ประธานาธิบดี สปป.ลาว แนะฉงฉิ่งส่งสินค้าผ่านทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน

ประธานาธิบดีทองลุน สีสุลิด เสนอให้ สปป.ลาวและเทศบาลนครฉงชิ่งของจีน ร่วมมือกันขนส่งสินค้าโดยใช้ทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน โดยการใช้ทางรถไฟเพื่อขนส่งสินค้าจะถือเป็นการเปิดตลาดให้กับ สปป.ลาว ไปยังพื้นที่ตอนกลางและตะวันตกของจีน นอกจากนี้ ทางประธานาธิบดียังขอให้ทางการฉงชิ่งสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ของ สปป.ลาว รวมถึงการเข้ามาลงทุนยัง สปป.ลาว เพิ่มขึ้น ด้าน Yuan Jiajun ผู้ว่าการมณฑลฉงฉิ่งกล่าวเสริมว่าความสำเร็จในความร่วมมือระหว่าง สปป.ลาว และเทศบาลนครฉงชิ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี ภายใต้ข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่าย เพื่อหวังยกระดับความร่วมมือทวิภาคีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 500 เมื่อเทียบเป็นรายปี นับตั้งแต่ต้นปีนี้การรถไฟฯ ได้ขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปแล้วกว่า 600,000 เมตริกตัน รวมถึงขนส่งสินค้านำเข้ากว่า 510,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 500 ตามรายงานจาก China Railway Kunming Group

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_President119.php

คาด GDP ต่อหัวภายในกัมพูชา ขยายตัว 8.3% ในช่วงปีนี้

Aun Pornmoniroth รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (MEF) คาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP ต่อหัว ภายในประเทศกัมพูชาจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,932 ดอลลาร์ ภายในปี 2023 เพิ่มขึ้นจาก 1,784 ดอลลาร์ ในช่วงปีก่อน ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง โดยทางการกัมพูชายังได้คาดการณ์ว่า GDP ของประเทศจะเติบโตร้อยละ 5.6 ในปีนี้ จากการพัฒนาในทุกภาคส่วน ซึ่งรายงานเศรษฐกิจและการเงินที่ออกโดยธนาคารกลางกัมพูชา (NBC) ยังชี้ให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0.47 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จากร้อยละ 0.66 ในเดือนก่อนหน้า ตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501312162/gdp-per-capita-to-swell-8-3-in-2023-pornmoniroth-says/

คาดปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังกัมพูชา จะกลับมาสู่ภาวะปกติภายในปี 2025

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนยังกัมพูชา คาดว่าจะเกินกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในปี 2025 กล่าวโดย Thong Khon รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว ในระหว่างการประชุมประจำปีของกระทรวงการท่องเที่ยว ณ กรุงพนมเปญ ถึงการที่กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 2.16 ล้านคนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 530 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยตั้งเป้าจะให้การรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ถึง 4.6 ล้านคนในปี 2023 และเพิ่มขึ้นไปถึง 7 ล้านคน ภายในปี 2025-2026 ซึ่งในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.6 ล้านคนในปี 2019 สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 4.92 พันล้านดอลลาร์ โดยถือได้ว่าภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา นอกเหนือจากการส่งออกเครื่องนุ่งห่ม การเกษตรและการก่อสร้าง รวมถึงอสังหาริมทรัพย์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501312540/international-tourists-to-cambodia-expected-to-surpass-pre-pandemic-level-in-2025/

ทุเรียนไทยยอดนิยมตในจีน ส่งออก 5 เดือน 6 หมื่นล้าน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อผลประกอบการและตัวเลขการส่งออก ทุเรียนไทยซึ่งยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องในจีน พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญในการควบคุมและรักษาคุณภาพทุเรียนตามมาตรฐาน ตั้งแต่ต้นทางไปจนปลายทาง ชื่นชมระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor: ILSTC) ใช้เวลาขนส่ง 4 วัน จากเดิม 8-10 วัน ซึ่งการขนส่งแบบใหม่นี้ไม่เพียงจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยลดความเสียหายระหว่างการขนส่งได้อีกด้วย โดยสถิติการส่งออกทุเรียนปี 2022 ซึ่งถือเป็นปีที่มีสถิติการส่งออกทุเรียนสูงสุดในรอบ 30 ปี ไทยส่งออกทุเรียนสดมูลค่ากว่า 1.10 แสนล้านบาท คาดว่ามาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.ความสะดวกในด้านการคมนาคมขนส่งที่สามารถส่งออกสูงสุดได้ถึง 700-800 ตัน/ตู้/วัน 2. การผ่อนปรนการตรวจโควิดของจีน 3.รสชาติที่ดีของทุเรียนไทย และ 4.มาตรฐานการคุมเข้มทุเรียนอ่อน

ที่มา : https://www.thebetter.co.th/news/business/4772

“แบงก์ชาติ” เผยกลุ่มสินเชื่อเวียดนามที่มีความเสี่ยงสูง อยู่ภายใต้การควบคุม

นาย Dao Minh Tu รองผู้ว่าการธนาคารเวียดนาม กล่าวว่ากลุ่มกู้ยืมสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงของเวียดนามยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม โดยในภาพรวมของการเติบโตของสินเชื่อ (ณ วันที่ 15 มิ.ย.) อยู่ที่ 3.36% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สูงเท่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี ตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 4% และธนาคารกลางเวียดนามเข้าซื้อเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มเงินทุนสำรองของประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารกลางประกาศที่จะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคการผลิตของประเทศที่อ่อนแอลงเป็นไปตามอุปสงค์โลกที่หดตัวเช่นเดียวกัน

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/vietnam-credit-high-risk-sectors-under-control-central-bank-3576701

“เมย์แบงก์” คาดเศรษฐกิจเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน

คุณ Datuk Khairussaleh Ramli ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของเมย์แบงก์ กรุ๊ป (Maybank Group) เปิดเผยว่าในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงแล้ว กลุ่มประเทศในอาเซียนกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งและมีทิศทางที่สดใส ท่ามกลางกระแสลมจากสถานการณ์ทั่วโลกที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ด้วยจำนวนประชากรทั้งหมดมากกว่า 660 ล้านคน และ GDP รวมกันทั้งสิ้นราว 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 อีกทั้ง กลุ่มประเทศอาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ตามหลังสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่นและเยอรมนี นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาแนวโน้มทางเศรษฐกิจทั้ง 6 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม คาดว่าจะเติบโตที่ 4.2% ในปีนี้ และเกินกว่า GDP โลกที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.0%

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/maybank-vietnam-among-fastest-growing-countries-in-asean-2156785.html

“เมียนมา” เผยราคาเชื้อเพลิงในประเทศ พุ่ง 2,000 จ๊าดต่อลิตร

คณะกรรมการกำกับการนำเข้า การจัดเก็บและการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของเมียนมา รายงานว่าราคาน้ำมันเตาในประเทศ (ดีเซลและออกเทน 92) ขยับเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 2,000 จ๊าดต่อลิตร โดยราคาเชื้อเพลิงในประเทศถูกกำหนดมาจากราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของเอเชีย (MOPS) ซึ่งเป็นที่กำหนดราคาผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ตามข้อมูลในเดือน สิ.ค. 65 พบว่าราคาน้ำมันออกเทน 92 พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 2,605 จ๊าดต่อลิตร ราคาน้ำมันออกเทน 95 และดีเซล ขยับเพิ่มสูงขึ้นแตะ 2,670 จ๊าดต่อลิตร และ 3,245 จ๊าดต่อลิตร ตามลำดับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-honey-exports-exceed-330-tonnes-in-may/#article-title

เส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ดึงนักท่องเที่ยวจีนมายัง สปป.ลาว มากขึ้น

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายัง สปป.ลาว เพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่เปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน สำหรับผู้โดยสารเดินทางข้ามแดนไปเมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ตามการรายงานของ Mr. Pakasith Chathapaya ประธานสมาคมโรงแรมและภัตตาคารของ สปป.ลาว กล่าวกับหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่าชาวจีนเดินทางเข้ามาพักที่โรงแรมของประทานฯ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 40 ของลูกค้าทั้งหมด โดยคาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เนื่องจาก สปป.ลาว เตรียมเปิดตัวแคมเปญ “Visit Laos Year” และจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนในปีหน้า ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว รายงานว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี สปป.ลาว ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 1.11 ล้านคน โดยในจำนวนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมาจากประเทศไทยมากที่สุดที่ 430,979 คน ตามมาด้วยเวียดนาม 224,461 คน และจีน 223,350 คน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นจาก 16,283 คน ในเดือนมกราคมเป็น 53,837 คน ในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นเป็น 73,192 คนในเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้นเป็น 80,038 คน ในช่วงเดือนเมษายน แสดงถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten118_Railway_y23.php