เมียนมาส่งออกยางกว่า 19,000 ตันไปยังตลาดต่างประเทศในเดือนพฤษภาคม

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมาจัดส่งยางมากกว่า 19,400 ตัน มูลค่า 26.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับคู่ค้าต่างประเทศในเดือนพฤษภาคม โดยส่งออกผ่านช่องทางการค้าทางทะเลไปยังจีน 8,270 ตัน ไปยังมาเลเซียกว่า 6,670 ตัน ไปยังเวียดนาม 2,190 ตัน ไปยังอินโดนีเซีย 500 ตัน ไปยังญี่ปุ่น 360 ตัน ไปยังอินเดีย 315 ตัน  ไปยังเกาหลีใต้กว่า 100 ตัน และส่งออกไปยังศรีลังกาและบังคลาเทศอีกเล็กน้อย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมกว่า 17,300 ตัน มูลค่า 23.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 1 ถึง 24 พฤษภาคม เมียนมาส่งมอบยางให้กับประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางด่านชายแดน มากกว่า 1,610 ตันให้กับไทย และ 516 ตันให้กับจีน รวมกว่า 2,120 ตัน มูลค่า 2.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ตามสถิติกระทรวงพาณิชย์เผยอีกว่า เมียนมาส่งออกถั่วดำ ถั่วแระ และถั่วเขียว จำนวน 147,170 ตัน มูลค่าประมาณ 131.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤษภาคม แบ่งเป็นถั่วดำ 66,036 ตัน มูลค่า 64.48 ล้านเหรียญสหรัฐ ถั่วเขียว 53,630 ตัน มูลค่า 34.787 ล้านเหรียญสหรัฐ และถั่วแระกว่า 27,500 ตัน มูลค่า 32.26 เหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-19000-tonnes-of-rubber-to-foreign-markets-in-may/

กัมพูชาส่งออกยางพาราในช่วง 4 เดือนแรกของปีแตะ 125 ล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกยางแห้งจำนวน 85,428 ตัน ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากจำนวน 82,359 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของ General Directorate of Rubber โดยรายงานระบุว่า กัมพูชาสร้างรายได้จากการส่งออกยางแห้งกว่า 125 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากมูลค่า 116.4 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจุบันยางแห้งหนึ่งตันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,465 ดอลลาร์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 51 ดอลลาร์ สำหรับประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญยังคงเป็นมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน เป็นหลัก ด้านพื้นที่เพาะปลูกภายในกัมพูชาอยู่ที่ 407,172 เฮกตาร์ โดยมีพื้นที่พร้อมเก็บเกี่ยว 320,184 เฮกตาร์ หรือร้อยละ 78.6 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501488697/cambodia-makes-125-mln-from-rubber-export-in-first-4-months/

กัมพูชาส่งออกยางพาราขยายตัวกว่า 5.1% ในช่วงไตรมาสแรกของปี

กัมพูชาส่งออกยางแห้งปริมาณรวมกว่า 69,322 ตัน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จาก 65,921 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของ General Directorate of Rubber โดยส่งออกไปยังจีนที่มูลค่ารวมถึง 100.5 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากมูลค่า 92.9 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับราคายางแห้งในปัจจุบัน 1 ตัน มีราคาเฉลี่ย 1,450 ดอลลาร์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 41 ดอลลาร์ต่อตัน ด้านการเพาะปลูกยางพาราของกัมพูชาในปัจจุบันมีทั้งหมด 407,172 เฮกตาร์ โดยต้นยางบนพื้นที่ 320,184 เฮกตาร์หรือร้อยละ 79 มีอายุมากพอที่จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501478623/cambodias-rubber-export-up-5-1-pct-in-q1/

กัมพูชาส่งออกยางพาราแปรรูปเพิ่มขึ้นถึง 90% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2024

ข้อมูลการค้าล่าสุดจากกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ระบุว่า ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2024 กัมพูชาสามารถส่งออกยางพาราแปรรูป มูลค่า 215 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยางพารากัมพูชา สวนทางกันกับผลผลิตยางพาราธรรมชาติทั่วโลกที่มีแนวโน้มลดลง ภายใต้ภาวะราคายางพุ่งสูงขึ้น สำหรับทั้งปี 2023 กัมพูชาสามารถทำรายได้จากการส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพารา 919 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 69.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ตลาดยางพาราของกัมพูชาส่วนใหญ่ส่งออกไปยัง จีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และสหภาพยุโรป เป็นสำคัญ ด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่าตลาดยางธรรมชาติยังคงเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจจีนที่เติบโตต่ำกว่าคาดในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว ซึ่งจีนเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากสงครามยืดเยื้อระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และ อิสราเอล-ฮามาส รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501458804/cambodias-rubber-article-exports-rise-90-percent/

ราคายางค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาราคายางในเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โดยแตะระดับกว่า 1,700 จ๊าดต่อปอนด์ในตลาดยางของรัฐมอญ โดยยางแผ่นรมควันชั้น 3 มีราคาแตะ 1,780 จ๊าดต่อปอนด์ และราคายางตากแห้งมีราคา 1,760 จ๊าดต่อปอนด์ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ราคายางตากแห้งมีราคาเพียง 1,640 จ๊าดต่อปอนด์ และยางแผ่นรมควันชั้น 3 มีราคา 1,660 จ๊าดต่อปอนด์ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าราคายางเพิ่มขึ้น 120 จ๊าดต่อปอนด์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีราคายางของเมียนมาได้รับอิทธิพลจากอุปสงค์ของยางทั่วโลก และปริมาณการผลิตยางในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอุปทานในตลาด ราคายางในรัฐมอญ ซึ่งเป็นรัฐการผลิตยางที่สำคัญในเมียนมา ก็มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัจจัยเหล่านั้นเช่นกัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rubber-price-on-gradual-rise-2/#article-title

‘เวียดนาม’ มุ่งยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดสหรัฐฯ

จากข้อมูลของสำนักงานการค้าต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และตัวเลขสถิติของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา พบว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 สหรัฐฯ มีการนำเข้ายางพารา 1.43 ล้านตัน อย่างไรก็ดีเวียดนามส่งออกไปยังสหรัฐฯได้เพียง 20,370 ตัน มูลค่า 28.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในอันดับที่ 13 ในกลุ่มซัพพลายเออร์ยางพาราในตลาดสหรัฐฯ และคิดเป็นสัดส่วนราว 1.42% ของปริมาณการนำเข้ายางทั้งหมดของสหรัฐฯ โดยคู่แข่งรายใหญ่ ได้แก่ อินโดนีเซียและไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ มากที่สุด

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสินค้าประมง แสดงให้เห็นว่าในช่วง 10 เดือนของปีที่แล้ว เวียดนามส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐฯ อยู่ในระดับมาก และอยู่ในอันดับที่ 2 ของผู้ส่งออกรายใหญ่ โดยเฉพาะกุ้ง ปลาสวายและปลาทูน่า

นอกจากนี้ นาย Do Ngoc Hung ที่ปรึกษาด้านการพาณิชย์ของเวียดนาม แนะนำให้ผู้ประกอบการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและมีมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-strives-to-increase-competitiveness-for-agricultural-exports-to-us/278092.vnp

ราคายางเมียนมามีแนวโน้มขาขึ้น

เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ราคายางยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่มากกว่า 1,700 จ๊าดต่อปอนด์ในตลาดยางของรัฐมอญ โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ขึ้นสูงสุดที่ 1,745 จ๊าดต่อปอนด์ และ 1,730 จ๊าดต่อปอนด์สำหรับยางตากแห้ง ซึ่งจากเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม ราคายางตากแห้งแตะ 1,610 จ๊าดต่อปอนด์และยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 1,630 จ๊าดต่อปอนด์ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 115-125 จ๊าดต่อปอนด์ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ความต้องการยางจากทั่วโลก การผลิตยางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาดมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับราคายางของเมียนมา ทั้งนี้ ณ วันที่ 29 ธันวาคม เมียนมาส่งออกยาง 114,855 ตัน โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 144.046 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ 2023-2024 นอกจากนี้ การผลิตยางในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมามีมากกว่า 360,000 ตัน และมีการขนส่งยางมากกว่า 200,000 ตันไปยังคู่ค้าต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rubber-prices-on-upward-trend/#article-title

การส่งออกยางของเมียนมาร์สร้างรายได้ 144 ล้านเหรียญสหรัฐใน 9 เดือน

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมส่งออกยาง 114,855 ตันไปยังต่างประเทศในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คิดเป็นมูลค่ารวม 144.046 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางสมาคมยางเมียนมาตั้งเป้าส่งออกยางประมาณ 300,000 ตันในปีงบประมาณนี้ อย่างไรก็ดี ราคาทั่วไปของยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 1,620 จ๊าดต่อปอนด์ และยางตากแห้ง 1,600 จ๊าดต่อปอนด์ สำหรับในตลาดยางของรัฐมอญ โดยความต้องการยางทั่วโลก การผลิตยางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาด มีผลกระทบต่อราคายางของเมียนมาร์ ซึ่งราคายางในรัฐมอญ ถือเป็นรัฐผลิตยางที่สำคัญในเมียนมาร์ มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัจจัยดังกล่าวเหล่านั้น นอกจากนี้ยางร้อยละเจ็ดสิบที่ผลิตในเมียนมาร์ส่งออกไปยังประเทศจีน รวมทั้งยังจัดส่งไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-india-ink-2-mous-under-quick-impact-projects/

การส่งออกยางของเมียนมาร์เพิ่มขึ้นเป็น 123 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 8 เดือน

ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 1 ธันวาคม ในปีงบประมาณ 2566-2567 เมียนมาร์ส่งออกยางกว่า 99,660 ตันไปยังต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 123.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ราคาทั่วไปของยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 1,580 จ๊าดต่อปอนด์ และยางตากแห้ง 1,560 จ๊าดต่อปอนด์ ในตลาดยางของรัฐมอญ ซึ่งราคายางของเมียนมาร์จะได้รับอิทธิพลจากความต้องการยางทั่วโลก การผลิตยางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาดเป็นหลัก อย่างไรก็ดี เป้าหมายการส่งออกยางพาราของสมาคมยางเมียนมาร์ที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณนี้คือ 300,000 ตัน ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าการผลิตยางในปีงบประมาณ 2565-2566 ที่ผ่านมา ที่มีการผลิตเกิน 360,000 ตัน และมีการส่งออกยางมากกว่า 200,000 ตันไปยังคู่ค้าต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-rubber-exports-swell-to-us123-mln-in-8-months/#article-title

ยางมากกว่า 90,000 ตัน ของเมียนมาร์ส่งออกไปยัง 7 ประเทศ

ตามการระบุของ สมาคมนักวางแผนและผู้ผลิตยางเมียนมาร์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณนี้ ยางมากกว่า 90,000 ตันถูกส่งออกไปยัง 7 ประเทศ โดยการผลิตยางร้อยละ 75 ถูกส่งออกไปยังประเทศจีน เช่นเดียวกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดีย ทั้งนี้ สมาคมได้เริ่มวางแผนที่จะส่งออกไปยังจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดีย อย่างไรก็ดี ในช่วงปีงบประมาณ 2018-2019 ถึงปีงบประมาณ 2022-2023 รายได้จากการส่งออกยางอยู่ที่ระหว่าง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 450 ล้านดอลลาร์โดยเฉลี่ย เมียนมาร์พื้นที่ปลูกยางพาราทั้งหมด มากกว่า 1.64 ล้านเอเคอร์ทั่วประเทศ และพื้นที่การผลิตประมาณ 950,000 เอเคอร์ ในขณะที่ผลผลิตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 400,000 ตันตามสถิติ โดยในรัฐมอญเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุด ในขณะที่รายใหญ่เป็นอันดับสองคือเขตตะนาวศรี และใหญ่เป็นอันดับสามคือรัฐกะเหรี่ยง ยางพารายังปลูกใน เขตพะโค เขตย่างกุ้ง เขตอิรวดี รัฐฉาน รัฐคะฉิ่น เขตสะกาย ตอนบน และรัฐยะไข่ อีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/more-than-90000-tonnes-of-rubber-exported-to-7-countries/#article-title