ธุรกิจเวียดนามในเมียนมา รับศึกหนัก! หลังรับแรงกระแทกจากแผ่นดินไหว

สำนักงานการค้าเวียดนามในเมียนมา รายงานว่าแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงขนาด 7.7 ริกเตอร์ ในเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม กิจการและบริษัทต่างๆ ของเวียดนาม ทั้งหมดปลอดภัย แต่กิจกรรมการค้ายังคงเผชิญกับอุปสรรคหลากประการ ทั้งนี้ คุณเหงียน เซือง เกียน (Nguyen Duong Kien) ที่ปรึกษาด้านการค้าของสำนักงานการค้าเวียดนามในเมียนมา กล่าวว่าความเสียหายทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กำแพงถล่ม และไฟฟ้าดับ ส่งผลต่อระบบโทรคมนาคม ซึ่งสร้างอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ เศรษฐกิจเมียนมา มีความเปราะบางจากความขัดแย้งภายในประเทศ รวมถึงปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า ทำให้ธุรกิจต่างๆ จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องผลิตไฟฟ้าที่มีราคาแพง ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-companies-in-myanmar-face-more-challenges-after-earthquake-post312531.vnp

‘สื่อนิวซีแลนด์’ ชี้เศรษฐกิจเวียดนามโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เว็บไซต์ข่าวนิวซีแลนด์ ‘rnz.co.nz’ เผยแพร่บทความที่ระบุว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามและนิวซีแลนด์ อยู่ที่ 1.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีอัตราการเติบโต 40% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากบทความดังกล่าว ระบุว่า คุณนิโคลา กริกก์ (Nicola Grigg) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการลงทุนของนิวซีแลนด์ กล่าวต่อรัฐสภาว่าเมื่อเวียดนามมีศักยภาพหรือฐานะรายได้ที่มากขึ้น มีผลทำให้ชาวเวียดนามต้องการซื้อสินค้าคุณภาพสูงจากทั่วโลก ในขณะเดียวกัน นิวซีแลนด์มีความพร้อมที่จะตอบสนองกับความต้องการดังกล่าว ทั้งผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงบริษัทนวัตกรรมระดับโลก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-fastest-growing-economy-in-southeast-asia-new-zealand-news-site-post312276.vnp

‘เวียดนาม’ เดินหน้าลงทุนทางด่วน 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงการก่อสร้าง (Ministry of Construction) ยื่นเสนอโครงการลงทุนขยายทางด่วนสายเหนือ-ใต้ รวมระยะทาง 1,144 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแผนโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาในปี 2560-2563 และปี 2564-2568 ในขณะที่ทางด่วนสายเหนือ-ใต้ (ส่วนตะวันออก) ระยะทาง 2,063 กิโลเมตร จากประตูชายแดนฮู้หง่ (Huu Nghi) ในจังหวัดหลั่งเซิน (Lang Son) และจังหวัดก่าเมา (Ca Mau)

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ให้เหตุผลในการขยายทางด่วนสายเหนือ-ใต้ (ส่วนตะวันออก) เนื่องจากการขยายทางด่วนมีความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเกิน 10% ต่อปี รวมถึงการยกระดับทางด่วนจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจราจร และเป็นการพัฒนาทางด่วนให้เป็นไปตามมาตรฐานทางด่วนแห่งชาติ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/6-4-billion-proposal-to-boost-vietnam-s-expressway-infrastructure-2384449.html

‘เวียดนาม’ ติดอันดับเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก ปี 67

จากรายงานข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเวียดนามติด 20 อันดับเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีนี้ และคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะขยายตัว 6.1% ซึ่งตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในข้างต้นสูงกว่ากลุ่มประเทศในภูมิภาคหลายแห่ง เช่น จีน อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย ในขณะเดียวกัน ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ 6.8% ในปี 2568 ถึงแม้ว่าทั้งสองสถาบันจะมองเศรษฐกิจเวียดนามในเชิงบวก แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่เวียดนามตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายตัวที่ 8%

นอกจากนี้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตทางการค้าของเวียดนาม คือ กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน เนื่องมาจากธุรกิจต่างๆ พยายามย้ายห่วงโซ่อุปทานของตนออกจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ

ที่มา : https://borneobulletin.com.bn/vietnam-among-worlds-fastest-growing-economies-in-2024/

‘สถาบันการเงินโลก’ มองศักยภาพทางเศรษฐกิจเวียดนาม เติบโตเขิงบวก

Suan Teck Kin กรรมการบริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและตลาดโลกของธนาคารของยูโอบี กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนาม มีแนวโน้มขยายตัวสูงถึง 8% ต่อปี หรืออาจขยายตัวสองหลัก หลังจากปีที่แล้ว ขยายตัว 7% ถึงแม้ว่าการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นความท้าทาย แต่เวียดนามเผชิญกับความเสี่ยงสำคัญ คือ นโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องที่เวียดนามพึ่งพาภาคการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก เวียดนามมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 90% ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ที่ 174% ในขณะเดียวกัน นายทิม ลีลาหะพันธ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเวียดนามและไทยของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม มีปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออกและการท่องเที่ยว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/intl-financial-institutions-show-positive-views-on-vietnams-growth-prospects-post310561.vnp

‘เวียดนาม’ มุ่งผลักดันเศรษฐกิจ 16 จังหวัด โตทะลุ 10%

รัฐบาลเวียดนามได้ออกมติที่ 25 เปิดเผยว่าเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศระดับภูมิภาค (GRDP) ในภูมิภาคต่างๆ โดยตั้งเป้า GRDP ของจังหวัดบั๊กซาง ไฮฟอง และกว๋างนิญ ขยายตัวเกินว่า 12% ในปี 2568 และตั้งเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม ขยายตัวอย่างน้อย 8% ในปีนี้ ในขณะที่ 16 จังหวัดและเมืองต่างๆ ในภูมิภาค ตั้งเป้าขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคที่ 2 หลัก ทั้งนี้ เป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ มุ่งเน้นไปที่การสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนไว้ที่ 2 หลัก ในปี 2569-2573 ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเวียดนามมอบหมายให้หน่วยงานในท้องถิ่นและผู้ที่เกี่ยวข้อง ติดตามตัวชี้วัดเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและดำเนินนโยบายอย่างมีประสิทธิผล

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-pushes-for-high-growth-16-provinces-set-to-achieve-10-grdp-2368893.html

ภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 3.63 พันล้านดอลลาร์

ตามรายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยว (MoT) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 31 มกราคม รายงานว่าภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 3.63 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 จากปีก่อนหน้าที่รายได้ 3.08 พันล้านดอลลาร์ โดยกัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 6.7 ล้านคนในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 จากปีก่อนหน้าที่มีนักท่องเที่ยวราว 5.45 ล้านคน ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวเดินทางมายังกัมพูชามากที่สุดในปี 2024 โดยกัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยจำนวน 2.14 ล้านคนในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 จากปีก่อนหน้า ด้านนักท่องเที่ยวเวียดนามและจีนอยู่ในอันดับที่สองและสามของตลาดการท่องเที่ยวของกัมพูชา โดยมีจำนวน 1.34 ล้านคนและ 8.4 แสนคนตามลำดับ ขณะที่ Hun Dany รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและโฆษกของ MoT กล่าวว่า กลยุทธ์และนโยบายที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลได้ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501633364/cambodias-tourism-sector-breaks-new-ground-earns-3-63-billion/

Donaco ชี้คาสิโนในกัมพูชาถือเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตด้านรายได้ของประเทศ

Donaco International Ltd. บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย รายงานรายได้สุทธิ 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บริษัทได้ระบุว่าการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งมาจากธุรกิจคาสิโน Star Vegas ในกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองปอยเปต จากข้อมูลที่บริษัทได้ยื่นต่อผู้ถือหุ้น Star Vegas สร้างรายได้สุทธิ 4.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีก่อนหน้า โดย Property Level EBITDA เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 16.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งบริษัทระบุว่าจำนวนผู้เล่นเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 957 คน เพิ่มขึ้นจาก 861 คนในปีก่อนหน้า สำหรับกัมพูชาได้รับรายได้จากภาษีรวมกว่า 63.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากคาสิโนและผู้ประกอบการเกมเสี่ยงโชคในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการบริหารการพนันเชิงพาณิชย์ของกัมพูชา (CGMC) ตามข้อมูลของ CGMC ประเทศได้อนุมัติใบอนุญาตดำเนินการให้กับคาสิโน 195 แห่ง โดยทางการกัมพูชาอนุมัติใบอนุญาตให้คาสิโนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาสิโนทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนและจังหวัดชายฝั่ง ตามกฎหมายของราชอาณาจักร อนุญาตให้เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้นที่สามารถเล่นการพนันในคาสิโนได้ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ตามชายแดนที่ติดกับไทยและเวียดนาม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501633334/cambodia-casino-fuels-donaco-revenue-growth/

IMF ระบุว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโต 5.8% ในปี 2025

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาจะเติบโตร้อยละ 5.8 ในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากภาคส่วนหลัก เช่น การท่องเที่ยวและการส่งออกเสื้อผ้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ตามรายงานเศรษฐกิจของกัมพูชามีการฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้จะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะเติบโตจากร้อยละ 5.5 ในปี 2024 เป็นร้อยละ 5.8 ในปี 2025 อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.5 ในปี 2024 เป็นร้อยละ 2 ในปี 2025 แต่ยังคงอยู่ในระดับที่จัดการได้ ในขณะเดียวกัน IMF ยังระบุว่าเศรษฐกิจกัมพูชาอาจมีความเปราะบางเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงนโยบายของคู่ค้าหลัก และความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนจากต่างชาติ อย่างไรก็ตาม IMF ได้ให้คำแนะนำหลายประการเพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจกัมพูชาดำเนินต่อไปได้ รวมถึงการปฏิรูปนโยบายการคลัง การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีและการยกเว้นภาษี โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย และการเสริมสร้างการจัดการการลงทุนภาครัฐให้เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างความยืดหยุ่น และรักษาเสถียรภาพของหนี้สาธารณะ เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501633100/imf-says-cambodias-economy-will-grow-by-5-8-in-2025/

‘เวียดนาม’ เดินหน้าสร้างเสถียรภาพและขยายพื้นที่การเติบโตทางเศรษฐกิจ

รัฐบาลเวียดนามกำหนดให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการเร่งรัดและการทำลายข้อจำกัด เพื่อเอาชนะความยากลำบากและความท้าทาย โดยใช้ความมั่นคงเป็นพื้นฐานในการส่งเสริมการพัฒนา และการพัฒนาเป็นฐานสำหรับความมั่นคง เป้าหมายคือการบรรลุผลสูงสุดตามแผน 5 ปี 2564-2568

รองนายกรัฐมนตรี โฮ ดึ๊ก ฟ็อก (Ho Duc Phoc) ระบุว่าในปี 2567 สถานการณ์โลกและภูมิภาคยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน แม้จะมีความท้าทาย แต่เศรษฐกิจของเวียดนามยังคงฟื้นตัว โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ประมาณ 7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่สภาแห่งชาติกำหนดไว้ที่ 6-6.5%

สำหรับงบประมาณของรัฐในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.96 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้น 15.6% จากปีที่แล้ว โดยรายได้ภายในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านดอง คิดเป็น 85% ของรายได้ทั้งหมด การประมาณการนี้แสดงถึงความยั่งยืนและความสามารถในการรับมือกับผลกระทบในบริบทของสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงมีความเสี่ยงและความท้าทาย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/building-larger-and-more-stable-growth-space-post143720.html