“เวียดนาม-แคนาดา” ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคี 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เวียดนามและแคนาดาได้ตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศ 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระหว่างการประชุมของนาย ฝ่าม มีง จีง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และนาย จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจากการประชุมสุดยอด G7 ที่ญี่ปุ่น ทั้งนี้ นาย จัสติน ทรูโด กล่าวว่าแคนาดาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเวียดนาม เช่นเดียวกับบทบาทและตำแหน่งของเวียดนามในเวทีโลก แสดงให้เห็นมาจากเวียดนามเป็นหนึ่งในสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับเชิญให้มาร่วมประชุม G7 นอกจากนี้ เวียดนามเป็นคู่ค้าทางการค้าชั้นนำของแคนาดาในกลุ่มประเทศอาเซียนตั้งแต่ปี 2558 ขณะที่แคนาดาเป็นหนึ่งในคู่ค้านำเข้า 10 อันดับแรกของเวียดนาม

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/economy/vietnam-canada-to-increase-bilateral-trade-turnover-to-10b-4607655.html

งานแสดงสินค้าชายแดนเมียนมา-จีน จัดขึ้นที่เมืองเนปิดอว์

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ระบุว่าการจัดงานแสดงสินค้าชายแดนจีน-เมียนมา จัดขึ้นที่เมืองเนปิดอว์ โดยงานแสดงสินค้าในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศและยกระดับความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้าน งานแสดงสินค้าจะมีร้านค้ามากกว่า 100 ร้าน รวมถึงมีร้านค้าจากประเทศจีน 40 ร้าน และอีกประมาณ 70 ร้านมาจากเมียนมา ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจีนได้นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กาแฟและชา แมคคาเดเมีย อาหารสำเร็จรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวและสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ในขณะที่เมียนมานำเสนอสินค้า ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME)

ที่มา : https://english.news.cn/20230520/db4afc67d0894fa795d0726bc53bac2a/c.html

การขนส่งผ่านทางรถไฟ สปป.ลาว-จีน ขยายตัวต่อเนื่อง

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่าการขนส่งผ่านทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน มีปริมาณพุ่งไปแตะเกือบ 6.7 ล้านตัน นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 156 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดำเนินการโดย China Railway Kunming Group Co., Ltd. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท อุปกรณ์เครื่องจักรกล, เครื่องใช้ในครัวเรือน, ผักและดอกไม้ เป็นสินค้าหลักที่ทางรถไฟขนส่งจากจีนไปยัง สปป.ลาว ขณะที่สินค้าที่ทำการขนส่งจาก สปป.ลาว ไปยังจีน ได้แก่ แร่โลหะและมันสำปะหลัง เป็นสินค้าหลัก ในจำนวนสินค้าที่ขนส่งนั้น ปริมาณการขนส่งข้ามพรมแดนอยู่ที่ 4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.77 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 2.54 พันล้านดอลลาร์)

โดยทางรถไฟสายดังกล่าวเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน (Belt and Road Initiative) ซึ่งถูกนำมาใช้มากขึ้นสำหรับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ในแง่ของการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในช่วง 500 วันแรก มีผู้เข้าใช้บริการรวมอยู่ที่ 14.43 ล้านคน โดยทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน มีความยาวอยู่ที่ 1,035 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างเมืองคุนหมิงของจีน กับกรุงเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Laoschina95.php

ธนาคารโลก แนะกัมพูชากระจายความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว

ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชากำลังฟื้นตัว แนะกัมพูชาควรกระจายความเสี่ยงไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเสริมความมั่นคงทางระบบเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าการเติบโตจะเร่งตัวขึ้นเป็นร้อยละ 5.5 ในปี 2023 นำโดยการส่งออกและภาคการผลิตภายในประเทศ แต่ถึงอย่างไรการชะลอตัวที่เพิ่มขึ้นของอุปสงค์ภายนอก อาจทำให้ภาคการผลิตที่เน้นการส่งออกของกัมพูชาชะลอตัวลง ในขณะที่ภาคการเงินทั่วโลกตึงตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะกลางธนาคารโลกคาดว่าการเติบโตของกัมพูชาจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6 ซึ่งได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าและบริการที่แข็งแกร่ง และการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน สำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือและถนน เพื่อเอื้อต่อการเชื่อมต่อการขนส่งในภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเพิ่มเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ และการส่งเสริมการส่งออกที่หลากหลายในการเสริมความยืดหยุ่นและความสามารถในการแข่งขันของระบบเศรษฐกิจกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501293706/world-bank-says-cambodia-needs-to-diversify-its-tourism-products-and-improve-its-trade-competitiveness/

EU หนุนกัมพูชา ส่งเสริมด้านการค้าระหว่างประเทศ

สหภาพยุโรป (EU) พร้อมให้การสนับสนุนกัมพูชาทางด้านเทคนิค ในการริเริ่มโครงการ “ARISE Plus Cambodia” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจของกัมพูชาในการปฏิบัติและดำเนินการตามมาตรฐานสากล เพื่อเป็นการสนับสนุนการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป และตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค โดยองค์ประกอบหลักสามประการของโครงการ ARISE Plus Cambodia ได้แก่ นโยบายการค้า การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการเพิ่มขีดความสามารถของภาคเอกชน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างคณะผู้แทนสหภาพยุโรปและรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา Sok Sopheak โดยโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับกรอบการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การบูรณาการการค้าของกัมพูชา (CITS 2019-2023) ซึ่งจะเน้นการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศให้เข้ากับห่วงโซ่คุณค่าในระดับภูมิภาคและระดับโลกเป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501293704/eu-backed-project-to-boost-cambodias-trade/

“เวียดนาม” เตรียมสร้างโซล่าร์รูฟท็อบ

รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนสำหรับการผลิตไฟฟ้า รวมถึงการสร้างโซล่าร์รูฟท็อบสำหรับที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม แผนงานดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะยกระดับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและเตรียมจัดหาความต้องการใช้ไฟฟ้าให้เพียงพอในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปีในช่วงปี 2564-2573

ที่มา : https://www.pv-tech.org/vietnam-to-develop-rooftop-solar-for-onsite-consumption-as-part-of-approved-energy-transition-plan/

“เวียดนาม” คาดเป็นผู้นำโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชีย

ดัชนีโลจิสติกส์ตลาดเกิดใหม่ประจำปี 2566 (Agility Emerging Markets Logistics Index 2023) เวียดนามขยับขึ้น 10 อันดับแรกของดัชนีตลาดโลก 50 แห่ง โดยขยับขึ้นหนึ่งอันดับเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจากหลักเกณฑ์ของดัชนีดังกล่าว เวียดนามเป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก ด้วยคะแนน 6.03 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10) เป็นผลมาจากเวียดนามได้รับปัจจัยบวกจากจีนจากการย้ายฐานการผลิตระดับโลก ทั้งนี้ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีการขยายตัว 14-16% ต่อปี ซึ่งได้เสริมความแข็งแกร่งในฐานะหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดและมีเสถียรภาพที่สุดในประเทศ โดยมีมูลค่ารวม 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 42,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1536733/viet-nam-expected-to-emerge-as-a-prominent-logistics-player-in-asia.html

ผู้เชี่ยวชาญ UN ชี้กองทัพเมียนมานำเข้าอาวุธจากจีน-รัสเซีย 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่รัฐประหาร

กองทัพเมียนมานำเข้าอาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ อย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในเดือน ก.พ. 2564 ผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ (UN) กล่าวตามรายงานฉบับใหม่ที่เรียกร้องให้รัสเซียและจีนทำการช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านที่เผชิญกับรัฐบาลทหารของเมียนมา ทั้งนี้ ทอม แอนดรูวส์ ผู้สื่อข่าวพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา เปิดเผยว่า เฮลิคอปเตอร์ Mi-35, เครื่องบินรบไอพ่น MiG-29 และเครื่องบินแบบเบา Yak-130 ที่ผลิตในรัสเซีย และเครื่องบินไอพ่น K-8 ของจีน ถูกนำมาใช้ในการโจมตีทางอากาศที่โรงเรียน สถานพยาบาลและสิ่งก่อสร้างของพลเรือนหลายแห่ง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็น ยังเปิดเผยข้อมูลการค้าว่ามีการถ่ายโอนของอาวุธกองทัพและสินค้าอื่นๆ รวมถึงวัตถุดิบที่กองทัพเมียนมาใช้ในการผลิต นับตั้งแต่มีการรัฐประหารพบว่ามีการถ่ายโอนอาวุธจากรัสเซียเป็นมูลค่ากว่า 406 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากจีน 267 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.scmp.com/news/asia/southeast-asia/article/3220940/un-expert-says-myanmar-military-imported-us1-billion-weapons-china-russia-and-others-coup

สปป.ลาว-ออสเตรเลีย ให้คำมั่นสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Saleumxay Kommasith และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย Penny Wong ได้ตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและขยายความร่วมมือระหว่าง สปป.ลาว และออสเตรเลีย ในทุกมิติ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและออสเตรเลียเตรียมฉลองครบรอบ 50 ปี ของการเป็นหุ้นส่วนการเจรจา ออสเตรเลีย ซึ่งออสเตรเลียถือเป็นประเทศผู้สนับสนุนรายสำคัญของ สปป.ลาว โดยได้ให้ความช่วยเหลือทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และกิจการภายในกรอบอาเซียน เพื่อหวังพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ สปป.ลาว ไปจนถึงการบรรเทาความยากจนภายในประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten92_Laos_Australia_y23.php

GDT กัมพูชา ช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถจ่ายภาษีประจำปีทางออนไลน์ได้

กรมภาษีอากร (GDT) หน่วยงานภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (MEF) ได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนเพื่อให้ผู้เสียภาษีซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่จดทะเบียนในระบบ สามารถยื่นภาษีประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ (ToI E-Filing) โดยคำสั่งของ GDT ได้ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2566 เพื่อช่วยให้ผู้เสียภาษีเกิดความสะดวกในการชำระภาษี ลดความสับสนและซับซ้อน รวมถึงลดความผิดพลาดในขั้นตอนของการยื่นภาษี สำหรับการยื่นแบบแสดงรายได้และชำระภาษีเงินได้ ทั้งในรูปแบบรายเดือนและรายปีผ่านระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ สำหรับผู้เสียภาษีทุกประเภท ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เป็นต้นไป หลังจากที่ GDT ได้ยุติระบบการยื่นเอกสารรูปแบบเดิม โดยได้ริเริ่มระบบใหม่ที่เรียกว่า E-Administration ที่ช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถยื่นเอกสารทุกประเภท รวมถึงชำระภาษีส่งไปยัง GDT ผ่านระบบ E-Filing, ToI E-Filing และ Tax Prefiling

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501290817/gdt-allows-taxpayers-to-adjust-annual-tax-online/