อุปทูตจีนคนใหม่เข้าพบไทยสร้างไทย หารือเรื่องรัฐบาลใหม่ มุ่งสานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ-การค้า

วันที่ 9 มิ.ย.66 Mr. Wu Zhiwu อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และคณะ ได้เข้าพบพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งนำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคฯ โดยได้หารือร่วมกันถึงประเด็นเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ ความร่วมมือไทย-จีน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และเส้นทางสายไหมทางทะเล ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ จากการพูดคุย คุณหญิงสุดารัตน์ให้ความเชื่อมั่นว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ตั้งเป้าหมายในการสร้างบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ โดยยึดหลักการของสหประชาชาติ มุ่งเน้นสันติภาพถาวร และประโยชน์จากทำเลที่ตั้งเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของโลก โดยหลังจากเริ่มต้นโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) เมื่อปี 2556 มี 149 ประเทศ และ 32 องค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วม ส่งผลให้ปริมาณการค้าระหว่างจีนและประเทศบนเส้นทาง BRI มีมูลค่าสะสมถึง 11 ล้านล้านดอลลาร์ มีการลงทุนโดยตรงกว่า 161.3 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ จีนถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยกว่าทศวรรษ โดยในปี 2565 มีมูลค่าการค้า 105,404.29 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.53 แม้จะอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ก็ตาม ในขณะที่การค้าระหว่างอาเซียน-จีนในปี 2564 มีมูลค่ากว่า 660,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.04

ที่มา : https://www.naewna.com/politic/736440

“THG” อัดงบ 170 ล้านบาท รุกลงทุนธุรกิจคลินิกในเวียดนาม

นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ และ Ms.Nguyen Thi Mai และ คุณวรศักดิ์ มานิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมิตรไมตรีการแพทย์ จำกัด ร่วมพิธีลงนามข้อตกลงการพัฒนาคลินิกสุขภาพในเวียดนาม ด้วยมูลค่ากว่า 170 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการลูกค้าที่มีฐานะสูงในเวียดนาม ตลอดจนมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีความสนใจในการดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย ทั้งนี้ นพ. ธนาธิป ศุภประดิษฐ์. ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (THG) กล่าวว่ากลุ่มลูกค้าเวียดนามที่มีกำลังซื้อสูง เล็งมองหาการให้บริการทางการแพทย์โดยหมอไทย และเวียดนามยังเป็นตลาดการแพทย์ที่มีแนวโน้มสดใส พร้อมกับเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัท THG คาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากโครงการดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 20% โดยมีระยะเวลาคืนทุน 4.5 ปี

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/business/2588951/thg-invests-in-vietnam-clinic

“จีน” ชื่นชมสินค้าเกษตรเวียดนาม แต่ซื้อเพียงเล็กน้อย

นายเจิ่น แทงห์ นาม รมช.เกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวกับสื่อท้องถิ่นเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ว่าด้วยจำนวนประชากร 1.41 พันล้านคน และรายได้เฉลี่ย 13,800 เหรียญสหรัฐในปี 2565 ส่งผลให้จีนเป็นตลาดสินค้าเกษตรรายใหญ่ รัฐบาลและองค์กรต่างๆ ของเวียดนามและจีน ร่วมมือเป็นคู่ค้าสำคัญทางด้านภูมิศาสตร์ โดยมีปัจจัยบวกหลายประการ อาทิเช่น ระยะเวลาในการขนส่งที่ต่ำ ต้นทุนต่ำและรูปแบบการขนส่งที่หลากหลาย เป็นต้น โดยเฉพาะอาหารทะเล ผลไม้ งานไม้และเนื้อไก่ของเวียดนามเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาดจีน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความต้องการผลผลิตทางการเกษตรสูงจากทั้งสองประเทศ แต่ว่าในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานตามแนวชายแดนที่มีมากเกินไป จำเป็นที่ต้องหันมามุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด ประกอบกับความร่วมมือทางการค้าของทั้งสองประเทศยังคงไม่มีเสถียรภาพ ผู้ค้าส่วนใหญ่เพียงแค่ทำธุรกรรมเท่านั้น และขาดความต่อเนื่องในการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากปัญหาการขาดข้อมูล

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/china-praises-vietnam-s-farm-produce-but-makes-modest-purchases-2152940.html

“มินอ่องหล่าย” เดินหน้าตรวจสอบพื้นที่เกษตรกรรมและปศุสัตว์ เหตุมั่งคงด้านอาหาร

พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) และคณะ ได้ทำการตรวจสอบการดำเนินงานในพื้นที่เกษตรกรรมและปศุสัตว์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา (Thilawa) และมีการรายงานชี้แจ้งถึงผลการดำเนินงานในเขตพื้นที่ดังกล่าวเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ผ่านระบบการเกษตรแบบผสมผสาน ตลอดจนการกำหนดราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรในเขตย่างกุ้งที่มีความจำเป็นต้องให้แน่ใจว่าอาหารมีเพียงพอและราคาอยู่ในระดับเหมาะสมต่อผู้บริโภคในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมีการชี้แจ้งถึงความสำคัญของการขยายพื้นที่เพาะพันธุ์การเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อเพิ่มผลผลิตการเกษตรและกำชับหน่วยงานให้ปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ที่มา : https://www.myanmaritv.com/news/food-sufficiency-sg-inspects-thilawa-multipurpose-agriculture-livestock-zone

โครงการก่อสร้างอาคารสูงที่สุดใน สปป.ลาว แล้วเสร็จกว่า 68%

โครงการก่อสร้าง Latsavong Plaza ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้า และโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงคาดว่าจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดใน สปป.ลาว ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วกว่าร้อยละ 68 และคาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการทันการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในปีหน้า รายงานโดย Mr. Atsaphangthong Siphandone นายกเทศมนตรีนครเวียงจันทน์ ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมกับ บริษัท Chongqing Real Estate ของจีนในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 800,000 ล้านกีบ (99 ล้านดอลลาร์) โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดกว่า 155,000 ตารางเมตร มีความสูงถึง 138 เมตร (34 ชั้น) และจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมห้าดาว รวมถึงเป็นที่ตั้งอาคารสำนักงาน, อพาร์ตเมนต์, ศูนย์สุขภาพ และศูนย์การค้า ซึ่งคาดว่าสถานที่นี่จะช่วยพลิกโฉมเมืองเวียงจันทน์ให้เป็นที่สนใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Construction110.php

 

จีนเข้าลงทุนเพาะปลูกกล้วยบนพื้นที่กว่า 600 เฮกตาร์ ในกัมพูชา

บริษัท Dize Nong Ye Fazhan จำกัด ลงทุนเพาะปลูกกล้วยบนพื้นที่กว่า 600 เฮกตาร์ ในจังหวัดกำปงจาม รวมถึงสร้างโรงงานการแปรรูปผลิตภัณฑ์เมื่อสองปีก่อน ซึ่งสร้างการจ้างงานให้กับคนในท้องถิ่นประมาณ 1,200 ตำแหน่ง โดยปัจจุบันสวนแห่งนี้ส่งออกผลิตภัณฑ์จากกล้วยไปยังจีนปีละ 2,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่ง 1 ตู้คอนเทนเนอร์มีน้ำหนัก 20 ตัน แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์จากกล้วยของกัมพูชามีความต้องการในตลาดจีนค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันประชากรจีนบริโภคกล้วยอยู่ที่ 600 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501305728/600-hectare-banana-orchard-mirrors-chinas-

ม.ค.-พ.ค. กัมพูชาส่งออกข้าวกว่า 2.78 แสนตัน มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านดอลลาร์

สมาพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) รายงานถึงสถานการณ์ส่งออกข้าวสารในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ โดยกัมพูชาส่งออกข้าวสารปริมาณรวมกว่า 278,184 ตัน ไปยัง 50 ประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 191.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญของการส่งออกข้าวสารของกัมพูชา คิดเป็นปริมาณรวม 118,041 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.43 ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมดของกัมพูชา โดยชนิดของข้าวที่ได้รับความนิยมในการส่งออก ได้แก่ ข้าวหอมพรีเมียม ข้าวหอม ข้าวขาวเมล็ดยาว ข้าวนึ่ง และข้าวอินทรีย์ ในขณะเดียวกันฟิลิปปินส์ถือเป็นตลาดใหม่สำหรับข้าวสารของกัมพูชา ซึ่งมีการนำเข้าในครั้งแรกกว่า 2,575 ตัน ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับในปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกข้าวสารปริมาณรวมกว่า 637,004 ตัน ไปยัง 59 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.2 จากปริมาณ 617,069 ตัน ในช่วงปีก่อน โดยในปีนี้ CRF ตั้งเป้าในการส่งออกข้าวสารไว้ที่ 750,000 ตัน หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 18 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501305701/cambodias-rice-export-exceeds-278000-tonnes-and-nearly-200-million-in-january-may/

“เวียดนาม” ส่งออกลิ้นจี่ไปสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการครั้งแรก

คุณ Thai Tran กรรมการผู้จัดการของบริษัท กล่าวว่านับเป็นครั้งแรกที่มีการนำเข้าลิ้นจี่สุกก่อนกำหนดจากเวียดนาม เพื่อที่จะแข่งขันกับเม็กซิโกและจีนที่ได้จำหน่ายลิ้นจี่ในตลาดสหราชอาณาจักร (UK) โดยปัจจุบันลิ้นจี่ของเวียดนามติดรูปธงชาติไว้บนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมแบรนด์ของเวียดนามและช่วยให้ผู้บริโภคจดจำผลิตภัณฑ์ของเวียดนามในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ ทั้งนี้ กระบวนการจัดเก็บลิ้นจี่ไปจนถึงการวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร ใช้เวลาเพียง 36 ชั่วโมง ขณะที่ความต้องการลิ้นจี่ในตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากคุณภาพสูงและฤดูการปลูกอายุสั้น ตลอดจนกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการส่งเสริมการค้า นอกจากนี้ ราคาลิ้นจี่ของเวียดนามในปัจจุบัน อยู่ที่ 15 ปอนด์ (18.65 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม ที่วางขายในสหราชอาณาจักร

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-first-official-channel-lychee-shipment-arrives-in-uk-2151932.html

“เวียดนาม” เผย พ.ค. ส่งออกโต 4.3%

เจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าการส่งออกของเวียดนามในเดือน พ.ค. ปรับตัวดีขึ้น ขยายตัว 4.3% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ที่มีมูลค่า 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามทำรายได้จากการส่งออก 136.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าอุตสาหกรรมมีสัดส่วนมากถึง 88% ของมูลค่าทั้งหมด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรี อาทิเช่น ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) และข้อตกลงสหราชอาณาจักร-เวียดนาม (UKVFTA) ได้อำนวยความสะดวกในการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดอียู โดยจากข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่าการส่งออกข้าวของเวียดนาม ม.ค.-พ.ค. เพิ่มขึ้น 40.8% ในเชิงปริมาณ และ 49% ในเชิงมูลค่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-exports-grow-4-3-in-may/

“ข้าวไข่มุก” เมียนมา พุ่ง 110,000 จ๊าดต่อกระสอบ

ศูนย์ค้าข้าววาดัน (Wahdan) เปิดเผยว่าราคาข้าวพันธุ์ชเวโป ปอว์ ซาน (Shwebo Pawsan) หรือข้าวไข่มุกของเมียนมา ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นแตะ 110,000 จ๊าดต่อกระสอบ ในขณะที่ราคาข้าวพันธุ์อื่นๆ ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยในตลาดย่างกุ้ง ทั้งนี้ สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) จะร่วมมือกับโรงสีข้าว ผู้ค้าส่งและบริษัทต่างๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดข้าวและควบคุมราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ จะทำการตรวจสอบผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือที่เป็นอันตรายร้ายแรงบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อทำให้เกิดความกังวลต่อผู้บริโภคและการขึ้นราคาข้าวเป็นประโยชน์ในระยะยาวของอุตสาหกรรมข้าว

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/shwebo-pawsan-rice-price-rockets-to-k110000-per-bag/#article-title