รัฐมนตรีสหภาพ MoSWRR เข้าร่วมการประชุมเมียนมา-ไทยเรื่องการค้ามนุษย์

ดร. โซ วิน รัฐมนตรีสหภาพแรงงานเพื่อสวัสดิการสังคม การบรรเทาทุกข์ และการตั้งถิ่นฐานใหม่ เข้าร่วมการประชุมเมียนมา-ไทย ครั้งที่ 29 เรื่องการส่งตัวกลับประเทศและการกลับคืนสู่สังคมของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ งานนี้จัดขึ้นโดยกระทรวงสวัสดิการสังคมฯ เมียนมา และกระทรวงสังคมฝั่งไทย โดยจัดขึ้นที่โรงแรม Park Royal ในเขตย่างกุ้ง ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุม รัฐมนตรีสหภาพได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศ โดยพิจารณาว่าเป็นตัวอย่างเชิงบวกสำหรับภูมิภาค วัตถุประสงค์หลักของการประชุมคือเพื่อดำเนินการบันทึกความเข้าใจที่มุ่งต่อต้านการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ดี ภายใต้ความคิดริเริ่มนี้ กระทรวงได้ให้การสนับสนุนเงินเป็นจำนวน 500 ดอลลาร์สหรัฐแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งรัฐบาลไทยมีบทบาทสำคัญในการจัดหาที่พักพิงแก่เหยื่อที่ถูกค้ามนุษย์จากเมียนมา ช่วยเหลือพวกเขาในการได้งานทำ และให้การสนับสนุนและค่าชดเชย นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายจากการค้ามนุษย์ต่อสิทธิมนุษยชนและความซื่อสัตย์ ซึ่งจุดยืนเชิงรุกของรัฐบาลไทยในการป้องกันและต่อสู้กับปัญหานี้ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moswrr-union-minister-attends-myanmar-thailand-meeting-on-human-trafficking/#article-title

‘FDI’ ไหลเข้าเวียดนาม ช่วง 2 เดือนแรก พุ่ง 39%

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ระบุว่าเวียดนามดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากกว่า 4.29 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 38.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในช่วงเวลาดังกล่าว โครงการใหม่ที่ได้รับการจดทะเบียน มีจำนวน 405 โครงการ ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่โครงการที่มีการปรับทุน มีจำนวน 159 โครงการ มูลค่ารวมที่ 442.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการจัดสรรเงินทุนและการซื้อหุ้น ลดลง 68% เหลืออยู่ที่ 255.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ฮานอยเป็นเมืองที่ได้รับเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มูลค่ากว่า 914.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.4 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันสิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใกญ่ที่สุดของเวียดนาม มูลค่าการลงทุนมากกว่า 2.08 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาฮ่องกง ญี่ปุ่นและจีน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-fdi-inflow-surges-nearly-39-in-two-months/280102.vnp

‘เวียดนาม’ เตรียมต้อนรับอาคารสำนักงาน อุปทานใหม่พุ่ง

คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ (Cushman & Wakefield) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี 2567 เปิดเผยว่าอุปทานพื้นที่สำนักงานใหม่ในเมืองฮานอย อยู่ที่ 80,700 ตารางเมตร ในปี 2567 และที่ตั้งของสำนักงานส่วนใหญ่อยู่ในใจกลางเมือง ในขณะที่เมืองโฮจิมินห์ คาดว่าจะมีอุปทานใหม่เกรด A อยู่ในย่านใจกลางเมือง ซึ่งมีการเปิด 3 โครงการในปี 2567-2568 ด้วยพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียม 118,700 ตารางเมตร นอกจากนี้ ความไม่มั่งคงทางด้านเศรษฐกิจ ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการสำนักงานในเมืองโฮจิมินห์ เนื่องจากผู้เช่ามีความกังวลในเรื่องของภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-to-welcome-large-amount-of-new-office-supply-cushman-wakefield/280094.vnp

ส.อ.ท. ร้องรัฐบาลสกัดเหล็กจากจีน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมของประเทศไทยกำลังเผชิญกระแสสินค้าจากจีนเข้ามาแย่งตลาด โดยอุตสาหกรรมเหล็กเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงสุดจากการทุ่มตลาดและการทะลักของชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็กจากจีน จนการใช้กำลังการผลิตเหล็ก ในปี 2566 ตกต่ำเหลือเพียง 31% เท่านั้น และแนวโน้มยังแย่ลงอีกในปีนี้จนเป็นที่น่ากังวลยิ่งว่าหากภาครัฐยังดำเนินการต่างๆไม่ทันการณ์ โรงงานเหล็กไทยจะต้องปิดกิจการและเลิกจ้างแรงงานอีกจำนวนมาก ส.อ.ท.จึงได้นำเสนอแนวทางแก้ไขวิกฤติอุตสาหกรรมเหล็กต่อรัฐบาล ดังนี้ 1.กระทรวงอุตสาหกรรม ใช้มาตรการห้ามตั้ง ห้ามขยายโรงงานเหล็ก โดยมุ่งไปที่เหล็กที่มีกำลังการผลิตมากล้นเกินความต้องการ รวมทั้งบังคับใช้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ควบคุมคุณภาพส่วนประกอบของสินค้าโครงสร้างสำเร็จรูป 2.กระทรวงพาณิชย์ไต่สวนและบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (AC) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล และพิจารณาความจำเป็นในการใช้มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard : SG) โดยเก็บอากร SG สินค้าเหล็กทุกประเภทสูงถึง 25% 3.ปรับปรุง/แก้ไข พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ ให้มีการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (AC) 4.ขยายผลใช้มาตรการใช้สินค้าเหล็กที่ผลิตภายในประเทศจากการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไปยังการก่อสร้างประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ด้านนายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และผู้แทนกลุ่ม 10 สมาคมเหล็ก เปิดเผยว่า สถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กวิกฤติยิ่งขึ้น จากเหล็กจีนทะลักเข้ามาไทยทั้งการทุ่มตลาด การอุดหนุน และการหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า ทำให้ผู้ผลิตสินค้าเหล็กไทยซึ่งมีการจ้างงานทั้งระบบกว่า 330,000 คน ได้รับผลกระทบรุนแรงจนบางโรงงานต้องปิดกิจการและเลิกจ้าง 10 สมาคมเหล็กจึงได้เร่งประสานทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆ เพื่อให้มีการเร่งรัดแก้ไขปัญหาวิกฤติอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้วิจัยพบว่าการผลิตเหล็กในประเทศไทยที่หายไปทุกๆ 1 แสนตัน จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของไทย ลดลง 0.19% และอัตราการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหล็กลดลง 1.2%

ภาพจาก : Thaipubilca

ที่มา : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2766803

เมียนมาบรรลุเป้าการค้าชายแดน มูลค่า 26.567 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์

รายงานระบุว่า เมียนมาดำเนินการค้าขายมูลค่ารวม 25.9768 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านด่านการค้าชายแดน มอตอง เกาะสอง และกัมไปติ เมื่อจำแนกตัวเลขแล้ว ชายแดนมอตองมีมูลค่าการค้ารวม 0.9648 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นการส่งออก 0.6582 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้า 0.3066 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่วันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ ด่านการค้าเกาะสอง มีการส่งออกรวม 4,922.645 ตันและการนำเข้า 1,354.572 ตัน ซึ่งมีมูลค่าการค้ารวม 6.065 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกหลักประกอบด้วยผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมายังประเทศไทยภายใต้ระบบ FOB สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ปลา กุ้ง ปลาหมึกยักษ์ ปลาหมึก ปู และน้ำมันปาล์ม ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ถึง 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ในทำนองเดียวกัน ชายแดนกัมไปติก็มีปริมาณการค้าเป้าหมายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 123.91 โดยมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 18.947 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี จำนวนการค้าเป้าหมายสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ตั้งไว้ที่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มูลค่าการค้าที่แท้จริงอยู่ที่ 26.567 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายถึง 130 เปอร์เซ็นต์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exceeds-border-trade-targets-achieving-us26-567m-in-feb-third-week/

ผู้ค้าผลไม้เมียนมาหันมาจับตาตลาดในประเทศ ท่ามกลางการเสียหายของสินค้าที่เกิดจากการส่งออก

ผู้ค้าผลไม้เมียนมา กล่าวถึง อุปสรรคในการคมนาคมในช่องทางเชียงตุง ช่องมองลา และพะโม ที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วในฝั่งจีน การถูกระงับที่ชายแดนเพราะนโยบายฝั่งจีนที่มีความเค้มงวดมากขึ้น ความเสียหายของสินค้าจากการคมนาคมบนถนนที่ขรุขระส่งผลต่อคุณภาพของแตงโมที่ส่งไปยังประเทศจีน ส่งผลให้ราคาสินค้าตกต่ำลง ทำให้ผู้ค้าจึงเริ่มจับตาดูตลาดภายในประเทศ เนื่องด้วย ราคาส่งออกในปัจจุบันไม่ครอบคลุมค่าขนส่งและต้นทุนทั่วไปอื่นๆ ค่าอากรที่ด่านชายแดนอยู่ที่ 35,000-40,000 หยวนต่อรถบรรทุก ทั้งนี้ รถบรรทุกแตงโม 100 คันมุ่งหน้าสู่จีน มีเพียง 10 คันเท่านั้นที่สามารถครอบคลุมค่าขนส่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าผลไม้เน้นย้ำว่าพวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยืดเยื้อท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนโยบายในจีน สืบเนื่องจากเมื่อปี 2021 ข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิด-19 ขัดขวางการส่งออกแตงโมและแตงไทยของเมียนมาไปยังจีน ระเบียบศุลกากรจีนเพิ่มความล่าช้า รถบรรทุกล่าช้าเป็นเวลานานส่งผลเสียต่อคุณภาพแตงโม และมีเพียง 1 ใน 5 รถบรรทุกที่มุ่งหน้าไปยังจีนเท่านั้นที่ยังคงไม่ได้รับความเสียหาย ทำให้ผู้ค้าจำเป็นต้องพิจารณาเวลาการส่งมอบ ราคา และความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากแตงโมเป็นผลไม้ที่เน่าเสียง่ายในขณะที่พยายามสำรวจตลาดใหม่นอกเหนือจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/traders-eye-domestic-market-amid-export-loss/

โครงการปรับปรุงถนนสายหลักในเวียงจันทน์จะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2568

บริษัท ตั้งเจริญ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้รับเหมาโครงการปรับปรุงถนนสายหลักในเวียงจันทน์ ให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่างานปรับปรุงถนนทั้งหมดจะแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา แม้งานปรับปรุงถนนยังดำเนินอยู่ก็ตาม เขาเรียกร้องให้ชาวบ้านและผู้ขับขี่รถยนต์อดทนและใช้ความระมัดระวังขณะเดินทางผ่านพื้นที่สูงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ งานก่อสร้างที่กำลังดำเนินอยู่ ได้แก่ การวางท่อระบายน้ำบริเวณหนองแตง-สีคิ้ว และการทำความสะอาดถนนบริเวณหนองหนองเหนียว-นาเลา-ทองปอง อำเภอสีโคตรบง เจ้าหน้าที่กำลังขยายพื้นที่และปรับพื้นผิวถนนให้กว้างขึ้น เพื่อเตรียมการปูผิวทางคอนกรีตให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับช่วงสีน้ำมัน-โพนหงส์ เมื่อแล้วเสร็จถนนจะมี 4 เลน โดยมีแถบตรงกลางกว้าง 2 เมตร และมีเลนสำหรับมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะในแต่ละด้าน นอกจากนี้ จะมีการสร้างทางเท้ากว้าง 1.5 เมตร ทั้งสองด้าน ขยายความกว้างของถนนเป็น 23 เมตร

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/28/major-road-upgrade-project-in-vientiane-nearing-completion-by-march-2025/

แขวงสาละวัน สปป.ลาว เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่

โรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่กำลังถูกสร้างขึ้นในแขวงสาละวัน โดยการก่อสร้างจะเริ่มหลังจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการผ่านความเห็นชอบ ซึ่งจะมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 13 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ระหว่างพิธีเปิดงานก่อสร้าง ดร.ดาววง พอนแก้ว เจ้าแขวงสาละวัน พร้อมตัวแทนของนักพัฒนาลาว 2 ราย และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ได้ลงนามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการ การบริหารโครงการ การซื้อและขายไฟฟ้า และด้านอื่นๆ ของโครงการ โดยนักพัฒนาคาดหวังว่าสิ่งก่อสร้างของโรงไฟฟ้าจะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปีนี้และระหว่างปี 2568 เมื่อโรงไฟฟ้าพลังน้ำเปิดดำเนินการ แขวงสาละวันจะได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น เกิดการสร้างงาน เป็นต้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_42_Saravan_y24.php