กัมพูชาผงาดขึ้นอันดับ 8 ของโลก สำหรับประเทศผู้ส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป

กัมพูชาได้รับการจัดอันดับให้เป็นศูนย์กลางด้านการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปอันดับที่ 8 ของโลก ตามข้อมูลจากองค์การการค้าโลก (WTO) โดยขยับจากอันดับที่ 11 ที่ได้จัดอันดับไว้ในปี 2021 สำหรับผู้ส่งออก 10 อันดับแรกของโลก ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป บังคลาเทศ เวียดนาม ตุรกี อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง และปากีสถาน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการกัมพูชาได้รายงานมูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง (GFT) โดยมีการขยายตัวถึงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2022 ถือเป็นหนึ่งในหมวดสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชาที่คิดเป็นกว่าร้อยละ 56.2 ของการส่งออกทั้งหมดในปี 2022 ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาได้กลับมาให้ความสำคัญกับภาคส่วนนี้อีกครั้ง ด้วยยุทธศาสตร์แผนการปฏิรูปอุตสาหกรรมสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (T&A ITM) กรอบปี 2023-2027 ด้วยกลยุทธ์นี้ รัฐบาลหวังที่จะปรับปรุงสภาพการทำงานและบรรยากาศการลงทุนสำหรับภาคส่วนดังกล่าวให้เอื้อต่อการเติบโต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501427844/cambodia-jumps-to-8th-spot-globally-as-garment-export-hub/

‘เวียดนาม-เยอรมนี’ หารือส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การค้าและพลังงาน

นายฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีของเยอรมนี พร้อมคณะผู้แทนธุรกิจ เดินทางเยือนเวียดนามในครั้งนี้ เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างเวียดนามและเยอรมนีในด้านต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรม การค้าและพลังงาน รวมถึงได้มีการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้จะช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าสำคัญไปยังตลาดเยอรมนี และกำหนดกฎเกณฑ์ที่จะเอื้ออำนวยให้กับเวียดนามในการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่จากเยอรมนี ทำให้เวียดนามสามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันอีกด้วย

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1639692/viet-nam-germany-boost-cooperation-in-industry-trade-energy.html

‘HSBC’ คาดเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 67 โต 6%

จากรายงานของธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) เปิดเผยประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2567 ขยายตัว 6% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุน

คุณ James Cheo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่าการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ การฟื้นตัวของการค้าโลกจะช่วยกระตุ้นการส่งออกของเวียดนาม ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัว

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-economy-to-grow-by-6-in-2024-hsbc-post1073576.vov

สหภาพสตรีและสมาคมธุรกิจสตรี สปป.ลาว จัดเทศกาลอาหารลาว

สหภาพสตรีลาวและสมาคมธุรกิจสตรีร่วมกันเปิดตัวเทศกาลอาหารลาวประจำปี 2567 ที่สวนเจ้าอนุวงศ์ บริเวณลานกลางแจ้งริมแม่น้ำโขง ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “ชิมอาหารลาว เยือนลาว 2024” งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการสตรีทั่วประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมให้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ลิ้มลอง ซื้อ และนำผลิตภัณฑ์อาหารลาวที่อร่อยและมีความหลากหลาย โดยเทศกาลนี้ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาทักษะการประกอบอาหารของผู้หญิงและเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในด้านสุขอนามัยและการนำเสนอขาย เพื่อให้ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น และเพิ่มภาพลักษณ์ให้กับอาหารลาว ในฐานะแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_17_LaoFood_y24.php

นายกฯ สปป.ลาว เสนอแนะให้เพิ่มผลผลิตสินค้าทางการเกษตรเพื่อส่งออกมากขึ้นในปี 2567

นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว กล่าวในการประชุมด้านการเกษตรและป่าไม้ ให้เพิ่มผลผลิตสินค้าทางการเกษตรเพื่อส่งออกมากขึ้นในปี 2567 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ และเจ้าหน้าที่จังหวัดเข้าร่วม ในการประชุม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความท้าทายบางประการที่ต้องได้รับการแก้ไข เช่น กลุ่มการผลิตทางการเกษตรยังไม่มีการจัดระเบียบที่ดีและไม่ได้มีผลผลิตที่สูง แม้ว่าจะมีที่ดินเพียงพอก็ตาม และกล่าวเสริมว่า วิธีการทำฟาร์มยังคงเป็นขั้นพื้นฐาน ดังนั้น ผลผลิตในฤดูแล้งจึงมีผลผลิคที่ต่ำมาก และเพียงพอกับความต้องการ และได้ตั้งข้อสังเกตว่า เกษตรกรได้รับการศึกษาที่ไม่ดีนักในด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคการเพาะปลูกพืชผล และไม่ได้ใช้เครื่องจักรใดๆ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_17_PMcalls_y24.php

การส่งออกผลิตภัณฑ์แร่สร้างรายได้ 210.115 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 9 เดือน

ตามสถิติของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่ารมา เมียนมามีรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์แร่ไปยังต่างประเทศมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งลดลงกว่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สามารถแบ่งเป็นการส่งออกที่รัฐเป็นเจ้าของคิดเป็นเงิน 29.517 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการส่งออกภาคเอกชนได้รับ 180.598 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมเป็นเงิน 210.115 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ในปีงบประมาณ 2566-2567 ภาคการค้าของเมียนมาคาดว่าจะมีมูลค่าการค้า 32.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 16.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการนำเข้า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามการประมาณการงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2566-2567 โดยผลิตภัณฑ์แร่ที่เมียนมาส่งออก เช่น ทองคำ หยก ไข่มุก เพชร ตะกั่ว ดีบุก ไพลิน เงิน ทองแดง สังกะสี ถ่านหิน และโลหะอื่นๆ ไปยังต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mineral-product-exports-generate-us210-115-mln-in-9-months/