สงครามยูเครน-เงินเฟ้อพุ่ง กับดักการเติบโตทางเศรษฐกิจอาเซียน+3

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 (AMRO) องค์กรระหว่างประเทศที่ติดตามเศรษฐกิจของ 10 ประเทศสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตประจำปีของภูมิภาคลงเหลือ 4.3% จาก 4.7% ในเดือนเมษายน โดยการปรับลดล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปีในประเทศจีนและฮ่องกง สำหรับจีนซึ่งกำหนดมาตรการล็อกดาวน์จากโควิด-19 เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัส AMRO ลดการคาดการณ์การเติบโตเป็น 4.8% จาก 5.2% ขณะที่แนวโน้มของฮ่องกงลดลงเหลือ 1.1% จาก 2.8% ด้าน AMRO ยังเพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับภูมิภาคเป็น 5.2% เพิ่มขึ้น 1.7 จุดจากเดือนเมษายน สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อความขัดแย้งในยูเครนทำให้การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกแย่ลง และราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นบีบผู้บริโภคทั่วเอเชีย สำหรับประเทศในกลุ่มอาเซียนเพียงอย่างเดียว AMRO ยังคงคาดการณ์การเติบโตโดยรวมไว้ที่ 5.1% ในปีนี้ โดยเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว อย่างในประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม คาดว่าจะทำงานได้ดีขึ้นในปีนี้ ในขณะที่มองไปในอนาคต AMRO คาดว่าการเติบโตของกลุ่มอาเซียน+3 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9% ในปี 2566 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.8%

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/article/news/ukraine-war-inflation-economic-asean3-060765

พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อมิ.ย.พุ่ง 7.66% เหตุน้ำมันแพง ส่วนทั้งปีคาด 4-5%

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาอยู่ที่ 7.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 2.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 2.28%

ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 3/65 ยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อปีนี้ ยังคงกรอบเดิมที่ 4-5% โดยมีค่ากลางที่ 4.5%

ที่มา : http://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=enNGZ3FBSW1BTlU9

เงินเฟ้อ สปป.ลาว พุ่งแตะ 23.6% สูงสุดในรอบ 22 ปี

ในเดือนมิ.ย.2565 เงินเฟ้อในสปป.ลาว พุ่งแตะ 23.6% สูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภคที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสร้างความลำบากและซ้ำเติมการใช้ชีวิตของประชาชนในประเทศเป็นอย่างมาก ด้านสำนักงานสถิติของสปป.ลาว ชี้ว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ และสินค้านำเข้าอื่นๆ ที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับค่าเงินกีบเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันเงินเฟ้อ ซึ่งเกินกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้คือ 12% โดยในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน ก๊าซ และทองคำพุ่งขึ้น 107.1 เปอร์เซ็นต์ 69.4% และ 68.7% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับสถานการณ์ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้ตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลกผันผวน ความหวาดกลัวว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และวิกฤตด้านอาหารที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ส่วนราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเกิดจากการที่รัฐบาลพยายามจัดหาให้กับประชาชน ที่ผ่านมาเงืนเฟ้อในสสป.ลาว เคยพุ่งสูงสุดถึง 26.95% ในปี 2543 ทั้งนี้ จากดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมิ.ย.2565 ที่พุ่งสูงขึ้นสูงสุด คือหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร ที่พุ่งขึ้นถึง 55.5%

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten126_Inflation.php

เศรษฐกิจกัมพูชาอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว แต่กลับต้องเผชิญกับภาวะน้ำมันแพง

คาดเศรษฐกิจกัมพูชาเติบร้อยละ 4.5 ในปี 2022 จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการส่งออกสินค้าเริ่มกลับมาฟื้นตัว ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก ในขณะเดียวกันยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น จากผลกระทบของสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ โดยธนาคารโลกยังได้รายงานเพิ่มเติมถึงภาคการส่งออกของกัมพูชาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่ากว่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถึงแม้ว่าแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจภายในประเทศจะแข็งแกร่ง การฟื้นตัวกลับถูกชะลอโดยอุปสงค์ทั่วโลกที่ถดถอย ราคาพลังงานและอาหารทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น และในกัมพูชา มีภาคครัวเรือนที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะแบกรับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อไว้ไม่ไหว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501105248/cambodias-economy-growing-but-must-weather-oil-price-shock/

รัฐบาลกัมพูชาออกมาตรการควบคุมราคาอาหารหลังพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาได้ออกมาตรการและติดตามราคาอาหารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการขึ้นราคาและหลีกเลี่ยงแรงกดดันต่อผู้บริโภคภายในประเทศ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากอัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก เนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่เป็นผลมาจากสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ทางด้าน Pen Sovicheat โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า มีการติดตามราคาสินค้าในตลาดมากกว่า 50 รายการ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคประจำวัน เช่น เนื้อหมู ปลา ไก่ ไข่ ผัก และข้าว เพื่อให้แน่ใจว่าราคาจะไม่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันระดับเงินเฟ้อของกัมพูชาในกลุ่มอาหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ยังคงต่ำกว่าร้อยละ 10 ของระดับความเสี่ยง ในขณะเดียวกันรัฐบาลกัมพูชาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 5 ในปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501101472/measures-to-keep-price-rise-under-control-ministry/

“เอชเอสบีซี” ปรับอัตราเงินเฟ้อ ของเวียดนามลดลงเหลือ 3.5%

ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุว่าได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามในปี 2565 อยู่ที่ 3.5% จากคาดการณ์ก่อนหน้าไว้ที่ 3.7% เนื่องจากราคาอาหารในประเทศมีเสถียรภาพ และธนาคารยังรายงานว่าความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อต้นปี ทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่โควิด-19 ระบาด อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ ไทยและฟิลิปปินส์ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่น ในขณะที่เวียดนาม มาเลเซียและอินโดนีเซีย เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งนี้ เวียดนาม จะเผชิญกับราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ราคาค่าขนส่งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนราคาอาหารเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อทั่วไปของเวียดนาม ถึงแม้ว่าราคาพลังงานจะสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อทางด้านอาหารยังคงอยู่ในระดับปานกลาง

ที่มา: https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-ranks-89th-in-cost-of-living-index-rankings-post950321.vov

รัฐบาลขอให้รัฐสภา ตั้งเป้าตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอีกครั้ง

รัฐบาลได้ขอให้รัฐสภาพิจารณาและอนุมัติเป้าหมายเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญบางส่วนซึ่งได้รับการแก้ไขในปี 2565 ท่ามกลางความกลัวว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ นาย Sonexay Sitphaxay ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป. ลาว นำเสนอรายงานในการประชุมสภาแห่งชาติที่กำลังดำเนินอยู่ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายที่แก้ไขแล้วซึ่งรัฐบาลจะต้องดำเนินการให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ ภายใต้ข้อเสนอนี้ ความยืดหยุ่นของอัตราแลกเปลี่ยน kip/us dollar ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุญาตให้ผันผวนภายในช่วงบวกหรือลบร้อยละ 5 ต่อปี จะได้รับการแก้ไขให้อยู่ในระดับที่ไม่สร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้กับรัฐบาล รัฐบาลยังได้ขอให้เพิ่มจำนวนเงินในระบบ จากร้อยละ 22 เป็นร้อยละ 28 อันเนื่องมาจากค่าเงิน kip ที่อ่อนค่า ทั้งนี้รัฐบาลตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.5 ในปีนี้ แม้จะมีความไม่แน่นอนของปัจจัยภายในและภายนอก

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten113_Govtasks.php

แบงก์ชาติยอมรับ อัตราเงินเฟ้อสูง เป็นปัจจัยกดดัน ให้ปรับดอกเบี้ย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวยอมรับว่า ปัจจัยเศรษฐกิจตอนนี้ ยังมีความไม่แน่นอน (Uncertainty) ทำให้เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องสร้างกันชน-ภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามปัญหาเงินเฟ้อจากเดิมที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำมากจนไม่จำเป็นต้องสนใจเลย แต่หลังเกิดเหตุสงครามยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้พุ่งสูงขึ้นจนเกินเป้า คาดว่าจะถึงจุดสูงสุด(พีค)ในไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้เรื่องเงินเฟ้อเป็นโจทย์สำคัญมากต่อภาวะเศรษฐกิจนี้ ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะสะท้อนกับกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของไทย ควรเป็นแบบไทย ไม่ใช่ตามต่างชาติ ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ช้าเกินไปก็ไม่ดี เร็วไปก็ไม่ดี เหมือนการเหยียบคันเร่งกับการแตะเบรก ที่ผ่านมานโยบายการเงินเราผ่อนปรนมากหากเทียบกับภูมิภาค ระยะต่อไปเราจึงต้องค่อยๆถอดคันเร่งแล้ว การขึ้นดอกเบี้ยแม้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนก็ต้องดูแล แต่ถ้าไม่ทำอะไรผลกระทบต่อประชาชนจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ที่มา: https://www.naewna.com/business/660091

“เวียดนาม” เผยเงินเฟ้อพุ่ง 2.25%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพ.ค.65 เพิ่มขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หากพิจารณาในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 2.25% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้กลุ่มขนส่งมีต้นทุนสูงขึ้น 2.34% ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.23% ในขณะที่ราคาบ้านและวัสดุก่อสร้างปรับตัวลดลง 0.13% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน นอกจากนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) เดือนพ.ค.65 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.sggpnews.org.vn/business/inflation-climbs-by-225-percent-in-five-first-months-99494.html

พิษเงินเฟ้อลาวพุ่ง-กีบอ่อนค่าทุบค้าชายแดน7หมื่นล.หงอย

เศรษฐกิจลาวฝืดหนัก ปม “เงินเฟ้อพุ่ง-กีบอ่อนค่า” ต่อเนื่อง ทำการค้า 7 หมื่นล้าน สะเทือน “ทูตพาณิชย์ สปป.ลาว” หวั่น สินค้าไทย รถยนต์-อุปโภคบริโภค โดนหางเลข ประธานหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชี้ปัญหาลามกระทบค้าขายชายแดนเงียบเหงา “ตั้งงี่สุ่น” ค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่อุดร ลูกค้าลดวูบ เศรษฐกิจของประเทศลาวที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 และถูกซ้ำเติม จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดผลพวงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินกีบกลับอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ยิ่งทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของลาวมีอาการที่หนักขึ้น อีกด้านหนึ่งก็ส่งผลให้ธุรกิจการค้าชายแดนลาว-ไทย ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ทั้งนี้ ปัญหาเงินกีบที่อ่อนค่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อและทำให้ผู้บริโภคระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ล่าสุดพบว่า ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะรถยนต์ ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคแม้จะยังมีความต้องการ แต่ผู้บริโภคระวังการจับจ่าย ทำให้ผู้นำเข้าระวังมากขึ้นและสต๊อกสินค้าตามความต้องการ

ที่มา : นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 – 27 พ.ค. 2565