ไทย และ สปป.ลาว ยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

รัฐบาลไทย และ สปป.ลาว จัดการเจรจาระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ สปป.ลาว กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยย้ำความปรารถนาที่จะกระชับความสัมพันธ์ภายใต้ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง ความร่วมมือด้านการพัฒนาและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ในการเจรจายังได้หารือเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 6 ข้ามแม่น้ำโขงระหว่างแชวงสาละวัน สปป.ลาว กับจังหวัดอุบลราชธานี ในประเทศไทย ตลอดจนการสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_104_Lao_Thai_y24.php

เมียนมาลงนาม MoU กับเวียดนาม หนุนภาคส่วนมะพร้าว

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมาลงนามบันทึกความเข้าใจกับเวียดนามเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาภาคมะพร้าวที่ ในย่างกุ้งเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม และได้ไปศึกษาดูงานฟาร์มมะพร้าวในหมู่บ้านยินกาดิษฐ์ เมืองพันตานอว์ เขตอิรวดี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม โดยเมียนมาจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับโครงการ “ห่วงโซ่มูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ (มะพร้าว)” ภายใต้กองทุน ACEMES-ROK ที่โรงแรม Pan Pacific บริษัท เมียนมา ออร์ชาร์ด จำกัด และสหกรณ์บริการการเกษตร Hoa Binh Hiep ของเวียดนาม ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดหาต้นมะพร้าวและความช่วยเหลือด้านเทคนิคสำหรับสวนมะพร้าว ซึ่งในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผู้เชี่ยวชาญที่นำโดยนาง Nguyen Thi Kim Thanh ประธานสมาคมมะพร้าวเวียดนาม ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกมะพร้าวและวิธีการผลิต คาร์บอนเครดิต และการสร้าง Macapuno ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างไรก็ดี ภายใต้กองทุน ACEMES-ROK โครงการ “ห่วงโซ่มูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ (มะพร้าว)” ยังรวมหลักสูตรหัตถกรรมมะพร้าวในเขตอิรวดีระหว่างเดือนพฤษภาคม 2566 ถึงเมษายน 2567 ซึ่งหลักสูตรนี้จะนำเสนอแนวทางปฏิบัติในการเปลี่ยนกะลามะพร้าวเหลือทิ้งให้เป็นงานฝีมือที่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ทักษะการเลือกกะลามะพร้าว การออกแบบ ตัด ขัด ตากแห้ง และตกแต่งด้วยอุปกรณ์ทีละขั้นตอน มีวิชาการวาดภาพขั้นพื้นฐานรวมอยู่ด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-signs-mou-with-vietnam-to-bolster-coconut-sector/

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา บังคับใช้บทลงโทษการนำเข้าก่อนกำหนดโดยไม่มีใบอนุญาต เริ่ม 1 กรกฎาคมนี้

กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าจะเริ่มดำเนินการทางวินัยในวันที่ 1 กรกฎาคม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออก/นำเข้า หากสินค้านำเข้ามาถึงสนามบินและอาคารผู้โดยสารก่อนได้รับใบอนุญาตหรือใบอนุญาต ยกเว้นสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้จัดเก็บในคลังสินค้าของศุลกากร สินค้านำเข้าที่ไม่ได้รับอนุญาตจะถูกห้ามมิให้มาถึงท่าเรือและสนามบิน อย่างไรก็ดี คำสั่งที่ออกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2020 ระบุว่าบริษัทนำเข้าจะต้องถูกลงโทษภายใต้กฎหมายการส่งออก/นำเข้า หากสินค้าดังกล่าวมาถึงโดยไม่มีใบอนุญาตหรือใบอนุญาตนำเข้า แต่มักพบว่าสินค้านำเข้ามาถึงท่าเรือก่อนที่จะออกใบอนุญาต นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่ากรมศุลกากรอนุญาตให้จัดเก็บสินค้าที่จำเป็นสำหรับภาคการผลิตและสุขภาพในประเทศไว้ในคลังสินค้าของศุลกากรตามระเบียบเท่านั้น กระทรวงจึงเรียกร้องให้บริษัทนำเข้าปฏิบัติตามกฎหมายและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moc-to-enforce-penalties-for-premature-arrival-of-imports-without-licences-starting-1-july/

‘ไทย’ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้าทุเรียนรายใหญ่ อันดับ 2 ของเวียดนาม

ประเทศไทยกลายมาเป็นผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยมูลค่าการส่งออกรวมสูงถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และขึ้นแท่นเป็นผู้นำเข้าทุเรียนรายใหญ่ อันดับ 2 ของตลาดเวียดนามในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน ไทยนำเข้าทุเรียนจากเวียดนาม 22.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ นาย ดัง ฟุก เหงียน เลขาธิการสมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (Vinafruit) ได้อธิบายไว้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ ไทยนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึงแม้ไทยจะเป็นผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ทุเรียนของไทยได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้หันมาสั่งซื้อทุเรียนจากประเทศอื่นๆ เพื่อตอบสนองกับความต้องการในประเทศและนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นผู้นำเข้าทุเรียนสดจากเวียดนามรายใหญ่ที่สุด แต่ไทยก็เป็นผู้นำเข้าทุเรียนแช่แข็งรายใหญ่ของเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1656753/thailand-becomes-viet-nam-s-second-largest-durian-importer.html

‘ผลสำรวจ’ ชี้ 6 เดือน นักช้อปผู้ชาย ซื้อของออนไลน์ พุ่ง 100%

จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ตลาด ‘YouNet ECI’ เปิดเผยว่าผู้บริโภคในปัจจุบันไม่เพียงแต่ซื้อสินค้าในฤดูกาลลดราคาครั้งใหญ่ แต่จะพิจารณาข้อเสนอในแต่ละวัน รวมถึงปัจจัยสำคัญของผู้ซื้อ 2 ประการ ได้แก่ นิสัยของบุคคลและพฤติกรรมผู้บริโภค ในขณะที่บริษัทวิจัยการตลาด ‘Buzzmetrics’ ระบุว่าในปี 2565-2566 ความถี่ของการเข้าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพิ่มขึ้น 3 เท่า และยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 20-30 รายการคำสั่งต่อเดือนในปี 2566

ทั้งนี้ นาย Nguyen Phuong Lam จากบริษัทวิเคราะห์ตลาด กล่าวว่าในช่วงระยะแรกของตลาดอีคอมเมิร์ซ ผู้หญิงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่สั่งซื้อสินค้าแฟชั่นและผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม แต่ว่าในปัจจุบันผู้บริโภคชายกลับมีการซื้อเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และสินค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อจะเป็นสินค้าเทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้าในครังเรือน โดยยอดขายในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2566 เติบโตเฉลี่ย 100% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnamese-men-s-online-purchases-grow-by-100-in-six-months-2286711.html

หลวงพระบาง สปป.ลาว อนุมัติเขตเศรษฐกิจใหม่เพื่อการท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว เตรียมเปิดตัวเขตเศรษฐกิจใหม่สำหรับการพัฒนาระบบนิเวศ การเกษตร และการท่องเที่ยว บนพื้นที่ 7,693 เฮกตาร์ ในเมืองหลวงพระบางและเขตเชียงเงิน จากการประชุมสภาประชาชนแขวงหลวงพระบาง สมัยสามัญครั้งที่ 1 (ชุดที่ 2) เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในหลวงพระบางได้อนุมัติร่างข้อตกลงสองฉบับเพื่อร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้กับเมืองหลวงพระบาง โครงการนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการผลิตทางการเกษตรและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการเกษตรในภูมิภาค ขณะเดียวกัน ได้กำหนดสิทธิและบทบัญญัติสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจ รวมถึงค่าชดเชยที่คาดหวังสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/30/luang-prabang-approves-new-economic-zone-for-tourism-economic-growth/