เวียดนามเผยการส่งออกอาหารทะเลพุ่งขึ้น หลังจาก EVFTA มีผลบังคับใช้

สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) ระบุว่าการส่งออกอาหารทะเลไปยังยุโรป แสดงให้เห็นถึงสัญญาเชิงบวกมากมายตั้งแต่ข้อตกลง EVFTA มีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งจำนวนยอดคำสั่งซื้อต้นเดือนนี้ ในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมการบริษัท Thuan Phuoc Seafood and Trading Corporation กล่าวว่าบริษัทมีการส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกุ้ง 3,000 ตัน ไปยังยุโรป ด้วยมูลค่าประมาณ 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ขณะที่ คุณ Nguyen Thi Anh ผู้อำนวยการบริษัท Ngoc Xuan Seafood Corporation กล่าวว่าลูกค้าในยุโรปได้หันมาเจรจาด้านคำสั่งซื้อกับทางบริษัทอีกครั้งเมื่อเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ มองว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และยอดส่งออกอาหารทะเลคาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ว่าเห็นสัญญาในทิศทางที่เป็นบวกแก่ธุรกิจที่กลับมาฟื้นตัว หลังจากยอดคำสั่งซื้อล่าช้าและถูกยกเลิกออเดอร์

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnamese-seafood-exports-increase-after-evfta-comes-into-force-23620.html

นักการทูตและนักธุรกิจยุโรปกว่า 226 คน เดินทางไปยังเวียดนามสำหรับการลงทุน

สายการบิน Bamboo Airways ออจากแฟร้งค์เฟิรต์ บินไปท่าอากาศยานนานาติโหน่ยบ่ายที่ฮานอย เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม โดยคุณ Marko Walde หัวหน้าของคณะผู้แทนสหภาพยุโรป กล่าวว่าสิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมการลงทุนและกิจกรรมการทำธุรกิจต่างๆ และจากการบินดังกล่าว ถือเป็นสัญลักษณ์ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอียู-เวียดนาม รวมถึงความร่วมมือของเยอรมันอีกด้วย นับว่าเป็นก้าวแรกเมื่อทำข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิ.ค. 2563 ทั้งนี้ เวียดนามปิดสายการบินพาณิชย์ระหว่างประเทศและการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. แต่ว่าอนุญาตได้กรณีที่ผู้เดินทางมีหนังสือเดินทางการทูตหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญและแรงงานที่มีทักษะขั้นสูงเท่านั้น นอกจากนี้ ณ วันที่ 2 สิ.ค. เวียดนามมีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 590 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/226-european-diplomats-businesspeople-arrive-in-vietnam-for-investment-activities-416822.vov

การส่งออกไม้ของเวียดนามกลับมาฟื้นตัว ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่ามูลค่าส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ของเวียดนามอยู่ที่ 5.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยในเดือนมิ.ย. ยอดส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ของเวียดนามที่ 769 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าเดือนมิ.ย. การส่งออกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ชะลอตัวลงในบางตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ จีน แคนาดาและออสเตรเลีย เป็นต้น และมีข้อสังเกตสำคัญชี้ให้เห็นว่าตลาดยุโรป มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายระดับภูมิภาค รวมถึงประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 แบบคลื่นลูกที่ 2 ส่งผลให้กระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภคในยุโรปเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) จะมีผลบังคับใช้วันที่  1 สิ.ค. และบรรลุในการคุ้มครองการลงทุนทวิภาคี

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnamese-wood-exports-recover-during-the-first-half-of-the-year-22790.html

เวียดนามส่งออกไปยุโรปเพิ่มขึ้น ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี “EVFTA”

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าโควตาข้าวเวียดนาม ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี อียู-เวียดนาม “EVFTA” จะช่วยผลักดันการส่งออกข้าวของเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิ.ค. ยุโรปตกลงจะให้โควตาข้าวแก่เวียดนาม จำนวน 80,000 ตันต่อปีและเปิดเสรีการค้าข้าวหัก (Broken Rice) รวมถึงภายใน 3-5 ปี ภาษีนำเข้าข้าวจะเป็น 0% ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการฝ่ายนำเข้าและส่งออกของ MoIT กล่าวว่าในปี 2562 การส่งออกข้าวของเวียดนามไปยุโรปที่ 10.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหตุจากภาษีนำเข้าอยู่ในระดับสูงในตลาดนี้ โดยปัจจุบันอัตราภาษีนำเข้าอียูแก่เวียดนาม อยู่ที่ 175 ยูโรต่อตันข้าวสาร เป็นต้น “โควตาข้าวจำนวน 80,000 ตันให้กับเวียดนาม ตามข้อตกลงการค้าเสรีดังกล่าว นับว่าเป็นโอกาสที่ดีแก่ผู้ประกอบการชาวเวียดนาม เพื่อชูการส่งออกข้าวไปยังตลาดนี้” ในขณะเดียวกัน ยุโรปได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับโควตาดังกล่าว ได้แก่ ใบรับรองแหล่งกำเนิดข้าวของเวียดนาม จะต้องมีใบรับรองความถูกต้องที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐของเวียดนาม นอกจากนี้ ตามข้อมูลกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่ารายได้จากการส่งออกข้าวอยู่ที่ 1.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนราว 3.5 ล้านตัน ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 และ 4.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ตั้งแต่เดือนม.ค.จนถึงพ.ค. ด้วยมูลค่า 598.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 40 ของยอดส่งออกข้าวรวม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/749265/viet-nam-to-increase-rice-exports-to-eu-under-evfta.html

ข้อตกลงการค้า EVFTA ช่วยส่งเสริมภาคเกษตรกรรมของเวียดนาม : EP

ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนามกับสหภาพยุโรป (EU-Vietnam Free Trade Agreement : EVFTA) เป็นประโยชน์ต่อภาคเกษตรของเวียดนาม ตามข้อมูลของรัฐสภาสยุโรป (EP) แม้ว่าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีจะได้รับการอนุมัติจากสถาแห่งชาติของเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.โดยยกเลิกภาษีนำเข้าถึง 65% สำหรับสินค้าเวียดนาม เมื่อมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ และจนถึงปี 2030 การยกเลิกภาษีจะเท่ากับ 100% ทั้งนี้ เวียดนามยินดีต่อการยกภาษีนำเข้าและโควตาข้าวขาว ข้าวสาร ข้าวหอมมะลิ ปริมาณอยู่ที่ 30,000 , 20,000 และ 30,000 ตัน ตามลำดับ ขณะที่ สินค้าอื่นๆ ได้แก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ชาและกาแฟ ได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงดังกล่าว นอกจากนี้ สหภาพยุโรปก็ได้รับประโยชน์ในการส่งออกเนื้อวัว ผลิตภัณฑ์นมและเนื้อหมู ไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรัฐสภายุโรปมองว่าข้อตกลง EVFTA สร้างผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย และคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังยุโรปกว่า 15 พันล้านยูโร

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/evfta-to-benefit-vietnams-agricultural-sector-ep-official/174596.vnp

ธนาคารโลกเผยข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ยกระดับการส่งออกเวียดนาม 12% ปี 2573

ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) จะช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามและยอดส่งออก เติบโตร้อยละ 2.4 และ 12 ตามลำดับ ภายในปี 2573 ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) โดยข้อตกลงดังกล่าวคาดว่ามีโอกาสที่จะขยับผู้คนให้ออกมาจากความยากจน ประมาณ 100,000-800,000 คน ทั้งนี้ ธนาคารโลกมองว่าเวียดนามจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นจากการเข้าร่วมข้อตกลง EVFTA และ CPTPP หากดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจโดยรวมและสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิด (Rules of Orgin) เป็นหนึ่งในสิ่งที่ท้าทายอย่างมากของเวียดนาม เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่นำเข้าวัตถุดิบมาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ทางกระทรวงการค้าฯ ได้ร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปีนี้ เพิ่มส่งเสริมและปรับแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาฉบับปี 2553

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/wb-evfta-could-lift-vietnams-exports-by-12-by-2030-414153.vov

เวียดนามเกินดุลการค้า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วงไตรมาสแรก

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดหนักของโรคโควิด-19 ในกลุ่มตลาดส่งออกสำคัญ สำหรับภาคธุรกิจในประเทศขาดดุลการค้า 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ภาคการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเกินดุลการค้า 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น มูลค่าการส่งออกช่วงไตรมาสแรก 59.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และสินค้าส่งออกหลัก 8 รายการที่มีมูลค่าส่งออกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาจีน สหภาพยุโรป อาเซียน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ในขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้า 56.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.9 และสินค้านำเข้าหลัก 14 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจีนยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 13.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาเกาหลีใต้ อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ทางสำนักงานดังกล่าวคาดว่าเมื่อข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA มีผลบังคับใช้จะทำให้เวียดนามส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 ในปีนี้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลง

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-enjoys-trade-surplus-of-us28-billion-in-first-quarter-411899.vov

รัฐสภายุโรปอนุมัติมติให้สัตยาบันข้อตกลง EVFTA และ EVIPA

จากที่ประชุมสภายุโรป (EP) เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ให้สัตยาบันรับรองข้อตกลงเปิดการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และข้อตกลงการคุ้มครองการลงทุนเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVIPA) สำหรับข้อตกลง EVIPA มีมติในการประชุมด้วยเสียงข้างมาก 407 ต่อ 188 เสียง และงดออกเสียง 53 เสียง ขณะที่ ข้อตกลง EVFTA มีมติการประชุมด้วยเสียง 401, 192 และ 40 ตามลำดับ ทั้งนี้ ข้อตกลง EVFTA คาดว่าจะผลักดันการส่งออกของเวียดนามและการกระจายสินค้าไปขายในหลายๆตลาด ซึ่งผลจากข้อตกลงมีผลบังคับใช้ เวียดนามจะลดภาษีทันทีร้อยละ 65 ของสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และจะทยอยลดภาษีสินค้าที่เหลือภายในระยะเวลา 10 ปี ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโปรจะลดภาษีทันทีร้อยละ 70 ของสินค้าส่งออกจากเวียดนาม และจะทยอยลดภาษีสินค้าที่เหลือภายในระยะเวลา 7 ปี นอกจากนี้ จากการวิจัยของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) ระบุว่าข้กตกลงทั้งสองฝ่ายจะช่วยให้อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.6 และแนวโน้มการส่งออกของเวียดนามไปสภาพยุโรปจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 42.7 ในปี 2568 ในขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการยุโรปคาดว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 29.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแนวโน้มการส่งออกของสหภาพยุโรปไปเวียดนามจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 29 ในปี 2578

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/ep-ratifies-evfta-evipa-409974.vov

เปิดโอกาสใหม่ทางการค้า-การลงทุนของเวียดนาม แต่อาจสร้างความเสี่ยงต่อไทย

โดย Soison Lohsuwannakul I วิจัยกรุงศรี Research Intelligence

ความตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (The EU-Vietnam Free Trade Agreement: EVFTA) เป็นความตกลงแรกของเวียดนามที่เปิดเสรีการค้าเกือบทุกรายการสินค้า อีกทั้งยังครอบคลุมการเปิดเสรีการบริการและการลงทุนในระดับสูงกว่าทุกความตกลงที่เวียดนามมีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่เวียดนามเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมการประมูลของรัฐ ทำให้เวียดนามมีศักยภาพในการส่งออกมากขึ้น สามารถดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ประเทศ ที่สำคัญจะช่วยให้เวียดนามเพิ่มแต้มต่อและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว สำหรับประเทศไทยอาจได้รับผลข้างเคียงเชิงลบ โดยสินค้าไทยมีแนวโน้มสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ขณะเดียวกันการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างเวียดนามและ EU อาจส่งผลให้ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกชิงส่วนแบ่งตลาดในเวียดนามและ EU มากขึ้นในระยะนับจากนี้

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2019 ทางการเวียดนามและสหภาพยุโรป (The European Union: EU) ได้ลงนามความตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (The EU- Vietnam Free Trade Agreement: EVFTA)/1 ซึ่งครอบคลุมการเปิดเสรีการค้าสินค้า บริการ และการลงทุน ความตกลงดังกล่าวคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในครึ่งแรกของปี 2020

สำหรับความตกลง EVFTA ฉบับนี้เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเวียดนามในการเชื่อมโยงประเทศสู่เวทีการค้าการลงทุนระดับโลก โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ (1) ความตกลง EVFTA มีระดับการเปิดเสรีการค้าสินค้าเกือบ 100% สูงสุดในบรรดาความตกลงที่เวียดนามลงนามและมีผลบังคับใช้แล้ว/2 (2) เวียดนามเป็นประเทศที่ 2 ของอาเซียนถัดจากสิงคโปร์ ที่ได้ลงนามความตกลงการค้าเสรีทวิภาคีกับ EU/3 และ (3) เวียดนามเป็นประเทศกำลังพัฒนารายแรกที่บรรลุความตกลงการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูง/4 กับ EU ซึ่งนอกเหนือจากการเปิดเสรีการค้าการลงทุนในเชิงปริมาณ (ในลักษณะของการลดอัตราภาษีนำเข้าหรือการเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ) ยังรวมถึงการปรับปรุงคุณภาพ มาตรฐาน ความเท่าเทียมในการแข่งขัน ตลอดจนการยกระดับความร่วมมือและแลกเปลี่ยนทางเทคนิคระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นโอกาสของเวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป

ไม่เพียงเท่านี้ ความตกลง EVFTA ยังเป็นความตกลงแรกที่ทางการเวียดนามเปิดกว้างให้นักลงทุนจาก EU สามารถเข้าประมูลสัญญาของภาครัฐได้

  1. การเปิดเสรีการค้าสินค้า EU จะลดภาษีให้เวียดนามในสัดส่วนสินค้าที่มากกว่าและกรอบเวลาที่สั้นกว่าเวียดนาม ดังนี้
  2. EU จะยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าแก่เวียดนามเป็นสัดส่วนร้อยละ 85.6 ของรายการสินค้าที่มีการค้าระหว่างกัน (Tariff lines) ทันทีที่ความตกลงมีผลบังคับใช้
  3. เวียดนาม จะยกเว้นภาษีนำเข้าแก่ EU เป็นสัดส่วนร้อยละ 48.5 ของรายการสินค้าที่มีการค้าระหว่างกันทันทีที่ความตกลงมีผลบังคับใช้ และจะทยอยยกเว้นภาษีเพิ่มเติมจนมีสัดส่วนร้อยละ 98.3 ภายในระยะเวลา 11 ปีนับจากวันที่ความตกลงมีผลบังคับใช้
  4. การเปิดเสรีด้านบริการ ภายใต้ EVFTA เวียดนามมีการเปิดเสรีในระดับสูงกว่าที่ตกลงไว้กับ WTO และสูงกว่าความตกลงอาเซียน
  5. การเปิดเสรีการลงทุน: ภายใต้ความตกลง EVFTA เวียดนามเปิดเสรีในระดับสูงกว่าทุกความตกลงที่ประเทศมีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
  6. การเปิดเสรีการลงทุนในสาขาการผลิต เวียดนามและ EU เปิดเสรีการลงทุนเกือบทุกสาขา
  7. สำหรับการเปิดเสรีการลงทุนในสาขาบริการ นักลงทุนจาก EU สามารถลงทุนในเวียดนามได้เสรีและถือหุ้นได้ในสัดส่วนสูงสุดถึง 100% ในหลายสาขาบริการ และสูงกว่าที่นักลงทุนจากอาเซียนได้รับอนุญาต
  8. การเปิดเสรีด้านอื่น ๆ : ความตกลง EVFTA ยังเป็นความตกลงฯ ที่มีมาตรฐานสูงและครอบคลุมกว่าความตกลงอื่นที่เวียดนามมีอยู่ โดยเฉพาะการเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติเข้าประมูลงานและสัญญาของรัฐได้ อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ การประมูลงานและสัญญาของรัฐ (Public contracts) เป็นครั้งแรกที่เวียดนามเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าประมูลงานของรัฐได้ ภายใต้ความตกลง EVFTA นักลงทุนจาก EU สามารถเข้าร่วมประมูลงานและสัญญาของรัฐ ที่อยู่ภายใต้อำนาจระดับกระทรวงของเวียดนาม

การเปิดเสรีด้านบริการและการลงทุน รวมถึงความร่วมมืออื่น ๆ ภายใต้ EVFTA จะยิ่งส่งผลเชิงบวกต่อเวียดนามในระยะยาว

เมื่อพิจารณาถึงประเด็นอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้ความตกลง EVFTA พบว่า มีนัยสำคัญต่อการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน รวมถึงโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของเวียดนาม ประเด็นดังกล่าวที่สำคัญ ได้แก่

  1. การเปิดเสรีด้านบริการและการลงทุนในเชิงลึกและกว้างมากขึ้นภายใต้ความตกลง EVFTA เอื้อให้เวียดนามมีโอกาสดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้น
  2. การเปิดกว้างด้านการประมูลงานและสัญญาของรัฐ เป็นโอกาสดึงดูดการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยนักลงทุนจาก EU สามารถเข้าร่วมประมูลงานของรัฐและเข้าร่วมโครงการลงทุนของภาครัฐได้เป็นครั้งแรก ขณะที่เวียดนามจะได้ประโยชน์จากการสรรหาผู้รับงานที่หลากหลาย
  3. ความร่วมมือด้านต่างๆ ภายใต้ความตกลงฯ จะส่งผลเกื้อหนุนการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว นอกเหนือจากการเปิดเสรีด้านการค้า บริการ และการลงทุนแล้ว ความตกลง EVFTA ยังมีประเด็นครอบคลุมถึงการส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรม การลดการผูกขาดของรัฐ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายในด้านต่าง ๆ

EVFTA อาจส่งผลเชิงลบต่อไทย จากการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางภาษี รวมทั้งผลกระทบจากการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างเวียดนามและ EU

  • ผลจากการยกเว้นภาษีนำเข้าภายใต้ความตกลง EVFTA จะส่งผลสุทธิทางลบต่อการส่งออกของไทยโดยรวมไปเวียดนามและ EU

ผลจากการเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade diversion) และการย้ายฐานการลงทุน (Investment relocation) ที่เกิดขึ้นจากความตกลง EVFTA จะทำให้ประเทศอื่นมีแนวโน้มได้รับผลกระทบเชิงลบ

  • การส่งออกไทยไปเวียดนามลดลงร้อยละ 0.17 จากการสูญเสียความได้เปรียบทางภาษี

ในปัจจุบันไทยเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอันดับต้นๆ ของเวียดนาม เนื่องจากไทยมีความได้เปรียบด้านภาษีจากการเปิดเสรีการค้าอาเซียนเมื่อเวียดนามเปิดเสรีการค้าภายใต้ความตกลง EVFTA อัตราภาษีนำเข้าที่เวียดนามเก็บจากสินค้า EU จะลดลงจากเฉลี่ยร้อยละ 4.8 เหลือร้อยละ 0 เวียดนามจึงมีแนวโน้มนำเข้าสินค้าจาก EU ทดแทนสินค้าจากไทย

ผลการศึกษาของวิจัยกรุงศรี พบว่า การเปิดเสรีการค้าระหว่างเวียดนามและ EU จะทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังเวียดนามลดลงร้อยละ 0.17 สำหรับในปีแรกที่ความตกลง EVFTA มีผลบังคับใช้สัดส่วนสินค้าที่เวียดนามลดภาษีนำเข้าให้ EU ทันทีจะอยู่ที่ร้อยละ 48.5 ของรายการสินค้าทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะแรก ได้แก่ โพรลิเอทิลีน, เครื่องส่งวิทยุ/โมเด็ม/แลนด์ไร้สาย, ไดโอด/อุปกรณ์กึ่งตัวนำและแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น

ไม่เพียงผลเชิงบวกที่เวียดนามจะได้รับจากการยกเว้นภาษีนำเข้าซึ่งทำให้การส่งออกของเวียดนามไปยัง EU มีความได้เปรียบด้านราคาและสินค้าจากเวียดนามยังมีโอกาสเข้าร่วมห่วงโซ่การผลิตของ EU มากขึ้นแล้ว เวียดนามยังได้ผลบวกเพิ่มเติมจากความพิเศษของ EVFTA ที่เหนือกว่าความตกลงอื่น ๆ ทั้งจากการเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมการประมูลของรัฐ การลดการผูกขาดของกิจการของรัฐ การส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานและขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต่าง ๆ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.krungsri.com/th/research/research-intelligence/ri-evfta

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกเครื่องนุ่งห่ม 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในประเทศ ยังคงตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2562 แม้ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เพื่อให้ได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อุตสาหกรรมดังกล่าวต้องมีอัตราการเจริญเติบโตในการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 11-12 ต่อปี โดยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 9.1 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น เช่น จีน อินเดีย และบังคลาเทศ เป็นต้น และทางสมาคมหวังว่าผู้ประกอบการจะได้รับยอดคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ เพื่อให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มสูงขึ้นในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญของผู้ประกอบการ คือ การหาตลาดใหม่และการร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้า ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี ได้แก่ EVFTA และ CPTPP เป็นต้น นอกจากนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงของสมาคมสิ่งทอเวียดนาม มองว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน นับว่าเป็นไปได้ยากที่อุตสาหกรรมสิ่งทอจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ภายในปีนี้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/569282/garment-export-target-of-40-billion-a-long-shot.html#lGuhOAC3rkrrqwYh.97