เส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

นับตั้งแต่ สปป.ลาว เริ่มดำเนินการเส้นทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน เมื่อ 18 เดือนก่อน ส่งผลทำให้การขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าขยายตัวต่อเนื่อง รายงานโดยกลุ่มบริษัท China Railway Kunming เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) โดยได้ขนส่งผู้โดยสารไปแล้วกว่า 16.4 ล้านคน และขนส่งสินค้าปริมาตรรวมกว่า 21 ล้านเมตริกตัน นับตั้งแต่ได้เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2021 ด้านการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าที่มีการเติบโตหลักๆ เป็นผลมาจากเมื่อวันที่ 13 เมษายน ได้เปิดตัวเส้นทางรถไฟโดยสารระหว่างประเทศเพิ่มเติมที่สถานีคุนหมิงใต้และสถานีเวียงจันทน์เมืองหลวงของ สปป.ลาว ซึ่งได้ให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกไปแล้วกว่า 20,000 คน จาก 28 ประเทศทั่วโลก ด้านการขนส่งสินค้าส่วนใหญ่ ได้แก่ ปุ๋ย ของใช้จิปาถะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลไม้ เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten108_chinalaos.php

อุตสาหกรรมประกันภัยกัมพูชาขยายตัว 5.6% ในไตรมาสที่ 1

ไตรมาสที่ 1 อุตสาหกรรมประกันภัยในกัมพูชารายงานการจัดเก็บเบี้ยประกันภัยรวม 93.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากมูลค่ารวม 88.3 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายงานโดยหน่วยงานกำกับดูแลการประกันภัยของกัมพูชา (IRC) ซึ่งเบี้ยประกันขั้นต้นของตลาดประกันภัยทั่วไปในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมปีนี้อยู่ที่ 42.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่เบี้ยประกันชีวิตอยู่ที่ 48.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และเบี้ยประกันขนาดย่อมมูลค่า 1.83 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 45% ด้าน Bou Chanphirou ผู้อำนวยการใหญ่ของ IRC ได้กล่าวเสริมว่า ภาคธุรกิจประกันภัยคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 1.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของภาคธุรกิจประกันภัยของกัมพูชายังคงมีสัดส่วนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคและทั่วโลก โดยเชื่อว่าภาคประกันภัยจะยังสามารถเติบโตได้อีกในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501303841/cambodias-insurance-industry-records-5-6-pct-growth-in-q1/

กัมพูชา-ไทย เปิดตัว QR code โอนจ่ายข้ามพรมแดน เฟส 2

กัมพูชาและไทยเปิดตัวระบบชำระเงิน QR code ข้ามพรมแดน ผ่านระบบธนาคาร เป็นระยะที่ 2 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น การเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงกระตุ้นภาคการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน ถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างพิธีเปิดตัวระบบการชำระเงินนำโดย Chea Chanto ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยในเฟสแรกของโครงการได้เปิดตัวในปี 2020 สำหรับการทำธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของกัมพูชาในปี 2021 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 415.5 ล้านล้านเรียล (ประมาณ 102 พันล้านดอลลาร์) โดยจำนวนบัญชี e-Wallet ที่ลงทะเบียนในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นเป็น 19.5 ล้านบัญชี และจำนวนการทำธุรกรรมทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 708 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านครั้ง แสดงถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการใช้เทคโนโลยีในการชำระเงิน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501303481/cambodia-thailand-launch-cross-border-qr-payment-phase-ii/

พลังงานเผยช่วง 4 ด.ใช้น้ำมัน/วันเพิ่ม 3.1%

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รอบ 4 เดือน ของปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 158.86 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.1 และคาดว่าในครึ่งปีหลัง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศอย่างเห็นได้ชัด โดยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม – เมษายน ของน้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.86 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.8 การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 74.63 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 3.4 เนื่องจากเดือนเมษายน 2565 มีการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วสูงเนื่องจากการคลายความกังวลของประชาชนจากการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COIVD-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลต่อการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.89 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 92.4 ตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของหลายประเทศ การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.18 ล้าน กก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.3 การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.50 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.4 ในส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ปริมาณการนำเข้ารวม เฉลี่ยอยู่ที่ 1,098,731 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.9 และการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ปริมาณส่งออกรวม อยู่ที่ 151,539 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 2.6 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 15,164 ล้านบาท/เดือน ขณะที่ การคาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปี 2566 คาดว่า น้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 น้ำมันกลุ่มดีเซลปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 น้ำมันเตาปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 และ LPG ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 โดยการคาดการณ์ของกรมสอดคล้องกับการคาดการณ์ของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ปี 2566 ทุกชนิดจะกลับมาใกล้เคียงกับในปี 2562 ยกเว้นน้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เนื่องจากหลายประเทศยังคงมาตรการจำกัดการเดินทาง ประกอบกับสายการบินอยู่ระหว่างการฟื้นฟู

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/economy/news_563394/

“เวียดนาม” กลายมาเป็นตลาดบริการรับฝากเซิร์ฟเวอร์ที่น่าสนใจ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

จากรายงานของ KPMG ล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้ พบว่าเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 7 ของตลาดเกิดใหม่ชั้นนำที่ให้บริการเช่าพื้นที่สำหรับการวางเซิร์ฟเวอร์ (Server) และคาดการณ์ว่าขนาดตลาดจะพุ่งสูงขึ้นแตะ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2569 ทั้งนี้ คุณ Meir Tlebalde ผู้อำนวยการของบริษัท KPMG ประจำเวียดนาม กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Vietnam Investment Review ว่าการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับตลาดเทียร์-1 เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ซิดนีย์และโตเกียว คิดเป็นสัดส่วน 82% ของขนาดข้อมูลทั้งหมดในเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ดี ตลาดเทียร์-1 กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนที่ดินจำนวนมากที่ใช้ในการพัฒนาและต้นทุนของพลังงานทดแทนที่มีราคาสูง เป็นต้น อีกทั้ง จากข้อมูลของ Tlebalde ชี้ให้เห็นว่าตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของตลาดให้บริการเช่าพื้นที่สำหรับการวางเซิร์ฟเวอร์ของเวียดนาม มาจากต้นทุนที่ต่ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และระบบอินเทอร์เน็ตที่มีศักยภาพ ประกอบกับแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เร่งดีดตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-becomes-attractive-colocation-markets-for-foreign-investors-2151582.html

“เวียดนาม” ความต้องการจ้างงานลดน้อยลง

บริษัท ‘Navigos Group’ ผู้ให้บริการด้านการว่าจ้างพนักงานที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม เปิดเผยว่าความต้องการแรงงานยังอยู่ในระดับต่ำในหลายภาคส่วนของประเทศ รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและภาคเทคโนโลยี โดยจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย. ความต้องการจ้างแรงงานลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และ 16% เมื่อเทียบกับช่วงฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การจัดเลี้ยงและบริการที่พัก เผชิญกับความต้องการจ้างแรงงานที่ลดลงอย่างรวดเร็วถึง 43% แม้ว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับที่เคยตกต่ำถึง 55% ในปี 2565 ในขณะที่อุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกจากต่างประเทศ ได้แก่ สิ่งทอและรองเท้า ประสบกับปัญหาการจ้างงานที่ตกต่ำถึง 39% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ เงินเฟ้อที่สูงขึ้นและยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ชะลอตัวลง

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/employment-demand-slumps-navigos-group/

“เมียนมา” เผยเดือน พ.ค. ดันส่งออกพุ่ง 110,000 ตัน ในปีงบประมาณ 66-67

ตามข้อมูลของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ระบุว่าเมียนมาส่งออกข้าวและปลายข้าวไปยังตลาดต่างประเทศในเดือน พ.ค. มากกว่า 110,000 ตัน ในปีงบประมาณ 2566-2567 รวมทั้งข้าว 46,786 ตัน และปลายข้าว 63,920 ตัน ทั้งนี้ ช่องทางการส่งออกข้าวส่วนใหญ่ของเมียนมาผ่านทางทะเล 102,801 ตัน ในขณะที่ผ่านทางชายแดน 7,905 ตัน นอกจากนี้ เมียนมาได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวไว้ที่ 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณ 2566 และทำรายได้จากการส่งออกข้าวราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดจีนเป็นประเทศหลักของการส่งออกข้าวของเมียนมา ด้วยปริมาณมากกว่า 775,000 ตัน รองลงมาเบลเยียม 323,000 ตัน บังกลาเทศ 239,000 ตัน และฟิลิปปินส์ 202,000 ตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เมียนมาตั้งเป้าที่จะส่งเสริมการส่งออกข้าว 10% ต่อปี โดยให้ความสำคัญกับการส่งออกข้าวเกรดสูงและเพิ่มปริมาณการส่งออก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-over-110000-tonnes-of-rice-in-may-2023-2024-fy/#article-title

ธนาคารโลกพร้อมหนุน สปป.ลาว ในการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าภายในประเทศ

ธนาคารโลกได้อนุมัติโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า มูลค่าโครงการรวม 51 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของโครงข่ายไฟฟ้า สปป.ลาว ซึ่งดำเนินการโดย Electricité du Laos (EDL) ที่ขาดทรัพยากรอันจำเป็นสำหรับการบำรุงรักษาและอัปเกรดระบบ ทำให้ไม่สามารถลงทุนในอุปกรณ์และระบบที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น กล่าวโดย Alex Kremer ผู้จัดการธนาคารโลกประจำ สปป.ลาว ซึ่งคาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงสถานีไฟฟ้าย่อยของ EDL เพื่อเพิ่มการไหลของพลังงาน ส่งผลทำให้ลดการสูญเสียโอกาสในการจ่ายพลังงานไปยังผู้ใช้บริการ โดยจะส่งผลทำให้ EDL มีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ควบคู่ไปกับการพัฒนากริดไฟฟ้าให้มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten107_World_y23.php