บริษัทญี่ปุ่นจับมือสหกรณ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์กัมพูชา

สหกรณ์การเกษตร 12 แห่ง ในกัมพูชา ได้ทำสัญญาร่วมกับบริษัทญี่ปุ่น 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท Top Planning และ Kamya เพื่อจัดหาเม็ดมะม่วงหิมพานต์สดปริมาณกว่า 100 ตัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรกัมพูชาที่กำลังประสบกับปัญหาราคาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ตกต่ำ ภายใต้สัญญาดังกล่าวมีกำหนดที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวปีหน้า โดยในข้อกำหนดเน้นย้ำถึงด้านคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเป็นสำคัญ ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาคาดหวังเป็นอย่างมากว่าการลงนามดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิต ของเกษตรกรกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาสินค้าเกษตร ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้บริษัทญี่ปุ่นตั้งราคาเม็ดมะม่วงหิมพานต์สดหนึ่งตันไว้ที่ราคา 1,625 ดอลลาร์ต่อตัน โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์สดปริมาณกว่า 670,000 ตัน ไปยังเวียดนาม คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ ลดลงมากกว่าร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501140414/japanese-firms-tie-up-with-cambodia-cashew-cooperatives/

โควิด-19 กระทบแรงงานกัมพูชาในต่างประเทศ ส่งเงินกลับลดลง 16.6%

โควิด-19 กระทบแรงงานกัมพูชาในต่างประเทศ ลงเงินกลับประเทศลดลงกว่าร้อยละ 16.6 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,272 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตรงกันข้ามกับในช่วงปี 2014-2019 ที่มีการเติบโตกว่าร้อยละ 6.7 ต่อปี โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยผ่านรายงาน “Asean Migration Outlook” ฉบับแรก ซึ่งปัจจุบันแรงงานกัมพูชาในต่างประเทศประมาณ 260,000 คน ตกงานหลังจากเกิดการแพร่ระบาดและได้เดินทางกลับมายังกัมพูชา โดยส่วนใหญ่กลับมาจากประเทศไทย ซึ่งในรายงานยังระบุเสริมอีกว่าการตกงานของแรงงานกัมพูชาในต่างชาติส่งผลทำให้ความยากจนในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปี 2019 ช่วงก่อนโควิด-19 แรงงานกัมพูชาในต่างประเทศมีมากกว่า 1 ล้านคน โดยกว่า 719,000 คน ทำงานในประเทศไทย หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ของแรงงานกัมพูชาในต่างชาติ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501140226/covid-19-hit-cambodian-migrants-hard-remittances-fell-by-16-6/

การค้าระหว่าง กัมพูชา-ไทย เติบโตกว่า 26%

ในช่วง 7 เดือนแรกของปี มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชาและไทยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 26.46 หรือคิดเป็นมูลค่า 2.781 พันล้านดอลลาร์ จากมูลค่า 2.199 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิต ซึ่งคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชามูลค่า 559 ล้านดอลลาร์ ไปยังประเทศไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การส่งออกของไทยมายังกัมพูชามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2.222 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.85 โดยสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ สินค้าเกษตร ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญจากไทย ได้แก่ รถยนต์ เชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งกัมพูชายังคงขาดดุลการค้ากับไทยอยู่ที่มูลค่า 1.663 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเกือบ 4 เท่า ของมูลค่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501139113/kingdom-thailand-trade-goes-up-over-26/

คาด RCEP FTA ส่งเสริมการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของกัมพูชา

คาดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรี กัมพูชา-จีน (CCFTA) จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ด้าน Bun Chanthy ปลัดกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC) ได้กล่าวว่าข้อตกลงการค้าเสรีทั้งสองฉบับข้างต้น จะทำให้คู่ค้าโดยเฉพาะจีนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของกัมพูชาได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าทางการเกษตร เช่น ข้าว กล้วย มะม่วง มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และข้าวโพด เป็นต้น ในขณะที่รายงานของ MoC ยังได้รายงานอีกว่าการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาไปยังสมาชิก RCEP มีมูลค่ารวมถึง 3.28 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากมูลค่า 2.99 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในช่วง มกราคม-มิถุนายน จุดหมายปลายทางสำคัญ 3 อันดับแรกของกัมพูชา ได้แก่ เวียดนามมูลค่าการส่งออก 1.17 พันล้านดอลลาร์, จีน 612 ล้านดอลลาร์ และ ญี่ปุ่น  542 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501138613/rcep-cambodia-china-fta-significantly-contribute-to-boosting-cambodias-economy/

คาด! การพัฒนาถนนสาย NR67 ส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว กัมพูชา-ไทย

การพัฒนาถนนแห่งชาติหมายเลข 67 (NR67) ซึ่งเชื่อมระหว่างกัมพูชาและไทย ในช่วงรอยต่อของอำเภอหลงแวง อุดรมีชัย และช่องสะงำ ของกัมพูชา โดยเชื่อมกับเขตอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนระหว่างกัน ตามรายงานของรัฐบาลกัมพูชาและไทย ที่ได้ทำการตกลงพัฒนาถนนสาย NR67 ด้านบางกอกโพสต์รายงานว่ารองโฆษกรัฐบาล ไตรศุลี ตัยศรานากุล กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีของไทยได้อนุมัติข้อเสนอเงินกู้ให้แก่กัมพูชาจำนวน 983 ล้านบาท เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (23 ส.ค.) เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างถนนเส้นนี้ นอกจากนี้ยังจะสร้างการเชื่อมต่อกับระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกของประเทศไทย (EEC) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501138219/nr67-development-to-boost-cambodia-thailand-trade-tourism/

กัมพูชางดการนำเข้าแป้งเด็กปนเปื้อนแร่ใยหินเป็นการชั่วคราว

กัมพูชาระงับการนำเข้าและจำหน่ายแป้งทาตัวสำหรับเด็กหลายยี่ห้อเป็นการชั่วคราว หลังจากตรวจพบแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น กล่าวโดยอธิบดีกรมคุ้มครองผู้บริโภค การแข่งขัน และการปราบปรามการทุจริตกัมพูชา (CCF) โดยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหินที่มีการจัดจำหน่ายในกัมพูชายกตัวอย่างเช่น ยี่ห้อจอห์นสัน, ดีนี่, โคโดโม, Bhaesaj และเบบี้มายด์ ซึ่งผลิตในประเทศไทย เช่นเดียวกับ แป้งเด็ก Pureen และ Laffair Be Love ที่ผลิตในมาเลเซีย โดย CCF ยังสั่งให้ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจากตลาด โดยให้เวลาสองสัปดาห์ในการนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์เข้าตรวจทดสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาการปนเปื้อนของแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ โดยห้องทดลอง (Lab) ต้องเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501137845/cambodia-temporarily-bans-imports-of-asbestos-contained-talc-baby-powder/

ท่าเรือพนมเปญในกัมพูชายังคงเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก

ท่าเรือพนมเปญ (PPAP) บริษัทซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา รายงานถึงรายรับในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 20 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่มและสินค้าเกษตรของกัมพูชาไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันท่าเรือได้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต (TEU) จำนวน 250,000 ตู้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.70 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยท่าเรือพนมเปญจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการดำเนินงานให้ทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานโลก รวมถึงการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับท่าเรือทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับปี 2021 ท่าเรือพนมเปญ (PPAP) สร้างรายได้ประมาณ 12 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501137620/phnom-penh-autonomous-port-maintains-growth-in-h1/

7 เดือนแรก กัมพูชาดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7.4 แสนคน

กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 740,000 คน ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 560 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อย่างน้อย 1 ล้านคน โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาดำเนินได้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งในช่วงเดือน มกราคม-กรกฎาคม กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเวียดนามมากที่สุด รองลงมาคือนักท่องเที่ยวจีน โดยในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดกัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมกว่า6.6 ล้านคนในปี 2019 สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 4.92
พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501136637
/cambodia-attracts-over-740000-international-tourists-infirst-7-months

กัมพูชาอนุมัติโครงการการลงทุนใหม่มูลค่ากว่า 17 ล้านดอลลาร์ ในเขตกันดาล

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 4 โครงการ ในจังหวัดกันดาล มูลค่ารวม 17 ล้านดอลลาร์ ซึ่งโครงการการลงทุนใหม่ครอบคลุมอุตสาหกรรมการผลิต รองเท้า, เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ไม้, โซฟา และวัสดุบรรจุภัณฑ์ โดยคาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นประมาณ 2,800 ตำแหน่ง โครงการแรกเป็นของ บริษัท RG Footwear (Cambodia) Co., Ltd. ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการผลิตรองเท้า ในขณะเดียวกัน บริษัท Xing Gang Wood Industry (Cambodia) Co., Ltd. คาดว่าจะตั้งโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ทำจากไม้ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุ โดยในบริษัทต่อมาคือ บริษัท Zhejiang Jeni Furniture Co., Ltd. จัดตั้งโรงงานผลิตโซฟาและผ้าคลุมโซฟา ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุ และบริษัทสุดท้าย คือ บริษัท FF LL (Cambodia) Co., Ltd. จัดตั้งโรงงานผลิตวัสดุบรรจุภัณฑ์ทุกประเภทในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุเช่นเดียวกัน ซึ่งกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศมูลค่ารวม 6.6 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน ปีนี้ เมื่อเทียบกับการส่งออกในปีที่แล้วที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.72 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501135969/17m-investment-projects-in-kandal-p-sihanouk-provinces/

คาดการค้าทวิภาคี กัมพูชา-อังกฤษ เติบโตภายใต้โครงการใหม่

หลังอังกฤษตัดสินใจเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับ Brexit ทำให้สหราชอาณาจักรจำเป็นที่จะต้องแทนที่ Generalized Scheme of Preferences (GSP) ด้วยโครงการใหม่ที่มีชื่อว่า Developing Countries Trading Scheme (DCTS) สำหรับกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา (LDC) ในการกระตุ้นภาคการค้าทวิภาคี ซึ่งจะทำการยกเว้นภาษีในอัตราร้อยละ 99 ให้กับประเทศในกลุ่ม LDC เพื่อเป็นการกระตุ้นการนำเข้าสินค้าจากประเทศที่กำลังพัฒนา โดยกัมพูชาถือเป็นหนึ่งในผู้รับผลประโยชน์จากทั้งหมด 65 ประเทศทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันกลุ่มประเทศ LDC มีประชากรประมาณร้อยละ 13 ของประชากรโลก แต่มูลค้ากลับคิดเป็นเพียงประมาณร้อยละ 1 ของมูลค่าการค้าโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501136142/cambodia-uk-trade-to-soar-under-new-scheme/