นักการทูตนานาชาติชื่นชม “ทางรถไฟจีน-ลาว” เอื้อประโยชน์แก่อาเซียน

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเทศบาลนครฉงชิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ว่ารายงานระบุว่า บรรดาคณะผู้แทนทางการทูตต่างชาติประจำประเทศจีนล้วนมีความประทับใจ กับความสำเร็จหลากหลายด้านของเทศบาลนครฉงชิ่ง ทั้งในด้านการผลิต การคมนาคมขนส่ง โลจิสติกส์ และอีกมากมาย อนึ่ง เทศบาลนครฉงชิ่งได้รับการขนานนามเป็น “เมืองภูเขา” เนื่องจากถือเป็นประตูสู่ทิศตะวันตกของการเดินรถไฟจีน-ยุโรป และยังเป็นประตูสู่ทิศใต้ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเมืองแห่งนี้ได้เชื่อมโยงตนเองเข้ากับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ผ่าน “ทางรถไฟจีน-ลาว” ซึ่งก่อสร้างเสร็จสิ้น และเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2564

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/2146323/

‘Starlink’ เน็ตผ่านดาวเทียมของ Elon Musk มุ่งเปิดให้บริการในเวียดนาม

คณะผู้แทนจากธุรกิจสหรัฐฯ 52 แห่ง เดินทางมาเยือนเวียดนาม นำโดยสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ (US-ASEAN Business Council-USABC) วัตถุประสงค์ในการเดินทางในครั้งนี้ เพื่อแสวงหาความร่วมมือและโอกาสทางธุรกิจ และหนึ่งในธุรกิจสหรัฐฯ คือ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม จรวดขนส่งและยานอวกาศที่ก่อตั้งโดยนายอีลอน มัสก์ โดยการประชุมนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม กล่าวว่าบริษัท สเปซเอ็กซ์ มีความต้องการที่จะร่วมมือกับเวียดนาม และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (MIC) โดยเฉพาะการส่งเสริมความสามารถในการเชื่อมต่อดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต ในขณะเดียวกัน ผู้แทนของบริษัท สเปซเอ็กซ์ ย้ำว่าทางบริษัทที่เป็นเจ้าของ ‘Starlink’ ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมความเร็วสูงที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลและเป็นเกาะ โดยเคเบิลใยแก้วนำแสงแบบเดิมไม่สามารถเข้าถึงได้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัล

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/elon-musk-s-starlink-wants-to-bring-satellite-internet-to-vietnam-2124748.html

“ตลาดค้าปลีกเวียดนาม” ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกของเวียดนาม อยู่ที่ 142 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า อยู่ที่ 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการของเวียดนาม เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าราว 994.1 ล้านล้านดอง และด้วยอัตราการขยายตัวไปในทิศทางที่เป็นบวก ส่งผลให้ตลาดค้าปลีกของเวียดนามได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ประกอบการต่างชาติ

อีกทั้ง เมื่อเร็วๆนี้ ทางบริษัทเซ็นทรัล รีเทล (CRC) จากประเทศไทย เพิ่งประกาศปรับเพิ่มเงินทุน 1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม ซึ่งเป็นเงินลงทุนครั้งที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เซ็นทรัลเคยประกาศไว้ โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนร้านค้า 600 แห่ง ใน 57 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ นาย Olivier Langlet CEO ของ Central Retail Vietnam กล่าวว่าเวียดนามถือเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัท คิดเป็น 21-22% ของรายได้รวม และเมื่อปีที่แล้ว สัดส่วนของรายได้ข้างต้นปรับเพิ่มขึ้นที่ 25%

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1502559/viet-nam-s-retail-market-proves-attractive-for-foreign-investors.html

“เมียนมา” ประกาศจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา ประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้ธุรกิจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และไม่อนุญาตให้จัดเก็บสินค้าเข้าไปในคลังของกิจการได้ ในขณะที่กระบวนการออกใบอนุญาตนำเข้าเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยสาเหตุดังกล่าว ทางหน่วยงานรัฐฯ อ้างถึงผลกระทบของความล่าช้าที่จะทำให้มีผลต่อคุณภาพของสินค้านำเข้าและต้องการที่จะควบคุมตลาดให้ดีขึ้น โดยกฎระเบียบหรือข้อจำกัดที่เกี่ยวกับการค้าและอื่นๆ ได้รับการผ่อนปรนจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ถูกเข็มงวดมากขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังเกิดรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงชั่วคราว เนื่องจากจะมีระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/import-sector-further-restricted-in-myanmar/

สปป.ลาว เปิดตัวโครงการพัฒนาเกษตรกรรมบนที่ราบสูง

กระทรวงเกษตรและป่าไม้สปป.ลาว ร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และ World Vision ในการเปิดตัวโครงการด้านเกษตรกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับการพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกบนพื้นที่ราบสูงใน สปป.ลาว ภายใต้สภาพแวดล้อมทางอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยโครงการนี้มีงบประมาณประมาณในการพัฒนาอยู่ที่ 3.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก Global Environment Facility (GEF) และ FAO ซึ่งจะดำเนินการโดยกระทรวงเกษตรและป่าไม้, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ของ สปป.ลาว ตั้งแต่ในช่วงกลางปีนี้จนถึงปี 2026 ในการตั้งเป้าเพื่อปกป้องพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 4.5 ล้านเฮกตาร์ หรือเท่ากับร้อยละ 19 ของพื้นที่ทั้งหมดของ สปป.ลาว โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อ สปป.ลาว และชุมชนที่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมเป็นอย่างมากจากแนวโน้มฤดูฝนที่สั้นลงและรุนแรงขึ้น ไปจนถึงภัยธรรมชาติต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกทั้งทางตรงและทางอ้อม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_New60.php

กระทรวงฯ ท่องเที่ยวกัมพูชา เน้นแนวคิด IBEST ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาจ่อนำแนวคิด IBEST มาใช้เพื่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้เข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชามากขึ้น กล่าวโดย Song Tong Hap เลขาธิการกระทรวงการท่องเที่ยว ในระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการของกระทรวง ซึ่งแนวคิด IBEST จะเน้นคุณภาพในการให้บริการ สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย เทคโนโลยี และความสะดวกในการจองใช้บริการ โดย I ย่อมาจาก Improving คือการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว, B ย่อมาจาก Booking หมายถึงพัฒนาระบบการจอง ในขณะที่ E ย่อมาจาก Environment หมายถึงเน้นการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การดำเนินการตามมาตรฐานสีเขียว และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อมด้านการท่องเที่ยว, S ย่อมาจาก Safety คือการคำนึงถึงความปลอดภัยรอบด้าน และ T ย่อมาจาก Technology คือการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยแนวคิด IBEST เป็นเหมือนแผนที่นำทางสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการปรับผลิตภัณฑ์และการให้บริการของภาคธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการในปัจจุบัน และเพื่อเป็นแผนในการสนับสนุนแคมเปญ Visit Cambodia Year 2023 ซึ่งเป็นแคมเปญหลักในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวกัมพูชาในช่วงปี 2023 โดยในช่วงปี 2022 กัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.28 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 1,058% จากปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501262731/ministry-focuses-on-ibest-concept-to-attract-tourists/

นายกฮุนเซน วางยุทธศาสตร์พัฒนาภาคการเกษตร

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ได้สรุปแผนยุทธศาสตร์ใหม่ภายใต้นโยบายระดับชาติประจำปี 2022-2030 ในการพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อสร้างเสาหลักเศรษฐกิจใหม่ในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยได้กล่าวในพิธีปิดการประชุมประจำปีของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) ซึ่งนายกฯ ฮุน เซน กล่าวว่า MAFF จะต้องร่วมในการพัฒนาและลงทุนโดยเฉพาะต้นกล้าพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในปี 2022 ข้าวที่ปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชาได้รับรางวัล World’s Best Rice 2022 Award จากงาน World Rice Conference เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2022 นอกจากนี้ การส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของกัมพูชาไปยังตลาดต่างประเทศสูงถึง 1.18 ล้านตัน แซงหน้าไอวอรีโคสต์ซึ่งส่งออกที่ปริมาณ 1.1 ล้านตัน ด้วยสถานการณ์ข้างต้น ทำให้ภาครัฐฯ ต้องเร่งพัฒนาความสามารถทั้งการเพาะปลูก การแปรรูป และการวิจัย ไปจนถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์อย่างเหมาะสม พร้อมกับรัฐบาลวางแผนที่จะปล่อยเงินกู้ 100 ล้านดอลลาร์ สำหรับการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/1262572/pm-outlines-new-strategies-for-agriculture-development/