‘ชาวฟิลิปปินส์’ ใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวมากที่สุดในเวียดนาม ปี 2565
จากรายงานสถิติประจำปี 2565 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดในเวียดนาม ปี 2565 ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศในอาเซียน มีการใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวในเวียดนาม เพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยเพิ่มขึ้นจาก 1,124.7 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 ขึ้นมาอยู่ที่ 2,257.8 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 รองลงมานักท่องเที่ยวชาวเบลเยียม 1,995.3 ดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย เดนมาร์ก และนอร์เวย ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 10 อันดับแรกในเวียดนาม ได้แก่ เนเธอแลนด์ 1,317.5 ดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยแคนาดา สหรัฐฯ และเยอรมนี เป็นต้น
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/filipinos-biggest-spenders-in-vietnam-in-2022-report/262925.vnp
‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าผลิตแร่แรร์เอิร์ธ 2 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573
สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่าเวียดนามมีเป้าหมายที่จะผลิตแร่หายาก (Rare Earth) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.02 ล้านตันต่อปี สำหรับแร่ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการ โดยตั้งเป้าภายในปี 2573 แร่แรร์เอิร์ธหรือแร่หายากนั้นมาจากเหมือง 9 แห่งในจังหวัดภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ได้แก่ จังหวัดลายเจิว (Lai Chau), จังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai) และจังหวัดเอียนบ๊าย (Yen Bai) ทั้งนี้ แร่แรร์เอิร์ธนับเป็นกลุ่มธาตุหายากที่มีการนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และแบตเตอรี่ ทำให้ธาตุเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่แหล่งพลังงานสะอาด นอกจากนี้ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) เปิดเผยว่าเวียดนามมีปริมาณสำรองแร่แรร์เอิร์ธมากเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือคิดเป็นปริมาณ 22 ล้านตัน รองจากประเทศจีน
‘สหราชอาณาจักร’ ยอมรับเวียดนามเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด
สำนักงานกำกับดูแลด้านมาตรการการค้าของเวียดนาม (TRAV) ระบุว่าสหราชอาณาจักร (UK) พร้อมที่จะยอมรับว่าอุตสาหกรรมเวียดนามอยู่ในช่วงวางรากฐานของเศรษฐกิจระบบตลาด และจะไม่กำหนดกฎเกณฑ์ที่ทำให้เสียเปรียบ หากได้รับการตรวจสอบเป็นไปตามมาตรการป้องกันทางการค้า ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ส่งผลให้เวียดนามเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ จำนวน 71 ประเทศ รวมถึงคู่ค้าสำคัญที่ผ่านการลงนามข้อตกลงการค้า และเมื่อเวียดนามได้รับการยอมรับว่าเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด ทำให้สินค้าของเวียดนามจะได้รับการปฎิบัติที่เป็นธรรมมากขึ้น และผู้ส่งออกจะสามารถเข้าถึงตลาดได้อีกจำนวนมาก
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1551526/uk-to-recognise-viet-nam-as-market-economy.html
‘จีน’ ผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ของเวียดนาม
กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงของเวียดนาม มีมูลค่า 24.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในชวงครึ่งแรกของปีนี้ ลดลง 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของผลผลิตทางการเกษตรเวียดนาม ทั้งนี้ การส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 32.9% และ 5.3% คิดเป็นสัดส่วนของการส่งออกสินค้าเกษตร อยู่ที่ 20.2% และ 7.7% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งประเทศ ตามลำดับ
ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดจีน เพิ่มขึ้น 7.7% และคิดเป็นสัดส่วนราว 21% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งประเทศ นอกจากนี้ จีนยังคงเป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียวของเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวที่เป็นบวกในตลาดส่งออกสำคัญ
ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/china-becomes-top-buyer-of-vietnam-s-farm-produce-2167911.html
‘เวียดนาม’ เล็งนำเข้าถ่านหินปีละ 20 ตัน จากสปป.ลาว
เวียดนามลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยการนำเข้าถ่านหิน 20 ตันต่อปีจากสปป.ลาว เมื่อวันที่ 20 ก.ค. และภายใต้บันทึกความเข้าใจดังกล่าว ทั้งสองประเทศจะส่งเสริมความร่วมมือและการลงทุนทางด้านการทำเหมืองแร่ อุตสาหกรรมและการส่งออก รวมถึงการถ่ายทอดความรู้หรือประสบการณ์และยกระดับขีดความสามารถในการทำเหมืองและแปรรูปถ่านหิน นอกจากนี้ การบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะช่วยส่งเสริมกิจกรรมการค้าถ่านหินระหว่างธุรกิจของทั้งสองประเทศ
‘สื่อเยอรมัน’ ยกย่องศักยภาพการพัฒนาและโอกาสการลงทุนของเวียดนาม
หนังสือพิมพ์โฟกัส ของเยอรมนีได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจของเอเชีย และมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีศักยภาพในระดับสูง โดยบทความดังกล่าวอ้างถึงคุณ Horst Geicke นักลงทุนและประธานของบริษัท Deutsches Haus กล่าวว่าเวียดนามเป็นแหล่งลงทุนแห่งใหม่ของนักลงทุนต่างชาติและกิจการเยอรมนี นอกจากประเทศสิงคโปร์แล้วในภูมิภาคเอเชีย มีเพียงเวียดนามประเทศเดียวที่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EVFTA) นอกจากนี้ เวียดนามดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ประมาณ 27,720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 และตัวเลขเงินลงทุนจากต่างประเทศมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศขยายตัว 8% ในปีที่แล้ว และเฉลี่ยที่ 5.9% ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา
‘ADB’ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามปีนี้ โต 5.8%
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุในรายงาน Asian Development Outlook (ADO) ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้ อยู่ที่ 5.8% และปีหน้า 6.5% จากที่เคยประมาณการไว้ที่ 6.5% และ 6.8% ในเดือนเมษายน เนื่องมาจากอุปสงค์ภายนอกที่อ่อนแอ ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่คาดกาณ์ว่ากิจกรรมในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ภาวะเงินเฟ้อในประเทศ คาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 4% ในปี 2566 และปีหน้า เป็นผลมาจากทิศทางราคาเชื้อเพลิงและอาหารลดลง
ที่มา : https://en.nhandan.vn/adb-lowers-growth-forecast-for-vietnams-to-58-this-year-post127656.html