประกอบเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศที่สูงขึ้น ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนสูงขึ้นอย่างมาก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-china-see-surge-in-border-trade-with-more-to-come/278112.vnp

สปป.ลาว มีรายได้ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2566

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ สปป.ลาว เผย ลาวมีรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรในปีที่แล้ว ซึ่งเกินเป้าหมายปี 2566 20.18% โดยมูลค่าการผลิตในภาคเกษตรและป่าไม้ของประเทศลาว ขยายตัว 3.4% ในปี 2566 คิดเป็น 21.4% ของจีดีพี โดยมีการเก็บเกี่ยวพืชผลประมาณ 9.74 ล้านตัน ซึ่งเกินเป้าหมาย 3.7% โดยผลผลิตมันฝรั่งเพิ่มขึ้น 28.62% กาแฟ 7.5% กล้วย 16.7% และอ้อย 10.1% ปัจจุบันมีฟาร์มปศุสัตว์ 2,261 แห่ง ซึ่งมีสัตว์มากกว่า 6.5 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 123 แห่ง เมื่อเทียบกับปี  2565 จำนวนดังกล่าวประกอบด้วยฟาร์มปศุสัตว์ 55 แห่ง ฟาร์มหมู 34 แห่ง และฟาร์มสัตว์ปีก 18 แห่ง ซึ่งผลิตเนื้อสัตว์คิดเป็น 41% ของทั้งประเทศ รัฐบาลยังคงเจรจาเพื่อการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถส่งออกสินค้าได้ 64 ชนิด มากกว่าปี 2565 16 ชนิด ในจำนวนนี้ มีการส่งออกไปยังจีน 33 ชนิด ส่งออกไปยังเวียดนาม 16 ชนิด และส่งออกให้ไทย 15 ชนิด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_24_Laowearns_y24.php

มะม่วงจากกัมพูชากำลังได้รับความนิยมในตลาดรัสเซีย

มะม่วงของกัมพูชากำลังได้รับความนิยมในตลาดรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดระดับไฮเอนด์ ซึ่งช่วยส่งเสริมภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา รายงานโดยตัวแทนของบริษัทผู้ส่งออกมะม่วงในกัมพูชาไปยังรัสเซียและเอเชียกลาง ในบรรดามะม่วงของกัมพูชาหลายชนิด Keov Romeat ถือเป็นมะม่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในรัสเซีย โดยผิวของ Keov Romeat มีสีเหลืองทอง มีรสหวาน มีกลิ่นหอมแรง และมีเนื้อที่ล้เอียด สำหรับการส่งออกมะม่วงสดและแห้งของกัมพูชในช่วงปี 2022 ที่ปริมาณรวม 169,658 ตัน ตามการระบุของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) ขณะที่ประเทศผู้นำเข้ามะม่วงรายสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ เวียดนาม ไทย จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง และออสเตรีย เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501427846/cambodian-mangoes-now-gaining-popularity-across-russian-markets/

นายกฯ สปป.ลาว เสนอแนะให้เพิ่มผลผลิตสินค้าทางการเกษตรเพื่อส่งออกมากขึ้นในปี 2567

นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว กล่าวในการประชุมด้านการเกษตรและป่าไม้ ให้เพิ่มผลผลิตสินค้าทางการเกษตรเพื่อส่งออกมากขึ้นในปี 2567 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ และเจ้าหน้าที่จังหวัดเข้าร่วม ในการประชุม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความท้าทายบางประการที่ต้องได้รับการแก้ไข เช่น กลุ่มการผลิตทางการเกษตรยังไม่มีการจัดระเบียบที่ดีและไม่ได้มีผลผลิตที่สูง แม้ว่าจะมีที่ดินเพียงพอก็ตาม และกล่าวเสริมว่า วิธีการทำฟาร์มยังคงเป็นขั้นพื้นฐาน ดังนั้น ผลผลิตในฤดูแล้งจึงมีผลผลิคที่ต่ำมาก และเพียงพอกับความต้องการ และได้ตั้งข้อสังเกตว่า เกษตรกรได้รับการศึกษาที่ไม่ดีนักในด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคการเพาะปลูกพืชผล และไม่ได้ใช้เครื่องจักรใดๆ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_17_PMcalls_y24.php

กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยัง UAE เป็นครั้งแรก ปริมาณรวมกว่า 6 หมื่นตัน

Cham Nimul รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา รายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ม.ค.) กัมพูชาส่งออกข้าวสารชุดแรกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กว่า 60,000 ตัน มูลค่ารวม 54 ล้านดอลลาร์ ส่งออกโดย Oneroad Group ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในท้องถิ่นส่งออกข้าวไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับการส่งออกเกิดขึ้นหลังจากที่กัมพูชาและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าทวิภาคี ณ เดือนมิถุนายน 2023 สำหรับการส่งออกข้าวสารของกัมพูชาในช่วงปี 2023 มีปริมาณรวมกว่า 656,323 ตัน ไปยัง 61 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501422304/cambodia-exports-60000-tonnes-of-milled-rice-to-uae-for-1st-time/

เมียนมาร์มีรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่ารวม 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 9 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาร์สร้างรายได้ 2.313 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวลดลงจาก 2.688 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว โดยลดลง 374.172 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เมียนมาร์ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบสำหรับการผลิตสินค้า CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ เมียนมาร์ได้ดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อกระตุ้นการส่งออก ภาคส่วนที่มีลำดับความสำคัญของ NES ประกอบด้วยการผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/agri-export-earnings-in-myanmar-total-us2-3-bln-in-9-months/

โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ไทยส่งออกโคเนื้อทางเรือไปยังเวียดนามครั้งแรก 2,000 ตัว คาดเริ่มกุมภาพันธ์ 2567 นี้

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลยินดีที่การดำเนินการเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์ โดยเฉพาะโคและสุกรมีชีวิต ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน อาเซียนและตะวันออกกลาง เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และกล่าวว่าโคเนื้อ เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่สามารถสร้างรายได้ โดยประเทศไทยมีปริมาณโคเนื้อที่สามารถทำการส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัว/ปี โดยตลาดประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนามมีความต้องการโคเนื้อจากไทยถึงกว่า 2,000 ตัว/เดือน ซึ่งล่าสุด เป็นครั้งแรกของไทยที่ส่งออกโคเนื้อทางเรือจากเพชรบุรีไปยังเวียดนาม เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพในการส่งออก มาตรฐานและกระบวนการเลี้ยงโคเนื้อของไทย

ที่มา : https://www.agrinewsthai.com/domestic-animal/105262

กัมพูชาส่งออกยางในช่วง ม.ค.-พ.ย. พุ่งแตะ 445 ล้านดอลลาร์

รายงานจาก General Directorate of Rubber (GER) ระบุว่ากัมพูชาส่งออกยางแห้งไปยังตลาดโลกรวมกว่า 334,176 ตัน สำหรับในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2023 เพิ่มขึ้นในแง่ปริมาณร้อยละ 3.6 จากปริมาณ 322,586 ตัน เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้เข้าประทศกว่า 445.4 ล้านดอลลาร์ ลดลงในแง่ของมูลค่าร้อยละ 4.4 จากมูลค่า 465.8 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันยางแห้งหนึ่งตันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,333 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งต่ำกว่าราคาในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 111 ดอลลาร์/ตัน สำหรับประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญของกัมพูชายังคงเป็นมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน ด้านการเพาะปลูกกัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด 407,172 เฮกตาร์ ซึ่งร้อยละ 78.6 ของพื้นที่เพาะปลูก หรือประมาณ 320,184 เฮกตาร์ สามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501408025/cambodia-earns-over-445-million-from-rubber-exports-in-the-first-11-months/

มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาร์ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 8 เดือนที่ผ่านมา

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ ระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาร์มีมูลค่า 2.035 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งมูลค่าดดังกล่าวเป็นมูลค่ารวมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผานมา ทั้งนี้ ตัวเลขมูลค่าการส่งออกดังกล่าวลดลงจาก 2.364 พันล้านดอลลาร์ที่มีการเก็บข้อมูลสถิติไว้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงเท่ากับ 328.349 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมียนมาร์มีการส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้า CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ เมียนมาร์ได้มีการดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อสนับสนุนการส่งออก ซึ่งภาคส่วนที่มีลำดับความสำคัญของ NES ประกอบด้วยการผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-agri-exports-surpass-us2-bln-in-8-months/#article-title